นครศรีธรรมราช - ประท้วงเปลี่ยนชื่อโรงเรียน “ท่านครญาณวโรภาส อุทิศ” เป็น “เทพศิรินทร์” บานปลาย ครูนักเรียนแห่พบ ผอ.สพท.หนุนเดินหน้าโครงการเครือข่ายเทพศิรินทร์ประกาศปกป้อง ผอ.สุดชีวิต แฉ กลางที่ประชุมการเมืองท้องถิ่นแทรกแซงสถานศึกษาสร้างกระแสก่อนลงชิงชัยนายก อบต.
กรณีที่ นายกิตติพงศ์ จัตุรงค์ นายก อบต.ปากนคร พร้อมด้วย รองนายก และสมาชิก อบต.ปากนคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.และผู้นำท้องถิ่นในตำบลใกล้เคียง เช่น ต.ท่าไร่ ท่าซัก รวมทั้งผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนโรงเรียนท่านครญาณวโรภาส อุทิศ ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 300 คน มารวมตัวกันประท้วงบริเวณริมถนนหน้าโรงเรียนท่านครญาณวโรภาส อุทิศ เพราะไม่เห็นด้วยกับการที่ นายสุจินต์ พิมเสน ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมคณะครูโรงเรียนท่านครญาณวโรภาส อุทิศได้ตกลงกับทางโรงเรียน “เทพศิรินทร์” ที่จะให้โรงเรียนท่านครฯ เป็นโรงเรียนเครือข่ายของโรงเรียนเทพศิรินทร์ และเปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนท่านครญาณวโรภาส อุทิศ มาเป็นโรงเรียนเทพศิรินทร์ เหตุเกิดเมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 15 ก.พ.และในวันที่ 18 ก.พ.2551 ตามที่เป็นข่าวมาแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าวันนี้ (19 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น.ครูอาจารย์โรงเรียนท่านครญาณวโรภาส อุทิศ จำนวน 70 คน นำโดย นายขจร ชูสาลา ครู กศ.2 พร้อมด้วยคณะกรรมการนักเรียนอีกจำนวนหนึ่งเดินทางไปยังสำนักงานเขตพื้นที่นครศรีธรรมราช เขต 1 เพื่อพบกับ นายสมบูรณ์ สว่างวรชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่นครศรีธรรมราช เขต 1 (สพท.1) เพื่อร่วมชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่มีนักการเมืองท้องถิ่น และผู้ปกครองนักเรียนบางส่วนรวมตัวกันประท้วงคัดค้านโครงการโรงเรียนเครือข่ายเทพศิรินทร์ โดยมีการตั้งเวทีปราศรัยหน้าโรงเรียนบิดเบือนข้อเท็จจริง จนนำไปสู่การขับไล่ นายสุจินต์ พิมพ์เสน ผอ.โรงเรียน
นายสมบูรณ์ สว่างวรชาติ ได้เชิญคณะครูนักเรียนเข้าร่วมประชุมในห้องประชุม สพท.1 และกล่าวว่า โครงการเครือข่ายโรงเรียนเทพศิรินทร์ ตนทราบมาตั้งแต่ต้น และเห็นด้วยมาตั้งแต่ต้น เมื่อทางผู้บริหารโรงเรียนเทพศิรินทร์มาเจรจากับตนเป็นการเบื้องต้น ตนจึงตอบตกลงทันที เพราะมันมีแต่ได้กับได้ โดยในส่วนของโครงสร้างเดิมของโรงเรียนท่านครธรรมราชไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือได้รับผลกระทบในทางลบเลย
“ผมคิดว่าผู้ประท้วงเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือเข้าใจไม่หมด สิ่งที่ผู้ประท้วงหวั่นวิตกว่าผลประโยชน์ จะไม่ได้รับบุตรหลานในพื้นที่นั้นไม่เป็นความจริง เพราะระเบียบการรับสมัครเด็ก รวมทั้งมาตรฐานต่างๆ ในการประเมินคุณภาพการศึกษาก็ยังเหมือนเดิม เพราะเป็นมาตรฐานการศึกษาทั้งประเทศที่อยู่บนพื้นที่ฐานตัวบ่งชี้ 7 ตัวบ่งชี้เหมือนกันทุกแห่ง และหากเป็นเครือข่ายเทพศิรินทร์ สาระสำคัญอยู่ที่การวงเสริม ช่วยเหลือสนับสนุนกันในทางวิชาการ สื่อการเรียนการสอน บุคลากร ครูอาจารย์ เท่านั้น
แม้แต่เรื่องการเปลี่ยนชื่อก็ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ใช่ใครคิดจะเปลี่ยนชื่อโรงเรียนก็ทำได้ มันจะต้องผ่านมติของคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาเสียก่อนและความจริงโครงการนี้สามารถใช้ชื่อเดิมรวมอยู่ด้วยได้ เช่น เทพศิรินทร์นครศรีธรรมราชญาณวโรภาส อุทิศ เป็นต้น”
