xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) ยืนหนึ่งตัดเองสู้วิกฤตแข่งขันสูง! “ชาติวินเทจ”ตั้งราคาที่รักษามิตรภาพลูกค้าเก่า-ใหม่อย่างไรก็ไม่ขาดทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“แต่ก่อนก็มีลูกน้องพอหลังโควิดฯ มาก็ต่างคนต่างไป ตอนนี้ผมเอาแค่คนเดียวดีกว่า ร้านเปิด 09.00น.-ปิดเกือบๆ ทุ่มก็มี สูงสุดเคยทำได้เกือบๆ 50 ในวันเดียวแต่หลัง ๆ มา 30 หรือ 20 กว่า เอาที่เราได้พักบ้าง เดี๋ยวนี้เน้นแค่ 20 ถ้าติดพันหน่อยก็ 30 หัวต่อวัน


แต่ก่อนแบบวัยรุ่น ๆ หน่อย ร้านมันน้อยอย่างว่าแหละแต่ก่อนร้านมันน้อยครับยืนได้ยาวแบบว่า ลูกค้าเข้ามาแบบว่าเราไม่ได้พักแต่ก่อนเคยทำ เราลอง ๆ ทำดูว่าลองดูซิว่ามันจะได้เท่าไร น้ำ-ข้าวก็แทบจะไม่ได้กิน ถ้ากินแบบไวไวเพราะลูกค้ารอเยอะ ก็ลอง ๆ ดูสักพักมันแย่! เพราะเรายืนทั้งวัน ยิ่งเราทำอาชีพนี้มาตั้งนานหลายปีแล้วมันแบบเริ่ม ร่างกายเริ่มแย่ลง ๆ เราก็ต้องพอดีอย่างบางทีผมก็บอกเขาว่าปิดแล้วนะอะไรนะบางทีแบบ พอแล้วบางทีแบบถึงเวลาเราแล้วอย่างเงี้ย 6 โมงกว่า-ทุ่มนึง ถ้าเกิดคนแบบเหมือนซา ๆ เราก็ดึงประตูปิดแล้ว” ช่างชาติ-สุชาติ สังวีระ เจ้าของร้านตัดผมชื่อร้าน “ชาติวินเทจ” ย่านดอนเมือง ปัจจุบันเจ้าตัวอายุ 40 ปีแล้วยึดอาชีพเป็น “ช่างตัดผม” มาตั้งแต่อายุได้ 16 ปี และกลายเป็นอาชีพหลักที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว (ภรรยาและลูก ๆ)ได้อย่างไม่เดือดร้อนใจและที่สำคัญคือช่างชาติบอกว่าตนเองไม่มีหนี้สินอีกด้วย จากจุดเริ่มต้นที่เห็นญาติ ๆ ต่างก็ยึดทำอาชีพนี้กันกอปรกับมีพี่(ลูกพี่ลูกน้องกัน) ที่ชักชวนว่าลองมาทำอาชีพนี้ดูไหม ไม่ต้องเหนื่อยไปเป็นลูกจ้างใคร เป็นอาชีพของตัวเอง “แต่ก่อนแม่ไปเลี้ยงหลาน(ลูกของพี่สาวแม่) ที่กำแพงเพชร ผมเกิดที่กำแพงเพชรครับ แล้วเราก็เรียนอยู่ในเมืองทีนี้เราก็เห็นญาติ(ลูกพี่สาวแม่) ตัดผมตั้งแต่เราขึ้น ม.1 ม.2 ม.3 เห็นเขามา ทุกวัน ๆ จนจบ ม.3 เราก็ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยแบบเอ๊ย! พี่สาว(ลูกป้า) ชวนเรียนตัดผมไหม? อะไรไหม? เขาบอกอาชีพมันสบายนะไม่ต้องไปเป็นลูกน้องใครอะไรอย่างเงี้ยครับ ก็เลยจับสอนได้ประมาณเกือบปีมั้งครับ แต่ทีนี้พอเริ่มจะเป็นแล้วแกก็บอกว่าให้เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ มาหาประสบการณ์ เขาบอกว่าถ้าเราอยู่แถวบ้านเราก็ได้แค่นี้ เราต้องหาประสบการณ์


อาชีพเดียวในชีวิตที่คิดทำคือการเป็น “ช่างตัดผม”
แต่ในซอยตลาดไนท์ก็จะมีญาติพี่น้องเปิดร้านประมาณ 4-5 ร้าน ฝึกร้านนี้ร้านนี้ไปเขาบอกว่า ฝึกร้านนี้ตัดสไตล์นี้ ร้านนี้ตัดสไตล์นี้ ตัดสไตล์นี้ จนญาติ ๆ เขาบอกว่าเอ็งต้องเข้าในกรุงเทพฯ แล้วนะ(ไปหาประสบการณ์และแฟชั่นผมในกรุงเทพฯ)“ไปร้านแรกมาอยู่กรุงเทพฯ ปุ๊บร้านแรก ไปอยู่บางกะปิอยู่ได้อาทิตย์เดียว เจ้าของร้านบอกว่าไปฝึกมาใหม่นะ(หัวเราะ) เพราะว่าช่างตัดผมจะต้องมีประสบการณ์ครับ มันต้องเจอทุกคน บางคนก็สมัยก่อนข้าราชการตำรวจ ทหาร จะตัดผมยากมาก! บางคนกระชากผ้าออกจากโต๊ะอะไรอย่างเงี้ยก็มีครับ เฮ้ยเอ็งตัดทรงอะไรให้วะเนี่ย! อะไรอย่างเงี้ยครับ”ก็ไปอยู่นั้นออกมาปุ๊บตอนนี้มันมีร้านอยู่ มันจะมีร้าน “นายทหาร” อยู่คนหนึ่ง คนนี้เป็นช่างตัดผมของป๋าเปรมฯ ร้านจะอยู่ตรงนาวง ก็มาอยู่กับเขาประมาณ 3-4 เดือน “คนที่จบใหม่ส่วนมากครับช่างตัดผม จะมาลงที่นี่เพราะมันเป็นร้านสวัสดิการครับ (จะตัดราคาไม่แพง) สมัยก่อน 40 บาทอะไรอย่างเงี้ยครับ ร้านสวัสดิการทหาร ผมก็มาอยู่กับเขาเหมือนกับได้ฝึกมือด้วยครับแล้วแกมีหลายที่ พอตรงนี้ตรงนั้นช่างขาดแกก็โยนเราไป รามอินทรา กม.7 กม.8 แกมีหลายร้านในโซนกองทัพบก ของทหารบก”พอจบจากแกปุ๊บก็ไปอยู่วัชรพลมีญาติเปิดร้าน แล้วก็มาหลักสี่ แล้วก็ไปหมู่บ้านศรีชัยทองแล้วก็ไปคลองเตย หาประสบการณ์ครับ แล้วก็กลับมาซอยแจ้งวัฒนะ(ปากซอย) แล้วก็ค่อย ๆ ไล่ ๆ เข้ามา มาอยู่ตรงริมบึงร้านญาติ ตอนนั้นไปเป็นทหารเรือแล้วกลับมา อีกประมาณปี-2ปีออกมาเปิดร้านของตัวเอง แต่ก่อนเปิดตรงข้ามเนี่ยครับ มาเปิดร้านเองและก็ขยับมาอยู่ฝั่งนี้เพราะว่าเจ้าของตึกเก่า(ที่ว่าผมมาเปิดร้านแรก) เขาขายตึกได้ก็เลยต้องมาหาตึกโซนใกล้ ๆ ตึกเก่า


เคยคิดจะถอดใจแต่สุดท้ายไม่มีอาชีพไหนสู้ได้
ก็เลยมาอยู่ตรงนี้ เป็นร้านชาติบูรพา บางคนก็เรียกชาติบูรพา-ชาติวินเทจ บางคนก็เรียกอย่างเด็ก ๆ เขาจะเรียก “ร้านโก๊ะตี๋”เพราะผมตัดผมให้พวกดารา พี่โก๊ะ(โก๊ะตี๋อาราบอย) พี่โก๊ะเป็นลูกค้าประจำและก็มีคนดังอีกหลาย ๆ คน รวมทั้งนักกีฬา/นักฟุตบอลทีมชาติไทย โค้ชทีมชาติ นักฟุตบอลอาชีพ(จากไทยลีก) และอีกหลาย ๆ คนดังมีชื่อเสียงก็เคยมาตัดผมที่ร้านด้วย “ตอนที่ย้ายมาก็ไม่ได้บอกใครด้วยครับ จนมาเจอกันทีนี้ก็ปากต่อปาก สมัยก่อนร้านตัดผมน้อยครับ แต่ก่อนนี่โอ้โห!มาจาก ม.กรุงเทพ ม.รังสิต ม.ศรีปทุม วัยรุ่นดึงกันมา ดึงกันมา ม.รัตนฯ นี่มากันโอ้โห! ขนมาเป็นทั้งโรงเรียนเลย เด็กหอวังเวลาเขามากันทีมาเป็นห้อง! จนบางทีต้องปิดร้านตัด” สมัยก่อนมันไม่ค่อยมีพวกตัดแฟชั่น วินเทจ เราอาศัยว่าเราสมัยก่อน คนที่เรียนตัดผมสมัยก่อนจะเล่นแต่หวีครับ เพิ่งจะมาเมื่อโควิดฯ ร้านตัดผมที่เกิดเยอะๆ มากคนเริ่มเล่น “ปัตตาเลียน” เอามาขายมาตัดผมกันเอง พวกตัวรองพวกอะไรสมัยก่อนนี้ไม่มี พวกเรียนตัดผมใช้แต่ “หวี” หวีเล็ก-หวีใหญ่ สกินเฮดก็ใช้หวีใหญ่ เพิ่งจะมีมานี่ครับตัวรองเบอร์ 1 เบอร์ 2 เบอร์ 3 เบอร์ 4 ที่เอามาใส่ฟันแล้วไถกัน ไม่ให้มันตกหวี




“ฝึกจับหวีจับอะไรก่อนครับ แล้วก็ผมจะมองคนแบบว่าวัยรุ่นหรือว่าอะไรอย่างเงี้ยเวลาเห็นแบบเขามายืน เวลาเดินไปเจออย่างเงี้ย ฮึ้ยเขาตัดสวยนี่หว่าอะไรก็มองเขา เขาตัดแบบนี้ก็ดูดีนี่หว่าอะไร แล้วเราไปดูผมลูกค้าเฮ้ยผมคนนี้น่าจะตัดได้ ก็เฮ้ยลอง
ๆ ตัดอันนี้ดูบ้างไหม
? อะไรอย่างเงี้ยครับ” คนผมชี้ ผมตรง ผมบาง บางทีผมที่ชี้อย่างเงี้ยบางคนแบบตัวรองนี่ใส่ไถไม่ได้นะครับ บางคนเขาสั่งรองทรงต่ำพอมันเก็บผมไปปุ๊บมันจะเด้ง ๆ เด้งกันอย่างเงี้ย คือว่าเวลาเราเล่นหวีมันสำคัญมากบางคนอย่างช่างใหม่ ๆ อย่างเงี้ย ส่วนมากทุกวันนี้ลูกค้าจะบอกว่าไปร้านไหนเจอสั่งรองทรงต่ำ ได้รองทรงสูง/รองทรงกลาง เพราะเขาใช้ตัวรองไถ“มันไม่เหมือนปลายหวี ปลายหวีเราสอดปุ๊บ มันจะพอดีกับ มันจะเป็นชั้นของมันพอดี แต่ถ้าเกิดเราไถตัวนี้ไปปุ๊บ มันเหมือนเราเกินไปขยักแล้ว แล้วถ้าเกิดเราเก็บไปมันก็เผื่อไปแล้ว จะเริ่มไปกลางแล้ว” อย่างเงี้ยผมมองว่า ผมก็เคยลองนะรองทรงต่ำพอปุ๊บขยับไปปุ๊บ พอเราเก็บมันเหมือน มันเพิ่มชั้นเข้าไปมันจะเป็นกลาง ๆ บางคนเจอไปเจอผมแข็ง ผมดีด บางทีเก็บไปเรื่อย ๆ มันเริ่มบาน บาน บาน พวกผมแบบผมตรง ๆ ผมแข็ง ๆ พอบาน ๆ แล้วตลกแล้ว คราวนี้เขาบอกเฮ้ยมันสูงไปแล้ว ๆ เพราะอะไรข้างล่างยังเก็บไม่นวลเลย เพราะว่าเขาไปใส่ตัวรองแล้วไปเก็บ แต่ถ้าใช้ปลายหวีตัดมันจะดูได้ มันก็เหมือนจะกึ่งกันแต่งกึ่งรองทรงต่ำครับ ที่เรามาคว้านหมายถึงคว้านตัดปลายปัตตาเลียน มันต้องดูด้วยบางคน มันต้องมอง “หัว” ให้ออกว่า ลูกค้าผมสไตล์ไหนมายังไง หยักศก หยิก ผมตรง ผมชี้ ผมบาน ผมบางอย่างเงี้ย บางทีคนผมบาง ๆ เราไปใส่ตัวรองไถแบบขาวอย่างเงี้ยมันก็ดูแบบยังไง “ถ้าเล่นหวีเป็นมันจะช่วยได้ มันจะยกตัดมันกะดูผมแบบ เวลาเราทิ้งลง ไถปุ๊บทิ้งลงเป็นชั้น ๆ มันก็จะมองว่า เออมันพอดีหรือยัง ถ้าเกิดเราใส่ตัวรองมันขาวแล้วขาวเลยอะไรอย่างเงี้ย ผมบางคนไม่เหมือนกันแต่ละคน”ตอนนั้นที่ผมเรียน(อายุ16ปี) มันยังไม่มีตัวรองเลย ผมเรียนแต่หวีเล็กกับหวีใหญ่ ตัวรองมันเกิดขึ้นมาเพื่อช่วย “ทุ่นแรง” และก็ไวด้วย อย่างสกินเฮดอะไรอย่างเงี้ยตัดบางคนก็ชอบเฮ้ยอยากให้ยาวกว่า เบอร์ 1 เบอร์ 2 เบอร์ 3 มันมีตัวรองมันวัดความสูงได้ แล้วแต่คนว่าจะเก็บแค่ตีนผมหรือว่าจะเก็บให้เป็นรองทรงมันก็ได้อีกสองสไตล์แล้วแต่ใครชอบ




ร้านเปิดมาก็ได้รับการตอบรับดีจากลูกค้าตั้งแต่เริ่ม “ผมว่ามันมีมหาวิทยาลัยเนี่ยละครับร้านตัดผมมันน้อย เฮ้ยร้านพี่ชาติอยู่ตรงนี้ แนะนำกันมาแล้วนี่มาเขาไม่ได้มาคนสองคนแล้วทีนี้ พาเริ่มมาเป็นกลุ่มมาเป็นห้องแล้วตอนนี้ อีกอย่างหนึ่งเราตัดไม่แพงด้วยครับ เราตัดราคาทั่วไปของบาร์เบอร์ทั่วไปครับก็ขึ้นทีไม่แพงหรอกครับ” สมัยก่อน 70 /80 ผมขึ้นทีละ 10 บาท 10 บาทอย่างเงี้ยก็เหมือนทั่วไป แล้วอีกอย่างหนึ่งลูกค้าสมัยก่อนจะตัดยากกว่าสมัยนี้“ที่ข้าราชการยังไม่มาตัดทรงหัวเกรียนกันน่ะ พวกนายทหาร นายตำรวจ โห! ตัดผมมองซ้ายมองขวาตะแคงอย่างเดียวเลย ตัดทีนึงก็หันข้างทีนึงไอ้เราก็โห! แล้วยิ่งเป็นช่างใหม่บางที(เกร็ง) จะจบยังไงดีวะเนี่ย เสร็จยังไงดีวะเนี่ย แต่ถ้าเกิดเรามีญาติเฮ้ยอันนี้ตัดตรงนี้หน่อยบางทีญาติเราวิ่งมา แต่ถ้าเกิดเราไปหาประสบการณ์ เราไม่รู้จักใครเนี่ย บางคนเขาก็ชอบบางคนก็ไม่ชอบเหมือนเราไปแย่งงานเขา บางคนเขาก็ไม่สอนไม่บอกไม่อะไร เราก็ต้องอาศัยดู/จำเขาเอาครับ”แต่ถ้าเกิดเจอเจ้าของร้านดี ใจดี เขาก็จะบอกเฮ้ยตัดตรงนี้หน่อยนะอันนี้แบบนี้นะเหมือนแบบว่าเปิดโอกาสให้เราเนาะ เฮ้ยตัดตรงนี้อย่างนี้ ๆ เราก็โอเคหน่อยถ้ามีคนสอนอย่างเงี้ย แต่ถ้าเกิดไม่มีคนสอนบางทีหัวแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ก่อนเราก็ยังไม่เข้าใจ ตัดได้ เขาสอนเราก็ตามที่เขาสอน คือรองทรงต่ำคือรองทรงต่ำแต่เราไม่รู้ว่าผมคนนี้ตัดไปแล้วจะเป็นยังไง ลงหวีไปแล้วเป็นยังไง มันต้องมีคนคอยชี้แนะ“ผมก็เคยถอดใจเหมือนกันครับ(หัวเราะ) ถอดใจเหมือนกันแล้วก็กลับมาอีกที มาเริ่มใหม่อีกทีหนึ่งก็ตอนนี้ก็ทำได้เหมือนแบบว่ามัน มีกำลังใจหรือมันอะไรสักอย่างครับ”เห็นญาติเปิดร้านหลายร้านครับ ก็มันไม่เป็นลูกน้องใครบางทีเราเห็นเขาเนาะตื่นสายก็ได้ จะปิดจะเปิดตอนไหน(แต่ปิดบ่อยไม่ดี) เหมือนกับว่าจะเปิดตอนไหนก็ได้อะไรอย่างเงี้ยครับ บางทีเราตัดไปลูกค้าชมหรือว่าอะไรมันก็ภูมิใจบางทีก็เออมันดีใจว่าฮึ้ยลูกค้า บางทีพาเพื่อนพาฝูงมาอย่างเงี้ยเราก็เอ้อเริ่มมีกำลังใจแล้ว เอ้า เอาต่อ ๆ จนถึงทุกวันนี้




ไม่รับจองลูกค้าต้องมาหน้าร้านเท่านั้น ตามใจได้/ไม่ได้ก็จะบอกก่อน
บางคนก็บอกว่าพี่ชาติคิดไม่แพง ก็ตัดโอเค ผมเคยเอาภาพไปลงไว้ในกูเกิ้ลฯ ไม่ได้ตั้งใจแบบไปโฆษณาอะไร คนเข้าไปคอมเมนต์โอ้โหเยอะมากเลย มีทั้งลูกค้าเราและก็คนอื่นด้วยที่เราไม่รู้จัก แต่ก่อนเคยใส่เบอร์โทรด้วย(แต่ตอนนี้ลบเบอร์โทรออกไปแล้ว) เอาแต่ลูกค้าที่อยู่ในซอยเราแล้วครับบางทีเราเกรงใจเขา บางทีเขามาไกลอะไรอย่างเงี้ย มาแล้วแบบคนมานั่งรอนาน ถึงเวลาเขาตัดเราโทรไปก็ไม่ติด/ไม่รับ พอคนอื่นขึ้นปุ๊บจะมาแซงอีกคนหนึ่งอย่างเงี้ย ทีนี้ทะเลาะกันไม่เข้าใจกันอย่างเงี้ย ก็เลยตัดปัญหา“พี่นั่งรอดีกว่านะครับเพราะว่าผมไม่รับจอง (มาที่หน้าร้านเท่านั้น) ให้เขาไปทำธุระก่อนจะได้ไม่มีปัญหากัน” ตอนโควิดฯ ที่ว่ารัฐบาลแจ้งให้โทรนัดลูกค้ามาทีละคน ทีละคน ลงบันทึกไว้ว่าใครจะมาตัดก็ต่อคิวไว้ถึงเวลาก็โทร พอโทรหาปุ๊บไม่รับสายถึงคิวเขาแล้ว เขาบอกเดี๋ยวมา แล้วเขาก็ไม่บอกว่าติดธุระอะไรอยู่ อีกคิวต่อไปผมโทรหา พอขึ้นโต๊ะปุ๊บอีกคนหนึ่งขี่เข้ามาชนกัน เอาแล้ว โดนบ่นแล้ว(หัวเราะ) ก็เจอปัญหานี้มาเลยแบบ เอาอย่างงี้ดีกว่าไม่รับจองดีกว่า


แล้วเดี๋ยวนี้ดีนะมันมีกูเกิ้ล เปิดภาพ บางคนก็ได้บางคนก็ไม่ได้เราก็ต้องบอก อธิบายให้เขาฟัง ไม่ใช่ไปฝืนตัดให้เขาแล้วมันออกมาไม่เหมือนมันไม่ได้ครับ (มีขัดใจลูกค้าด้วย!)“เราก็มีตัดให้แต่เราก็จะบอกก่อนว่า พี่ถ้ามันตัดไปแล้วผมมันเป็นอย่างงี้นะ อ่าเราไม่ได้นะผมพี่มันตรง พี่ไม่ใช่หยักศกนะแล้วพี่ไปเอาอย่างเงี้ย แล้วมาตัดแล้วมันเด้งบานแล้วมัน ถ้าพี่บอกไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ก็เอาเดี๋ยวผมตัดให้ มันก็ต้องยอมรับความจริง แต่ว่าไปเซ็ทหน่อยอะไรหน่อยหรือว่าไปกดให้มันลงหน่อยก็ได้ครับ แต่ก็ไม่เหมือนแบบธรรมชาติ” บางคนผมเขาไม่ต้องเซ็ทอะไรหรอก แล้วมันพลิ้วของมัน ส่วนมากผมตัดผมจะไม่ค่อยฉีดน้ำ ตัดแห้งก่อนดีกว่าครับ ฉีดน้ำคือต่อเมื่อมันเสร็จแล้วเราโอเคเข้าทรงเราค่อยฉีด บางทีพี่สังเกตดูครับคนที่ว่าไปตัดตามที่ใหญ่ ๆ บางที่นะครับเป็นบางที่ บางทีเขาไปเจอช่างตัดแล้วเซ็ทให้เลยบางคน พอกลับบ้านมาสระผมบางคนแฮ็กชี้โด่ชี้เด่มีแหว่งอีก! เพราะว่าถ้าเกิดน้ำมันกดมันมองไม่เห็นครับ มันมองไม่ออกว่าผมแหว่งหรือไม่แหว่ง ถ้าเกิดมาแบบว่ายิ่งสระผมมายิ่งดี “แต่เปียกผมว่าทุกรายครับตัดเปียกออกไปอย่างเงี้ย ตั้งแต่เริ่มแรกเลยนะถ้ามันแห้งขึ้นมา มันไม่ได้ทรงหรอกครับ เพราะว่าญาติพี่น้องผมเปิดร้านกันโอ้โหเกือบ 10 คนมั้งครับเปิดร้าน สมัยก่อนเป็นช่างอยู่สะพานควายพอแบบอยู่ด้วยกันนาน ๆ แล้วกลับไปอยู่ต่างจังหวัด กลับไปที่บ้านเกิด จ.กำแพงเพชร ก็ไปเปิดร้านที่ในเมืองกัน ตลาดไนท์ซอยนั้นร้านตัดผมมีประมาณสัก 10 ร้านติดกันเลยนะ ติด ติด เป็นดงเลย ผมไปอยู่กับพี่ศรีพี่สมบัติ(ร้านสมบัติ) ในซอยแล้วร้านไพศาล ร้านอุดม ร้านกมล เป็นญาติพี่น้องกันน่ะครับสอนว่าเฮ้ยต้องตัดอย่างงี้นะ อันนี้ต้องตัดอย่างเงี้ย เด็กต้องตัดอย่างงี้นะ ผู้ใหญ่ต้องตัดอย่างงี้นะ มันต้องมีคนติคนชี้นำ ผมแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทุกคนถ้าเกิดเรียน ถ้าเกิดเราจบมาแล้วเรามาเปิดอย่างเงี้ยเราตัดมันก็อยู่อย่างนั้นล่ะครับ มันก็ไม่พัฒนา มันไม่มีใครบอกเฮ้ยตรงนี้เอ็งต้องตัดขึ้นไปอีกหน่อยนะ เอ็งต้องเก็บตรงนี้หน่อยนะ อะไรอย่างเงี้ยครับ กรรไกรซอยตรงนี้ผมเป็นหลุม หัวแบบเป็นบุ๋มเป็นอะไรอย่างเงี้ยมันต้องมีเทคนิคใช้กรรไกรเก็บที่ว่า หัวเป็นร่องเป็นอะไรอย่างเงี้ยครับ หนังหัวย่นอะไรเงี้ย มันต้องมีเทคนิคในการตัดอีก”


ถ้าอย่างเขาถามว่า ช่างออกแบบให้หน่อย ผมก็บอก พี่เอาประมาณนี้ได้ไหม เอาอย่างนี้ดีไหม พี่ไม่ชอบสั้นไม่ชอบขาว ก็จะถามว่าพี่เอาขาวไหม เอาไม่ขาว หรือเอาขาวอะไรเงี้ย พอเขาบอกขาวปุ๊บเรารู้แล้วว่า เขาต้องการให้มันสั้นแล้วแบบว่าไม่ให้มันแบบ เขาไม่อยากเซ็ท คือว่าตัดยังไงก็ได้ให้ไม่ต้องเซ็ท พอลูกค้าเขาบอกอย่างเงี้ย แต่ไม่เอาขาว แล้วอีกแบบหนึ่งไม่เอาขาว แต่บางคนอยากขาวได้สั้นได้ อ้าวก็อีกแบบหนึ่ง“ทุกวันนี้ก็ดูจากกูเกิ้ลพวกแฟชั่นพวกเกาหลีพวกอะไรอย่างเงี้ย โซเชียลตัดกัน พอได้ตัดเพื่อนมหาลัยตัดเฮ้ยมาลองตัด แนะนำกันมาตอนนี้ก็โหเต็มเลย แต่ก่อนก็มีหลังV ตัดให้เป็นตัววี สโลปข้างหน้า สโลปให้ข้างบนมันแหลม ๆ(โมฮอก) แบบพี่แบงค์วงแคลช สมัยก่อนก็มีพวกดารานักร้องนั่นแหละตัดตามเขา” เมื่อก่อนมันมีทรงนี้ไง “ทรงวินเทจ” ช่วงนั้นผมมาอยู่ปี 2555 ก่อนปี 2555 เริ่มวินเทจเริ่มมีวัยรุ่นเริ่มตัดกัน สมัยก่อนจะเป็นหลังV หลังวีคัต ปัดเป๋ แล้วตอนนี้ข้างหลังV หายปุ๊บ กลายเป็นพับข้างบนทำเส้นเป็นวินเทจ(แต่ก่อนเป็นหลัง V รากไทร/หลังV) แล้วมาเป็นวินเทจ ทีนี้คนเริ่มตัด ตัด เด็กวัยรุ่นก็เรียกพี่ชาติวินเทจ-ชาติวินเทจ เลยก็มันเป็นทรงวินเทจครับตอนนั้น ก็เลยติดปากกันก็เลยเราตั้งชื่อให้ร้านวินเทจ แต่ในเฟซบุ้กส่วนตัวผม: ชาติบูรพา ช่างตัดผมมุมตึก(บูรพาคือชื่อซอย) แต่ว่าชื่อร้านหรือเวลาคนมาเช็กอินที่ร้านก็ “ชาติวินเทจ” ก็ลูกค้าส่วนมากเอาทรงนี้พี่ชาติ ตัดอย่างนี้ให้หน่อยอะไรให้หน่อย พอตัดออกไปก็ฮึ้ยโอเคพี่ได้ครับ ได้ครับ ก็ลองดูอะไรอย่างเงี้ยครับแต่ละคนมาสไตล์ใครสไตล์มันการแต่งตัวเด็กวัยรุ่นสมัยใหม่ครับ


ตั้ง “ราคา” ที่รักษามิตรภาพลูกค้าเก่า-ใหม่อย่างไรก็ไม่ขาดทุน
ผมก็แฟชั่นก็ตัด 140 บาท ผู้ใหญ่ตัดผมรองทรงธรรมดาไม่ได้สไตล์แฟชั่นก็ตัดแค่ 120 บาท เด็กเล็กผมจะไล่ตั้งแต่เด็กนักเรียน ป.1-ป.6 จะเก็บแค่ 70 บาท แต่ถ้า ม.1 -ม.6 จะเก็บแค่ 80 บาท(แต่ถ้าแฟชั่นหน่อยก็จะขอเก็บหัวละ 100 ไม่ได้เก็บราคาเท่าผู้ใหญ่) จนถึงเด็กมหาวิทยาลัยจึงจะเก็บเท่ากันกับผู้ใหญ่ แบบนี้มันกะง่ายดี ราคามันอย่างว่าผมก็ตัดผมมานานแล้วพี่ มันมีลูกค้าเก่าแก่ ถามว่าร้านอื่นที่มาเปิดใหม่ ๆ เขาโดดไปแบบ 200 – 200 กว่าแต่เราแบบ เรามีลูกค้าอยู่ ๆ มันเหมือน มันยังเห็นใจลูกค้าเก่า ๆ อยู่ มันเหมือนว่าไอ้นี่เอาเปรียบลูกค้าหรือเปล่า อยู่ ๆ แบบเฮ้ย เราตัดกันมาเขาอยู่กับเรามาตั้งนานแล้วเงี้ย อยู่ ๆ ต่อไปนี้ผมจะขึ้นราคาแล้วนะ คนเยอะแล้วอะไรเงี้ย มันไม่ได้ครับ เห็นใจกัน“ผมเน้นอย่างนี้ดีกว่าครับ เน้นแบบแล้วแต่บางคนเขาก็เอาไปเลย 200 เอาไป 150 (เป็นทิปให้) เราอาศัยอย่างนั้นดีกว่า บางทีเราเห็นเด็ก ๆ เขามากับเพื่อนเขาอยากตัดผม แต่ไม่มีตังค์ เราก็เฮ้ยเดี๋ยวพี่ตัดให้ฟรีก็ได้เอ็งไม่มีตังค์ เอ็งตังค์ไม่พอกลับบ้านก็ให้ตังค์บ้างอะไรบ้างบางที แล้วเด็กเนาะอยากตัดแฟชั่นเหมือนเพื่อนเขาไม่มีตังค์มาดูเพื่อนตัด”


เขาบอกว่าลงทุนครั้งเดียวพวกร้านตัดผม แต่มันก็มีซื้อบางอย่างนิด ๆ หน่อย ๆ บ้าง“เดี๋ยวนี้เด็กรุ่นใหม่ ๆ มา 180 /150 หรือ 200
ผมเห็นอยู่เห็นอยู่ครับ เยอะ ๆ เลย ผมก็ไม่คิดอะไรหรอกครับเพราะว่าลูกค้าใครลูกค้ามัน บางทีขาจรมาอย่างเงี้ยสิทธิ์ของเขา แล้วแต่เขาจะตัดตรงไหนก็ได้ ผมบางทีลูกค้ามาเห็นผมมีลูกค้านั่งหลายคนอย่างเงี้ยเป็นลูกค้าประจำ บางทีก็ไปตัดที่อื่นเราก็ไม่ว่าเราก็บอกว่าผมไม่ได้ว่าไม่อะไรหรอก แบบเราเข้าใจอยู่บางทีลูกค้ามานั่งรอเนาะ มันสามารถไปลองได้แล้วกลับมาได้อะไรอย่างเงี้ย” 
มันเป็นความพอใจ ทุกคนก็อยากลอง บางคนเขาเร่งรีบอย่างเงี้ย ผมขอไปตัดตรงนั้นก่อนนะผมต้องไปอย่างเงี้ย มันไม่ขาดทุนนะพี่ บางทีเราก็มีงานทำอยู่แล้ว “ผมว่ามันอยู่ที่ความชอบ บางทีคนมองเขาบอกว่าไม่ชอบบางคนแบบอึ้ยโอเคช่างคนนี้ตัดดีนะ โอเคนะ ก็ตัดมา ถ้า 100% ก็สัก 80% ดีกว่าถ้ามาแบบชอบเรานะ ไม่ได้เต็ม 100 หรอกครับ แต่ละคนไม่เหมือนกัน”ส่วนเรื่องรายได้ก็พอได้กิน ได้ใช้ ได้อยู่ครับ พอได้โอเคอยู่ครับเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัว ส่งลูกเรียน ไม่หวือหวาไม่รวย(หัวเราะ) เพราะว่าเราตัดราคานี้ ราคาแบบเป็นคนรุ่นเก่าอยู่ แล้วทุกวันนี้คนก็ประหยัดถามว่าบางคนเคยตัด 200 /200กว่าทุกวันนี้คนที่เคยตัดราคานั้น ก็เริ่มกลับมาราคาต่ำ ๆ แล้วเขาก็คงคิดว่าเอ้ยรองทรงเหมือนกันอะไรเหมือนกันราคา บางทีมันก็ยังเหลือตังค์ 70-80 ไว้กินข้าวได้บ้าง“แล้วก็จะมีฝรั่งที่สอนศาสนาที่เขาเคยมาตัดแล้ว ก็มีแนะนำกันมา ต่างชาติก็มีมาเรื่อย ๆ ครับเพราะว่าเขาสับเปลี่ยนกันเรื่อย ๆ บางคนเคยมาตัดก็เออเราเข้าใจกัน คุยเข้าใจกัน เขาบอกมายังไงเราก็โอเค ตัดถูกใจเขา ราคาก็ราคาเดียวกันไม่ได้คิดเพิ่ม”


ร้านหยุดทุก “วันพุธ” สัปดาห์นึงก็เหมือนกับคนทำงานก็ต้องมีวันหยุด ถ้าใครมีช่างเยอะก็ผลัดกันหยุด แต่ถ้าเกิดใครทำคนเดียวก็เอาวันพุธ เพราะวันพุธคนไทยส่วนมากจะถือว่า “ไม่ตัดผม” แต่บางคนเขาก็ตัดกัน ตัดกันเยอะ ถ้าใครเปิดก็มีลูกค้าครับ ขนาดว่าผมปิดร้านนอนปิดประตูลงครึ่งหนึ่งยังมีเปิดประตูเข้ามา “พี่ตัดผมหน่อย” บอกอ๋อวันนี้หยุด(หัวเราะ) อย่างวันนขตฤกษ์ส่วนมากเป็นวันหยุดของคนทั่วไป ร้านตัดผมก็จะมีงานผมจะไม่หยุด จะหยุดอีกทีก็คือปีใหม่กับสงกรานต์


วิกฤต+การแข่งขัน(สูง!) และ “โอกาส” ของร้านตัดผม
วิกฤตในเรื่องของ “คู่แข่ง” ก็เยอะขึ้นแล้วก็ ข้าราชการทหาร ตำรวจ ออกระบบใหม่ให้ตัดผมเกรียนตอนนี้ในกรมหรือในค่ายทหารเขาจะมีซื้อ “ปัตตาเลียน” ของทหารคือไถกันเองบ้างอะไรบ้าง บางคนก็ไม่อะไรมากก็ไถกันเอง ใส่ตัวรองข้างบนแล้วก็ไถข้างขาวอะไรอย่างเงี้ย ลูกค้ากลุ่มนี้ก็เลยหายไป แล้วก็เด็กนักเรียนยุคนี้ไว้ผมยาวได้ แต่ก่อนนี้เปิดเทอมเด็กต้องตัดผม แต่เดี๋ยวนี้เหมือนว่าโรงเรียนจะปล่อยแล้วแฟชั่นกันบางคนสองเดือนบางคนยาวเกือบ ยาวมาก ๆ แต่คุณครูไม่ว่าบางโรงเรียน ลูกค้าหายไปเยอะครับ“ร้านเปิดเยอะ ข้าราชการก็ไถกันเอง นักเรียนก็ไว้ผมยาวได้ ตอนนี้แล้วบางคนก็ซื้อปัตตาเลียนตัดกันเองช่วงโควิดฯ ก็พอเริ่มอยู่ตัดกันเองได้ก็ไม่เข้าร้านแล้ว ก็หายไปเยอะ บางคนลูกค้าบอกโอ๋ยไม่ได้มาเจอเลยพอดีจะไปงาน เลยมาหาช่างสักหน่อยปกติให้ภรรยาที่บ้านไถให้ เล็มให้(หัวเราะ)” เราเองก็ต้องปรับตัว(การลดไซซ์ของร้านให้มีแค่คนเดียว) เราก็เพื่อนก็บอกว่าทำไม่ขึ้นราคา เราดูวิกฤต/สถานการณ์แล้วและอีกอย่างร้านใหม่ ๆ ก็เปิดกันเยอะ เราไปทำอย่างนั้น แม้แต่คนใช้บริการบางคนเขาก็ยังแบบว่า 120 บาทบางคนก็ยังบอกว่าแพงบ้างอะไรบ้าง บางคนก็บอกทำไมไม่ขึ้นราคา มันพอเรามามองแล้ว “เราอยู่ได้-เขาอยู่ได้”เราเอาประมาณนี้ก่อนดีกว่ายังไม่ปรับหรอก ไม่เหมือนแต่ก่อนอย่างที่ว่าร้านมันเยอะ เป็น 10 ร้านมั้งในซอย (แต่ก่อนมีแค่ 2-3 ร้าน) ร้านผุดขึ้นมาเยอะ มีแต่คนไปเรียน เรียนมา จะเกิดอีกเยอะครับยังไง ๆ ผมว่ายังมีอีกเยอะ บางคนก็มาตัดผมช่างตรงไหนมีที่เรียนตัดผมบ้างอะไรบ้าง ประมาณ 10% (100 มีอย่างน้อย10%) ถามแบบนี้เยอะ บางคนจะเกษียณตรงไหนมีสอนตัดผมโรงเรียนอะไรบ้าง เยอะมากครับ


เป็นอาชีพ...ที่ไม่มีวันเกษียณ
ช่างชาติ-สุชาติ สังวีระ เจ้าของร้าน “ชาติวินเทจ” ยังบอกด้วย เป็นอาชีพที่ไม่มีวันเกษียณบางคนผมเห็น 70 ปี มีลุงอยู่คนหนึ่งอายุ 70 กว่าเขายังยืนตัดผมได้อยู่เลย ถ้าเกิดว่าร่างกายยังแข็งแรง สายตาไม่ไหว ยืนไม่ไหวนั่นแหละ มันทำได้ตลอดครับยิ่งเก๋านะบางคนโอ้โหช่างเก๋าช่างโบราณบางคนเขาชอบ บางคนอยากหาช่างที่เล่นหวี(ตัดหวีอย่างเดียว) บางคนก็อยากเจอช่างเล่นหวีตัดสไตล์หวีแบบไม่อยากเจอ “ตัวรอง” อยากเจอหวี มันละเอียด มันเนี๊ยบ มันดูแบบเก๋าจริง เคยเห็นเข้ามาอยู่มีคนมาหาช่างแบบ “เล่นหวี” เราก็เห็นว่ายังมีคนชอบแบบนี้อยู่ บางทีถ้าลูกค้าไม่เยอะ ถ้าว่าง ๆ แบบบางทีผมก็ใช้แต่หวีเหมือนกันนะ เล่นหวีเล่นอะไรค่อย ๆ ตัดสะกิดอะไรไปอย่างเงี้ย ลูกค้าก็ชอบนาน ๆ ได้คุยได้เล่นกัน ผู้ใหญ่เหมือนกันถ้าเราใช้หวีตัดเฮ้ย! ทำไมไม่ใช้ตัวรองตัด มันตัดได้เหมือนกันครับมันอยู่ที่เรา ว่าเราจะตัดแบบไหน ก็บางทีอยากตัดอย่างนี้บางทีอยากตัดอย่างนี้มันตัดได้หมดล่ะครับ เราเคยเรียน “หวี” มาตั้งแต่ไหนแต่ไรครับ เราไม่ได้มาแบบเป็นช่างโดยใช้ตัวรอง ยุคนั้นเล่นหวีอย่างเดียว อเมริกันพวกอะไร สกินเฮดนี่หวียกตัดให้มันกลม

“ก็วางแพลนไว้ว่าเดี๋ยวลูกเรียนจบอะไรเสร็จ ก็จะกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ก็ไปเปิดเล่นอยู่แถว ๆ บ้านเราครับ ทำก๊อกแก๊ก ๆ ไปครับอยากไปใช้ชีวิตแบบนี้นานแล้ว อยากออกไปอยู่บ้านเราแล้ว อยากจะพักแล้ว ดีหน่อยที่บ้านผมมันมีเป็นคลินิก มีคลินิกหมอแล้วคนหมู่บ้านอื่นเข้ามารักษามาอะไรอย่างเงี้ย แล้วคนพลุกพล่านตลอดเราก็เปิดอย่างนี้ ถึงตอนนั้นเราไปก็ไปเปิดต่อเลย”




ยืนหนึ่งตัดเองสู้วิกฤตแข่งขันสูง! “ชาติวินเทจ”ตั้งราคาที่รักษามิตรภาพลูกค้าเก่า-ใหม่อย่างไรก็ไม่ขาดทุน ท่ามกลางการจับต้องหมายปองอยากที่จะลองทำอาชีพนี้ดูบ้าง อาชีพที่ลงทุนครั้งเดียว บ้างก็ว่าเป็นอาชีพที่ไม่มีวันเกษียณ อย่างอาชีพ “ช่างตัดผม” จะเปิดเป็นร้านสไตล์แบบไหนก็สามารถออกแบบได้ตามความต้องการของเจ้าของธุรกิจที่อยากจะให้เป็นได้ทั้งนั้นเลย ดังจะเห็นได้จากหลากหลายร้านที่เกิดขึ้นมาในยุคนี้ ราคาค่าบริการของแต่ละร้านถูก/แพงก็แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จาก “ช่างชาติ” ในครั้งนี้ก็คือว่า การยืนระยะให้ยาว ๆ ในอาชีพนี้ ต้องยึดในเรื่องอะไรบ้าง โอกาสในการกอบโกยหรือเลือกที่จะ Share กันแบบ “เราอยู่ได้-เขาก็อยู่ได้” อย่างที่เจ้าของร้านชาติวินเทจใช้ในการฮีลใจกับลูกค้าเก่าแก่ รวมถึงลูกค้าใหม่ ๆ ที่เข้ามาด้วยในท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจ ที่หลายคนอาจกำลังอึดอัดใจกับภาระค่าใช้จ่ายอยู่ก็ได้ อาชีพช่างตัดผมที่เริ่มเจอวิกฤตบ้างการแข่งขันก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยแต่ทว่าก็ยังมี “โอกาส” ให้สำหรับทั้งคนเก่า ๆ และคนที่กำลังเข้ามาใหม่ได้พิชิตสู่ความสำเร็จเช่นกัน ขอบคุณเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจดี ๆ จากช่างชาติแห่งร้านชาติวินเทจ สามารถติดตามผลงานของร้านหรือใครที่กำลังอยากลองเปลี่ยนช่างเปลี่ยนทรงผมใหม่อยู่ล่ะก็ร้านตั้งอยู่ที่ 304 ถนนวัดเวฬุวนาราม (บูรพา/ตรงข้ามซอยเวฬุ 17) แขวง/เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ Google map : ร้านตัดผม ชาติบูรพา วินเทจ ส่งข้อความ FB : ชาติบูรพา ช่างตัดผมมุมตึก

คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น