“ของเราจะทำสดใหม่วันต่อวัน ถ้าเหลือเราจะไม่ขายต่อให้ลูกค้าเลย มันเป็นความจริงใจที่เรามีต่อลูกค้าด้วย อีกอย่างหนึ่งขนมหวานของร้านเราจะมี ‘น้ำกะทิ’ ที่เป็นตัวชูรส ก่อนจะทานจะได้กลิ่นหอมหวาน ‘มะลิใบเตย’ เข้ากับทับทิมกรอบหรือซ่าหริ่มได้ดี”
“คุณแอ้นท์-นราภรณ์ วงค์ทะเนตร” เจ้าของร้านคำหวานปานเอ่ย ร้านขนมหวานไทย ๆ ที่ชูเอกลักษณ์ด้านรสชาติโดยเฉพาะในเรื่องของ “น้ำกะทิ” เมนูเด่นของร้านอย่าง ทับทิมกรอบมะพร้าวกะทิ ที่มีจุดขายสำคัญเป็นกลิ่นหอมหวาน‘มะลิใบเตย” มัดใจลูกค้าประจำได้อย่างเหนียวแน่น บอกกับเราว่า จุดเริ่มคือมาจากความชอบ “ขนมหวาน” กันอยู่แล้วทั้งตนเองกับสามี(คุณโน) พอดีได้ไปชิม “ทับทิมกรอบมะพร้าวกะทิ” ของร้านดังมาครั้งหนึ่งแล้วรู้สึกว่า มันไม่เต็มอิ่ม! ตัว “มะพร้าวกะทิ” ที่เขาใส่มาให้ก็น้อยไปอยากจะกินให้เยอะ ๆ กว่านี้ ก็เลยหาวิธีการทำดูมาเรื่อย ๆ ตอนแรกคิดเพียงว่าทำกินเอง ให้เต็มอิ่มจุใจไปเลย! แค่นั้น เพราะก็ยังมีงานประจำเป็น “พยาบาล” ในโรงพยาบาลเอกชนและส่วนสามีก็เป็น “สถาปนิก” อยู่ด้วย หลังจากได้ “มะพร้าวกะทิ” กลับมาพร้อมการไปเที่ยวบ้านสวนที่แม่กลอง ลองเอามาทำเมนูขนมที่อยากกิน โดยอาศัยเรียนรู้วิธีการทำจากYouTube เป็นครูคนแรก พอทำเสร็จชิมดูรู้สึกว่าเอ้อ! มันก็อร่อยดีนะ จากนั้นลองทำลองปรับมาเรื่อย ๆ อีกหลายครั้ง จนเริ่มมั่นใจในระดับหนึ่งแล้วจึงนำไปฝากเพื่อน ๆ ที่ทำงานลองชิมดู ซึ่งพอทุกคนได้ทานแล้วต่างบอกว่า “มันอร่อยจังเลย” ลองทำขายดูไหม? จากจุดประกายในครั้งนั้น นำมาสู่ร้าน “คำหวานปานเอ่ย” ระยะเวลารวมถึงตอนนี้กว่า 5 ปีแล้ว
“ที่มาของ ‘คำหวานปานเอ่ย’ เป็นลักษณะของอุปมาอุปไมยเปรียบเทียบ เหมือนกับคำหวาน เวลาเราพูดจาออกมาพูดจาดี ๆกับคนที่เขาได้ยินเนี่ย เขาจะรู้สึกว่ามันไพเราะเสนาะหูดี และก็เปรียบเทียบกับ‘ขนมหวาน’เหมือนกัน เวลาเราทำขนมอะไรอร่อย ๆให้คนอื่นเขาได้ทาน ทานแล้วเขารู้สึก ‘มีความสุข’ อะไรอย่างนี้ประมาณนี้ค่ะ”
ความจริงใจที่ลูกค้าก็ให้ความเชื่อมั่น
คุณแอ้นท์บอกว่า ปัจจุบันทางร้านได้ขยายสาขาเพิ่มเป็น 2 แห่งแล้ว อย่างตอนนี้ที่เรานัดพบกัน คือ อยู่ที่สาขา 2 ในโครงการ “ตลาดสดธนบุรี” ซึ่งเปิดเพิ่มใหม่มาพร้อม ๆ กับตลาดแห่งนี้ ได้ประมาณสัก 6 เดือนแล้ว ส่วนสาขาแรกที่ถือว่าเป็นทำเลการแจ้งเกิดของทางร้านเลย คือ จะอยู่ที่ตลาดฟู้ดวิลล่า ถนนราชพฤกษ์ เปิดมาครบ 5 ปีเต็มไปเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา พอเห็นการตอบรับของเพื่อน ๆ ที่ได้ชิมแล้วจากนั้น ลองไปขายดูตามตลาดนัด (ตลาดน้ำ) ซึ่งครั้งแรกเลยจำได้ว่า ขายได้กว่า 500 บาท ขายได้! และขายดีมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งพอมาเปิดร้านใหม่อยู่ที่ฟู้ดวิลล่าฯ ในช่วงแรกคือจะเป็นสามีเป็นคนทำ-คนขายเอง (ลาออกจากงานมา) เป็นหลักก่อน ตัวเองก็คอยช่วยด้วยในช่วงที่ว่างจากเวรในโรงพยาบาล จะทำควบคู่กันมา
“ขนมที่เด่น ๆ และก็เป็นจุดขายของที่ร้านเรา ก็จะมีตัวทับทิมกรอบ ซ่าหริ่ม มะพร้าวกะทิ ซึ่งจะเป็นตัวที่ขายดีที่สุด เพราะว่าทับทิมกรอบของที่ร้านจะเป็นลักษณะทำแบบแป้งบาง เวลาทานตัวทับทิมเนี่ยมันจะได้รสชาติของตัวทับทิมมันจะออกมากรอบ ๆ กรุบและก็หวาน ส่วนแป้งหนึบ ๆ มันจะได้แค่นิดเดียวเอง ส่วนตัวกลิ่นของ‘มะลิใบเตย’ ในกะทิเราจะทำให้ ตัวขนมหวานมันทานอร่อย จะทำสดใหม่วันต่อวันเลย ตัวทับทิมกรอบเราจะใช้ทับทิมกรอบที่สั่งตรงมาจากสุพรรณฯ และก็มันจะไม่มีสารฟอกหรืออะไรทั้งนั้นเลย มาแบบสด ๆ และก็ทำกันแบบสด ๆ เลย เราจะบอกลูกค้าอยู่เสมอว่า ของที่ร้าน เราทำสดใหม่วันต่อวันนะ”
“แต่ว่าตัวของ‘น้ำกะทิ’ เราจะซีลให้ลูกค้า เวลาเอากลับไปทานที่บ้านเนี่ย มันสามารถเอาไปเข้าตู้เย็นแล้วก็เก็บไว้ได้อีกประมาณ
2-3 วันได้ พอลูกค้ามาสั่งที่ร้าน ขนมเราจะใส่ไว้ในถ้วยสำหรับลูกค้าอยู่แล้ว เราจะใส่เพิ่มเข้าไปเป็น น้ำเชื่อม ของที่ร้านจะมี
‘น้ำเชื่อม’ เราสามารถให้ลูกค้าเลือกได้ระดับ หวานน้อย หวานปกติ หรือหวานมาก(พิเศษ) สามารถเลือกได้ และก็ใส่น้ำกะทิเข้าไป โปะด้วยน้ำแข็งไส และก็สิ่งที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งของที่ร้านก็คือ น้ำเชื่อมเราจะมี 2 สี จะออกเป็นใส ๆ นี่คือสีของมะลิใบเตย และก็อีกสีหนึ่งเป็นสีฟ้าอันนี้จะเป็น มะลิใบเตยอัญชัน ตัวนี้จะเป็นตัวที่ชูสีสันขึ้นมา แต่ว่ารสชาติก็ยังคงอร่อยเป็น‘มะลิใบเตย’ เหมือนเดิมค่ะ”
“โควิด” ก็ขายได้!ยอดขายยังดีต่อเนื่องมา
สำหรับราคาขนมหวานของที่ร้านคุณแอ้นท์บอกว่า จะมีตั้งแต่ 30 บาท/ถ้วย ซึ่งเป็นราคาต่ำสุด ณ ตอนนี้ไปจนถึงราคา 50 บาท โดย 50 บาทนี้จะใส่เครื่องให้ครบทุกอย่างเลย มี ทับทิมกรอบ ซ่าหริ่ม แห้ว มะพร้าวกะทิ ส่วนตัวที่ราคาต่ำสุดตอนนี้ (30 บาท) จะเป็น ซ่าหริ่มล้วน ๆ หรือเป็นซ่าหริ่มแห้ว ซึ่งตรงนี้ลูกค้าสามารถที่จะเลือกทานได้ตามความพอใจ
คุณแอ้นท์เล่าให้ฟังด้วย ในช่วง “โควิด” ที่ผ่านมาซึ่งทางตลาดเองก็จะมีการปิดตลาดบ้าง ในบางช่วงที่ตรวจพบมีผู้ติดเชื้อฯ
