“ขนมเบื้อง DIY คือมองดูแล้วสมัยนี้ลูกค้า ก็ต้องอยากทานอะไรที่มันง่าย ๆ เอากลับไปเก็บไว้ที่บ้านแล้วทำทานเอง เราก็เลยทดลองทำดูก่อนแยกแป้งไว้แล้วก็เก็บไว้ดูว่ามันอยู่ได้นานมั้ย ซึ่งชุดนี้แช่ตู้เย็นไว้ได้ 7 วันเวลาจะทานแป้งก็ยังกรอบอร่อยอยู่เหมือนเดิม”
ป้าแตน-แสงเพ็ญ ชัยวารีวงศ์ เจ้าของร้าน “ขนมเบื้องป้าแตน ม.เกษตรฯ” บอกถึงที่มาของขนมเบื้อง DIY ที่ตนเองทำขายควบคู่อยู่ด้วย พร้อมเล่าให้ฟังอีกว่า ทำอาชีพแม่ค้าขายขนมเบื้องมานานกว่า 30 ปีแล้ว โดยแรกเริ่มเลยคือจะขายอยู่ที่หน้าโรงเรียนเบญจมราชานุสรณ์ ในละแวกของหมู่บ้านที่ตนเองอาศัยอยู่ย่านประชานิเวศน์ จ.นนทบุรี จนกระทั่งประมาณสัก 8-9 ปีมานี้ ก็เลยมาได้ที่ขายประจำอยู่ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน คือจะมีร้านอยู่ที่ โรงอาหาร1 (โรงใหญ่) กับ โรงอาหารกลาง 2 ด้วยก็เลยปักหลักขายมาต่อเนื่องถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ก็ยังมีโอกาสได้ไปออกบูธตามงานมหกรรมต่าง ๆ หรืออีเว้นต์ที่จัดอยู่ในห้างฯ ด้วยซึ่งจะมีออร์แกไนซ์ของงานมาชวนไปออกร้านอยู่บ่อยครั้ง ก็ถือเป็นอีกช่องทางการขายใหม่ ๆ ที่เพิ่มมาได้นำขนมเบื้องออกไปเพื่อให้คนรู้จักมากขึ้น
จากพนักงานบัญชี สู่อาชีพแม่ค้าขายขนม
ก่อนจะมาขายขนมเบื้อง ป้าแตนเล่าว่าจริง ๆ ตนเองเคยทำงานประจำ เป็น พนักงานบัญชี แต่หลังจากที่ได้มาลองหัดทำขนมเบื้อง ลองปั่นแป้งทำเป็นแผ่นได้แล้ว ซึ่งความยากของขนมเบื้องก็คือ ขั้นตอนการหมุนหรือปั่นแป้งให้เป็นแผ่นที่พอดีได้ จากตอนนั้นพี่สาวของแฟนเปิดร้านทำขายอยู่ก่อน และพอได้มาเรียนรู้วิธีการทำจนทำได้แล้วก็เลยคิดว่าการขายขนมเบื้องรายได้ดีกว่า ที่เราต้องมานั่งทำงาน ดังนั้นก็เลยตัดสินใจลาออกมา เพื่อมาขายขนมเบื้องแทนดีกว่า
“ที่ลูกค้ามาชอบทานของเรานี่ก็คือ เนี่ยละค่ะรสชาติขนมเลยค่ะ ลูกค้าจะแบบว่าถ้ามาทานแล้วจะบอกว่า คือทานหนมเบื้องร้านนี้แล้วก็ไปทานร้านอื่นไม่ได้แล้ว จริง ๆ ค่ะแล้วเราก็จะได้ลูกค้าประจำตลอดเลย ชีวิตแบบสู้มาแบบขายบางทีเช้ามาก็เริ่มขายตามกระทรวงก็ไปนะ ตามกระทรวงพาณิชย์ตามอะไรอย่างเงี้ยไปมาก่อน ขายแบบเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ อย่างเงี้ยค่ะ เราเข้าขายมาหมดแล้วทั้งกระทรวงพาณิชย์ ทั้งไปรษณีย์ ฯลฯ ซึ่งถามว่ารายได้ก็ได้อยู่ค่ะ อย่างสมัยตอนนี้นะ ตอนนี้ถือว่าดี ดีกว่าทำงานเยอะเลย”