ผอ.สพท.เขต 1 นครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตนรับว่าจะแก้ไขปัญหาเองจะพยายามทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย ขอให้ครูอาจารย์ นักเรียนอดทนให้มากที่สุด ตนจะหาทางแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเรื่องจะจบลงอย่างไรอยากให้ทั้งสองฝ่ายมองที่ผลประโยชน์ของโรงเรียนและนักเรียนเป็นหลักอย่าคิดว่าเป็นการแพ้ชนะกัน
โดยให้คิดว่าจะร่วมมือกันอย่างไรที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับบุตรหลานในพื้นที่เป็นที่ตั้ง ซึ่งในความเป็นจริงโครงการนี้ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเป็นทางการเลย เป็นเพียงการเจรจาพูดคุยเบื้องต้นเท่านั้น
ดังนั้น ตนคิดว่าการทำความเข้าใจและการยุติปัญหา ในเบื้องต้นจะต้องกลับไปอยู่ในจุดเดิมกันก่อนคือท่านครญาณวโรภาส อุทิศ จากนั้นจะปรึกษาหารือค่อยๆ ทำความเข้าใจกันทุกฝ่ายบนพื้นฐานของเหตุผล ตนมั่นใจว่า หากผลสรุปออกมาว่าโครงการนี้ส่งผลดีมีแต่ได้กับได้กลุ่มผู้ประท้วงที่รักลูกหลายก็คงจะเห็นด้วยและหันมาช่วยกันพัฒนาสถานศึกษาแห่งนี้อย่างเต็มความสามารถ
ด้าน นายขจร ชูวาลา ตัวแทนคณะครู กล่าวว่า คณะครู นักเรียนโรงเรียนท่านครฯ เครียดกันมาหลายวันแล้ว เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงพยายามบิดเบือนความจริงและในที่สุดก็หันมาขับไล่นายสุจินต์ พิมพ์เสน ผอ.โรงเรียนที่ในวงการการศึกษาไทย ถือว่านายสุจินต์ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการจัดการศึกษาในระดับแนวหน้าของประเทศคนหนึ่ง คณะครู อาจารย์ นักเรียนนักศึกษาเสียขวัญและกำลังใจมากที่ผู้ประท้วงเปลี่ยนมายื่นข้อเสนอ 1 ใน 2 ข้อ ให้ย้าย ผอ.ภายใน 15 วัน จากเดิมยืนยันเรื่องไม่ยอมให้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนเพียงอย่างเดียว
“ผมอยู่ในพื้นที่มานานรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นอย่างดีว่าการประท้วงมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง โดยมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะแกนนำบางคนกำลังจะลงสมัครนายก อบต.ในพื้นที่จึงพยายามที่จะสร้างกระแส สร้างเพาเวอร์ให้กับตัวเอง และไม่มีเหตุผลข้ออ้าง ข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ผอ.สุจินต์ อย่างชัดเจนและไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย ท่าน ผอ.ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง ทั้งการเชิญฝ่ายการเมืองท้องถิ่น ผู้ปกครองมาร่วมประชุมเป็นการเบื้องต้น แต่นักการเมืองที่เป็นแกนนำในการประท้วงเข้าร่วมประชุมไม่กี่นาทีก็ออกจากห้องประชุม และไปนำชาวบ้านมาประท้วงในวันที่ 15 ก.พ.และในวันที่ 18 ก.พ.”
นายขจร ชูวาลา กล่าวอีกว่า แกนนำประท้วงบางคนไม่ยอมให้บุตรหลานเรียนที่โรงเรียนท่านครฯ ด้วยซ้ำแต่ให้ไปเรียนโรงเรียนดังๆ ในตัวเมือง คณะครู อาจารย์ นักเรียน และผู้ปกครองส่วนใหญ่อยากให้ทางผู้บังคับบัญชาทราบข้อเท็จจริง และพิจารณาถึงข้อเสนอให้ย้ายนายสุจินต์ ผอ.โรงเรียนที่ผู้ประท้วงกำหนด 15 วัน หากทาง สพท.ย้าย นายสุจินต์ ตามข้อเรียกร้องจะส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของครู อาจารย์ทั้งหมดรวมทั้งนักเรียน ผู้ปกครองส่วนใหญ่ด้วย ซึ่งทุกคนพร้อมที่จะปกป้อง นายสุจินต์ จนถึงที่สุด