อยู่ในตลาด เพื่อจะทำความสะอาดและฆ่าเชื้อก่อนแล้วจึง กลับมาเปิดให้บริการค้าขายตามปกติต่อไป ร้านคำหวานปานเอ่ยก็มีการปรับตัวตามภาวการณ์ที่เปลี่ยนไปด้วย มีเปิดบริการในเรื่องของ Delivery เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกได้ แต่ทว่าจากการสังเกตลูกค้าจะชอบแบบมานั่งทานที่ร้าน พอทานเสร็จแล้วก็จะสั่งกลับไปฝากด้วยมากกว่า อาจจะเป็นเพราะรู้สึกว่าการมาทานที่ร้านได้พบปะพูดคุยกันไปด้วยแล้วสนุกมากกว่า อย่างที่สาขาฟู้ดวิลล่าราชพฤกษ์เองจะมีบริการม้านั่งที่ลูกค้านั่งทานได้ใกล้ ๆกับหน้าร้านเลย พอทานเสร็จแล้วส่วนใหญ่ก็จะซื้อกลับไปฝากด้วย ทำให้ได้ทราบว่าหลาย ๆ คนที่กลายมาเป็น “ลูกค้าประจำ” ของร้านคือมาจาก การได้รับเป็นของฝากก่อนแล้วพอได้ลองทานดูรู้สึกว่าชอบ/ติดใจ หลายคนที่มามักจะบอกเล่าให้ฟังในลักษณะแบบนี้ ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่ของที่ร้านจึงเป็นลักษณะของลูกค้าประจำ ซึ่งบางคนมาทานทุกวัน บางวันทานคนเดียว 2 ถ้วย/วัน เลยก็มี
“ถ้าพูดถึงยอดขายตอนนี้ ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ช่วงพี้คสุด ๆ เนี่ยที่เป็นช่วงโควิด ระลอก 1 กับ 2 ถือว่าร้านค้า เป็นร้านที่ขายดีมาก ๆ ตอนนั้นยอดขึ้นสูงมากค่ะต่อวัน แต่ว่าพอมาช่วงหลัง ๆ โควิดเริ่มซาแล้ว อาจจะมีการซื้อน้อยลง แต่ก็ไม่ได้สะดุดอะไรค่ะ ร้านยังขายได้เรื่อย ๆ ก็ยอดขายหน้าร้านของสาขาตลาดฟู้ดวิลล่าราชพฤกษ์ วันเสาร์-อาทิตย์ จะอยู่ที่ประมาณ 700 กว่าถ้วย อันนี้คือสูงสุด ณ ตอนนั้น แต่ตอนนี้อาจจะดรอปลงมานิดหนึ่ง ก็ประมาณ 500-600 ถ้วย/วัน อันนี้เฉพาะหน้าร้าน ไม่รวมออร์เดอที่สั่งไปงานอีเว้นต์ข้างนอก ซึ่งจะมีรับอีเว้นต์ข้างนอกด้วย ถ้าลูกค้าสั่งอยู่ที่ประมาณ150 ถ้วย เราก็ออกไปทำให้ข้างนอก ก็คือมีพนักงานไปทำให้2 คน เตรียมของไปเองไปบดน้ำแข็ง ไปตักให้ลูกค้าที่งานได้เลย ส่วนสาขาตลาดสดธนบุรีตอนนี้ ยอดขายสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 200-300 ถ้วย ในวันหยุดนขตฤกษ์ หรือว่าเสาร์-อาทิตย์ค่ะ ส่วนวันธรรมดาก็อยู่ที่ประมาณ 100-200 ถ้วย จะประมาณนี้ค่ะ
ใครได้ชิมก็ติดใจจ่อคิวรอขอซื้อ “แฟรนไชส์”
“ในอนาคตคิดว่า อาจจะต้องทำ “แฟรนไชส์” เพิ่มขึ้นมา แต่ว่าตอนนี้ต้องรอไปก่อนเพราะว่า มีลูกค้าหลาย ๆ ท่านตอนนี้มีอยู่ประมาณ 20 กว่ารายชื่อ ที่ถามเข้ามาว่าขอซื้อแฟรนไชส์ได้ไหม อะไรแบบนี้ค่ะ แต่ว่าเราก็บอกลูกค้าไปตามตรงแหละว่า เราศักยภาพเรายังไม่ได้นะแต่ว่า ถ้าเราพร้อมเมื่อไรเราจะเปิดให้ท่านตามรายชื่อที่ส่งเข้ามาทันทีเลย”
คุณแอ้นท์ยังบอกด้วย ติดต่อเข้ามากันเยอะมาก มีต่างจังหวัดด้วย จากภูเก็ตคือนั่งเครื่องมาเลย มาถามที่ร้านว่าขอซื้อแฟรนไชส์ได้มั้ย แล้วเขาจะไปลงที่โน่นยังไม่มีขนมหวาน “ทับทิมกรอบ” นะและก็มี จากเชียงใหม่ จากบุรีรัมย์และก็ จากขอนแก่น หลัก ๆ ที่เป็นโซนจากข้างนอกติดต่อเข้ามาจะประมาณนี้ เจ้าของร้านคำหวานปานเอ่ยได้พูดถึง “ราคา” และผลกระทบจากภาวะต้นทุนค่าวัตถุดิบต่าง ๆ ที่แพงขึ้นในปัจจุบัน โดยบอกกับเราว่าจริง ๆ แล้วทางร้านเองก็ได้รับผลกระทบ(มาก!) ทุกอย่างที่ปรับราคาแพงขึ้น ในทุกรายการที่ร้านมีการใช้อยู่ แต่ว่าที่ร้านยังคงตั้งใจที่จะขายในราคานี้ต่อ เพื่อให้ลูกค้ายังมีโอกาสได้ทานแล้วอีกอย่างหนึ่ง “ลูกค้าประจำ” เขาก็จะรู้สึกว่าเราไม่ทิ้งเขา แล้วเขาก็จะไม่ทิ้งเราด้วยเช่นกัน
“ความมั่นคง” ที่สร้างเองได้!
จากวิชาชีพพยาบาลทำงานประจำอยู่ในห้องผ่าตัดโรคหัวใจ โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง หากกล่าวถึงเรื่องของรายได้และ “ความมั่นคง” ในอาชีพที่ทำอยู่ ซึ่งนับว่าหลายคนไม่อาจจะปฏิเสธได้! แต่สำหรับคุณแอ้นท์เองได้เลือกตัดสินใจแล้ว “รายได้ตอนนั้นมันก็จุนเจือครอบครัวของเราได้ แต่อีกอย่างหนึ่งก็คือวิชาชีพพยาบาลทุกคนจะรู้ดีว่า มันไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว แอ้นท์ใช้เวลาตอนที่เริ่มทำขนม กับช่วงที่ทำงานประจำควบคู่กัน ใช้เวลาอยู่ประมาณปีครึ่ง จึงตัดสินใจลาออกมา เพราะว่าตอนนั้นรู้สึกว่าลงเวรมาประมาณเที่ยงคืน แต่ก็ต้องมาเตรียมสินค้าเตรียมของ คือตอนนั้นทำกันอยู่แค่สองคนกับสามี ก็ช่วยกันทำช่วยกันขาย แอ้นท์ทำจนถึงประมาณตี 3 แล้วก็ตื่นประมาณตี 5 ซึ่งไปทำงานประจำต่อ ทำอยู่ประมาณเกือบปีรู้สึกว่ามันเหนื่อย เหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้วอะไรอย่างงี้ค่ะ แต่แฟนก็บอกว่าอดทนอีกนิดนึงนะเดี๋ยวเราช่วยกันขยาย ถ้าขยายได้แล้วเดี๋ยวค่อยลาออกอะไรอย่างงี้ค่ะ ก็พอจังหวะที่ประมาณว่าเราขายได้และยอดมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลยตัดสินใจลาออกมา ลุยงานนี้อย่างเดียวเลย ก็เลยทำให้มันเห็นแบบออกมาชัดเจนว่า มันสามารถขายได้ และต่อยอดได้เรื่อย ๆ “
สอบถามเพิ่มเติมโทร. 094-768-5115
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *