xs
xsm
sm
md
lg

ประท้วงย้าย ผอ.“ท่านครญาณวโรภาส อุทิศ” หลังเตรียมเปลี่ยนชื่อ ร.ร.เป็น “เทพศิรินทร์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นครศรีธรรมราช - ประท้วงเปลี่ยนชื่อโรงเรียน “ท่านครญาณวโรภาส อุทิศ” เป็น “เทพศิรินทร์“ บานปลาย ผู้นำท้องถิ่นพร้อมอดีตรองอธิบดีประชาสงเคราะห์นำชาวบ้านตั้งเวทีใหญ่ประท้วงหน้า ร.ร.ยื่นคำขาดย้าย ผอ.ภายใน 15 วัน ส่วน ผอ.กร้าวไม่หวั่นไหวไปอยู่ที่ไหนก็ได้

จากกรณีที่ นายกิตติพงศ์ จัตุรงค์ นายก อบต.ปากนคร พร้อมด้วยรองนายก และสมาชิก อบต.ปากนคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนท่านครญาณวโรภาส อุทิศ ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 150 คน มารวมตัวกันประท้วงบริเวณลานหน้าเสาธงของโรงเรียนท่านครญาณวโรภาสอุทิศ เพราะไม่เห็นด้วยกับการที่ นายสุจินต์ พิมเสน ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมคณะครูโรงเรียนท่านครญาณวโรภาส อุทิศ ได้ตกลงกับทางโรงเรียน “เทพศิรินทร์” ที่จะให้โรงเรียนท่านคร เป็นโรงเรียนเครือข่ายของโรงเรียนเทพศิรินทร์ และเปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนท่านครญาณวโรภาส อุทิศ มาเป็นโรงเรียนเทพศิรินทร์ เหตุเกิดเมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 15 ก.พ.25501

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (18 ก.พ.) ผู้ปกครองนักเรียน จำนวนเกือบ 500 คน นำโดยนายกิตติพงศ์ จัตุรงค์ นายก อบต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายกิตติ รัตนปริคนธ์ กำนัน ต.ปากนคร นายนรินทร์ ยุทธชัย อบต.หมู่ 3 ต.ท่าไร่ และนายเสถียร รัตนโชติ ข้าราชการบำนาญ อดีตรองอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ มารวมตัวกันริมถนนหน้าโรงเรียนท่านครญาณวโรภาส อุทิศ พร้อมตั้งเต็นท์ และเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของ นายสุจินต์ พิมเสน ผอ.โรงเรียนอย่างดุเดือด ท่ามกลางความสนใจของผู้คนที่ผ่านไปมา ในขณะที่ พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สั่งกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 30 นายเดินทางไปรักษาความสงบเรียบร้อย

นายนรินทร์ รัตนโชติ อบต.ท่าไร่ กล่าวว่า ระยะเวลา 3 ปี ที่ นายสุจินต์ เข้ามาบริหารโรงเรียนไม่เคยมีความสัมพันธ์กับประชาชนในท้องที่เลย จะทำอะไรก็ทำตามความต้องการของตัวเอง โดยไม่ให้ความสำคัญกับความผูกพันของคนในชุมชนและประวัติความเป็นมาของโรงเรียน

โดยเฉพาะไม่เคยให้ความสำคัญกับพระครูญาณวโรภาส ที่เป็นผู้ริเริ่มและอุทิศที่ดินก่อตั้งโรงเรียน พยายามหาผลประโยชน์จากผู้ปกครองและนักเรียนทุกรูปแบบเรียกเก็บค่าโน่นค้านี่อยู่เป็นประจำ เช่นค่าเก็บขยะเทอมละ 400 บาท ค่าทำความสะอาดห้องน้ำเทอมละ 400 บาท เป็นต้น

จุดประสงค์ของการก่อตั้งโรงเรียนเมื่อปี 2535 เพราะต้องการให้เป็นที่รองรับด้านการศึกษาระดับมัธยมศึกษาของบุตรหลานใน ต.ปากนคร ต.ท่าไร่ ต.ท่าซัก และบางจาก รวมทั้งในละแวกใกล้เคียงอื่นๆ แต่ในปัจจุบันเมื่อ นายสุจินต์ เข้ามาบริหารลูกหลานในพื้นที่กลับไม่มีโอกาสเข้าเรียน เพราะต้องสอบแข่งขันกับเด็กทั่วไป โรงเรียนท่านครญาณวโรภาส อุทิศ จึงกลายเป็นโรงเรียนที่รองรับเด็กจากเขตเทศบาลที่ไม่มีที่เรียน หรือลูกหลานคนร่ำคนรวย

โดยเด็กในเขตเทศบาลนั้นทางเทศบาลจะรับผิดชอบจ่ายค่าใช้จ่ายให้โรงเรียนทั้งหมด ลูกหลานของคนร่ำรวยที่พร้อมจะจ่ายเงินให้กับโรงเรียนในรูปแบบต่างๆ เช่น ซื้อสิ่งของให้กับโรงเรียน หรือบริจาคเงินให้กับโรงเรียน องค์กร หรือบุคคลเหล่านั้นก็จะได้รับการขึ้นป้ายยกย่องชื่นชมว่าให้การสนับสนุนช่วยเหลือโรงเรียน

ในขณะที่ชาวบ้านที่ร่วมกันบุกเบิกแผ้วถากก่อตั้งสร้างเรียนมาตั้งแต่ต้น นายสุจินต์ กลับไม่ให้ความสำคัญแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านพระครูญาณวโรภาส ผู้ริเริ่มและอุทิศที่ดินก่อสร้างโรงเรียนชาวบ้านไม่เคยเห็นว่านายสุจินต์เคยทำอะไรที่เป็นสัญลักษณ์ในการยกย่องเชิดชูหรือเพื่อเป็นที่ระลึกถึงบุญคุณและคุณงามความดีของท่านพระครูญาณวโรภาสแม้แต่น้อย

นายกิตติพงค์ รัตนปริคนธ์ กำนันตำบลปากนคร กล่าวว่า โครงการโรงเรียนเครือข่ายเทพศิรินทร์ นายสุจินต์ ดำเนินการคนเดียว เพราะได้รับการติดต่อจากอดีตลูกศิษย์โรงเรียนเทพศิรินทร์คนหนึ่ง และมีการพูดยัดเยียดความรู้สึกกับเด็กนักเรียนหน้าเสาธงมาตลอดระยะเวลา 2-3 เดือน ว่าดีอย่างโน้นอย่างนี้จนนักเรียนส่วนใหญ่เห็นดีเห็นงามไปด้วย ซึ่งเราไม่ได้ขัดขวางโอกาสที่ลูกหลานจะได้รับจากการพัฒนาทั้งทางวิชาการและด้านอื่นๆ

แต่สิ่งที่ผู้ปกครองเกรงกลัว คือ การเป็นเครือข่ายเทพศิรินทร์จะทำให้บุตรหลานในพื้นที่เสียโอกาสมากกว่าเดิมหรือไม่ เพราะเขาคงต้องการคัดเอาเฉพาะเด็กที่เรียนดี ซึ่งบุตรหลานชาวบ้านที่ยากจนก็หมดโอกาสเข้าเรียน ดังนั้น ความเป็นเลิศทางวิชาการจึงไม่มีประโยชน์อะไรกับบุตรหลานของประชาชนในพื้นที่เลย

ในขณะที่ นายเสถียร รัตนโชติ อดีตรองอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ กล่าวว่า ในวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้นำท้องถิ่นและผู้ปกครองนัดประชุมหารือกันในเรื่องนี้ที่วัดนางพระยา ต.ปากนคร และพยายามเชิญ นายสุจินต์ พิมเสน ผอ.โรงเรียนไปชี้แจงข้อดีข้อเสียในการเป็นเครือข่ายเทพศิรินทร์และเปลี่ยนชื่อโรงเรียน แต่นายสุจินต์ไม่ให้ความสำคัญและไม่ยอมไปชี้แจงอ้างว่าติดทำธุระบางอย่างในตัวเมือง เมื่อผู้ปกครองมารวมตัวกันที่หน้าเสาธงเพื่อให้นายสุจินต์ ชี้แจงนายสุจินต์กลับพุดจาในลักษณะดูหมิ่นดูแคลนผู้ปกครอง

“ผมคิดว่าหาก นายสุจินต์ บริสุทธิ์ใจต้องการให้เกิดความเป็นเลิศทางวิชาเป็นประโยชน์แก่เด็กในพื้นที่จริง โดยไม่มีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังและไปชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ปกครองทุกอย่างคงไม่ลุกลามมาจนถึงวันนี้ และการเป็นเครือข่ายเทพศิรินทร์ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อแค่มาเติมข้อความหลัง “ท่านครญาณวโรภาส อุทิศ ว่า เครือข่ายเทพศิรินทร์” ก็น่าจะทำได้ไม่ยาก”

สำหรับข้อเรียกร้องในวันนี้ผู้ปกครองต้องการให้ใช้ชื่อเดิม คือ โรงเรียนท่านครญาณวโรภาสเหมือนเดิม และขอให้ย้าย นายสุจินต์ พ้นตำแหน่งหน้าที่ผู้อำนวยการโรงเรียน เพราะอยู่ไปสถานการณ์ความขัดแย้งจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นตัวการสร้างความแตกแยกในพื้นที่ ซึ่งเราจะขอพบนายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 เพื่อมารับข้อเสนอที่เป็นลายลักษณ์อักษร

พร้อมชี้แจงโครงการโรงเรียนเครือขายเทพศิรินทร์กับชาวบ้าน และผู้ปกครองจะให้เวลา 15 วัน ในการพิจารณาในเรื่องนี้หากผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การีศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 ไม่มาพบการรวมตัวเรียกร้องก็จะยืดเยื้อต่อไป และหากครบกำหนด 15 วันได้คำตอบไม่เป็นที่พอใจผู้ปกครองจะรวมตัวเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกครั้งอย่างแน่นอน

ในขณะที่ นายสุจินต์ พิมเสน ผู้อำนวยการโรงเรียนท่านครญาณวโรภาส อุทิศ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น โดย ผอ.โรงเรียนเทพศรินทร์ และนายกสมคมโรงเรียนเทพศิรินทร์ มาที่นครศรีธรรมราช เพื่อแสดงความยินดีกับนายณัฐวุฒิ ภารพบ นายกสมาคมกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการคัดเลือกให้เป็นศิษย์เก่าดีเด่นของโรงเรียนเทพศิรินทร์

นอกจากนี้ มีความคิดว่าจะมีโรงเรียนเครือข่ายเทพศิรินทร์ ที่นครศรีธรรมราชสักแห่ง และเห็นว่าโรงเรียนท่านครญาณวโรภาสมีความพร้อม เขาจึงเข้ามารเจรจาที่โรงเรียนและตนจึงต้องจัดเสาวนาภายในเพื่อสอบถามครูอาจารย์ บุคลากร และนักเรียนก่อนว่าจะเอาหรือไม่ หากในโรงเรียนไม่เอาเรื่องก็จบแค่นั้น แต่หากภายในโรงเรียนเห็นด้วยขั้นตอนต่อไปจึงจะปรึกษากับผู้นำท้องถิ่นและผู้ปกครอง

แต่เมื่อทางผู้ปกครองรวมตัวประท้วงเขาไม่ต้องการโครงการนี้ก็ยุติไม่มีปัญหาอะไร และคงจะมีโรงเรียนอื่น ๆ อีกหลายโรง ในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่จะเข้าร่วมเป็นโครงการเครือข่ายเทพศิรินทร์แทน ซึ่งการที่ผู้ปกครองหรือผู้นำท้องถิ่นกลัวว่าหากเป็นเครือข่ายเทพศิรินทร์ยิ่งทำให้บุตรหลานเข้าเรียนยากขึ้น เรื่องนี้ตนคิดเป็นข้ออ้างที่ไร้เหตุผล เพราะไม่มีเหตุใด ๆ ที่จะขัดขวางเด็ก

ส่วนการที่ยื่นเสนอขอให้ย้ายตนภายใน 15 วันตนก็ไม่ได้ตกใจอะไรตนมาอยู่เพื่อทำการศึกษาให้กับโรงเรียนนี้ และยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ทำอะไรที่ข้ามหรือลัดขั้นตอน หากเขาไม่ให้อยู่ที่นี่ก็ไปอยู่ที่อื่น ซึ่งจะไปอยู่ไหนก็ได้ตนพร้อมที่จะทุ่มเททำประโยชน์ให้กับทุกแห่งที่ตนไปอยู่

“ล่าสุดทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 ก็เดินทางมารับข้อเสนอแล้ว ส่วนจะพิจารณาย้ายตนภายใน 15 วันหรือไม่ก็เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ตนไปอยู่ที่ไหนก็ได้ไม่หวั่นไหวใด ๆ และกลุ่มผู้ประท้วงได้สลายตัวไปแล้ว“ นายสุจินต์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น