ขนมเบื้องลงทุนไม่สูงมาก อาศัยว่าทุกอย่างทำเอง
ขนมเบื้องป้าแตนลงทุนอย่างไร เช้ามาลงทุนเท่าไร ป้าแตนลงทุนวันต่อวัน เย็นมาเราขายได้เท่าไรเราสามารถหักหรือรู้ได้เลยว่า วันนี้ได้กำไรเท่าไร “ขนมเบื้องก็จะลงทุนไม่เยอะค่ะ เพราะทุกอย่างเราทำเองด้วย ด้วยที่ว่าของเป็นของที่เราทำเอง พวกแป้งครีมนี่เราซื้อมาเรานั่งทำเองหมดทุกอย่าง ไส้ เราก็ผัดเอง มันก็เหมือนกับว่าเราไม่ต้องไปซื้อที่ไหนใช่มั้ย เราทำเองค่ะ”
ปริมาณของการขายต่อวัน อย่างตอนนี้ “แป้ง” วันหนึ่งป้าแตนต้องทำแป้งอยู่วันละ 5 กก. ถือว่าเยอะแล้ว ส่วนตัว “ไส้” ก็คือจะทำแบบวันต่อวันเลย อย่างไส้เค็มก็ผัดวันละ 2 กก. ก็ได้1 กะละมังแล้ว มันจะหนักก็ตรงที่ว่าเราต้องทำเองทุกอย่าง ส่วนการขายก็จะมีเป็นแบบ “กล่อง” ราคา 50 บาท ได้ 10 ชิ้น(ชิ้นละ 5 บาท) กับอีกแบบเป็น “สูตรโบราณ” ขายราคาชิ้นละ 10 บาท จะมีอยู่ 2 สูตร ถ้าสูตรโบราณก็คือจะใช้ “ไข่แดง” เคี่ยวกับน้ำตาลทำเป็นตัวครีม กับอีกแบบซึ่งครีมจะใช้ “น้ำตาลมะพร้าว” เคี่ยวจะหวานกว่า ถ้าคนทานหวานน้อย เขาก็จะชอบทานแบบโบราณ
เปลี่ยนวิกฤต! เป็นโอกาสช่วงโควิดที่ผ่านมา
“อันนี้ถ้าเป็น DIY อย่างนี้เราจะขายชุดละ 100 บาท เราจะมีแผ่นแป้งให้ 25 แผ่น ไส้มีหวานกับเค็มที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ และก็ครีมที่แยกให้ต่างหากด้วย”
ป้าแตน บอกว่า ขนมเบื้อง DIY คือจะเป็นแบบลูกค้าโทรสั่งได้ แล้วทางร้านก็จะส่งให้ มีส่งไกลไปถึงแม่สาย จ.เชียงราย ก็เคยส่งมาแล้ว หรืออย่างในช่วงโควิดระลอกแรก ๆ เลยขายออนไลน์ดีมาก โดยเฉพาะ DIY ทำกันวันหนึ่ง ๆ เป็น 100 กว่าชุดเลยก็มี จะมีคนมารับที่บ้านด้วย และก็ส่งด้วย โดยจะเปิดขายอยู่ที่หน้าบ้าน ช่วงโควิดตอนนั้นมีลูกค้ามารับเองเลยถึงบ้าน แล้วเขาก็จะไปส่งตามคอนโดหรือตามออร์เดอของลูกค้าที่สั่งซื้อ ทำให้ร้านสามารถอยู่ได้เลยโดยที่ไม่ต้องไปขายเองในช่วงเวลานั้น
ขายตั้งแต่ราคา 1 บาท จนสามารถส่งลูกเรียนจบ ป.โท!
หยอด 1 ครั้งจนกระทั่งเสร็จแคะได้เลย ไม่เกิน 5 นาที ถ้าทำเต็มเตา 1 เตาก็จะได้ขนม 2 กล่อง ขนาดของเตาก็แล้วแต่สถานที่อย่างถ้าใน ม.เกษตรฯ ก็จะใช้เตายาวกว่านี้ เพราะว่าลูกค้าจะเยอะกว่า
“ราคาขนมตั้งแต่เริ่มขายตอนนั้น ราคาชิ้นละ 1 บาท เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วนะ จนมาถึงปัจจุบันนี้ก็ราคาชิ้นละ 5 บาท ซึ่งสำหรับการลงทุนต่อวันป้าแตนจะลงทุนอยู่ประมาณ ก็ตีรวม ๆ น่าจะอยู่ประมาณ 3,000 บาท/วัน ของจะหมดวันต่อวันเลย อย่างไส้เราก็จะผัดใหม่ทุกวัน ก็เหนื่อยอยู่นะคะ ถึงบอกว่าเป็นอาชีพที่ต้องใช้แรงงานนิดหนึ่ง และก็จะจุกจิกตรงที่ว่าเราทำเองหมดทุกอย่าง ซึ่งของสำเร็จมันก็มีแต่ว่าเราไม่ได้ใช้ ยังเน้นทำเองอยู่”
ป้าแตนบอกว่า มีคนมาติดต่อเพื่อขอซื้อแฟรนไชส์อยู่เหมือนกัน บางคนก็มาขอเรียนด้วย แต่ว่าตนเองก็ไม่ได้รับสอนเพราะไม่มีเวลาจริง ๆ แล้วอีกอย่างคือ ขนมเบื้องเป็นอะไรที่สอนยากมาก และคนที่จะทำได้ คือ ต้องมีใจรักจริง ๆ ถึงจะมาปั่นขนมเบื้องแบบนี้ได้ ต้องปั่นตัวแป้งให้มันเป็นแผ่นได้ เพราะความยากจะอยู่ตรงขั้นตอนนี้ ซึ่งถ้าคนไม่มีใจรักจริง ๆ เขาก็จะถอดใจก่อนพอมาเจอขั้นตอนนี้ก็มี
ถามป้าแตนว่าแล้วมีคนที่จะสืบทอดอาชีพนี้ต่อไปหรือยัง ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่า ตอนนี้ยังไม่มี เพราะลูกชาย 2 คนเขาก็ทำงานกันหมดแล้วไม่ได้มาสานต่อในอาชีพตรงนี้ ก็อย่างตนเองทำอาชีพขายขนมเบื้องมาสามารถส่งลูกเรียนจนจบทั้ง 2 คน คว้าปริญญาได้ อย่างลูกชายคนโตก็เรียนจบ ป.โท ด้วย และถึงแม้ว่าตอนนี้ลูก ๆ จะเรียนจบแล้วมีงานทำกันแล้วแต่ว่า ป้าแตนก็ยังคงรักและสนุกในการทำงานอาชีพนี้อีกต่อ ๆ ไปอยู่
คุณภาพต้องคงที่ ผ่านไปกี่ปีลูกค้าก็ยังติดใจ
“อย่างอาชีพขายขนมเบื้องมันก็ สามารถเลี้ยงตัวเราเองได้เลยไม่เดือดร้อน คือเป็นขนมที่ใคร ๆ ก็ทานได้ เด็ก ๆ ก็ชอบ ถ้าขยันแล้วก็ทำ มันพาให้เราอยู่รอดได้ มีรายได้ประจำ ซึ่งเราก็มีลูกค้าประจำอยู่เยอะค่ะ ไม่แบบไม่ถึงขนาดว่ามันจะขายไม่ได้”
ถามป้าแตนอีกว่ามีหลักยึดในการประกอบอาชีพนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่า “การทำขนม เราต้องทำให้มันเหมือนเดิม ถึงของจะแพงจะอะไรเราจะไม่มีการลด เราจะทำให้เหมือนเดิมทุกอย่าง ถึงจะขายมาเป็น 30 กว่าปีทุกอย่างเวลาทำขนม เราใช้ชั่งเอา ชั่งทุกครั้ง เป็นมาตรฐานเลย รสชาติเหมือนเดิม ของไม่มีการลด ทุกอย่างเราทำปกติ เราต้องเน้นคุณภาพให้ลูกค้า แล้วลูกค้าเขาก็จะติดเราเอง เราไปขายตรงไหนเขาก็จะจำได้ คือเคล็ดลับของเราเลย ว่าเราจะไม่มีการลดปริมาณหรือว่าลดต้นทุนอะไรอย่างเงี้ยค่ะ”
ขอบคุณร้านขนมเบื้องป้าแตน ม.เกษตรฯ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 082-082-9032
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด