จากสถานการณ์โควิด-19 สร้างบทเรียนใหม่ๆให้หลายธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงพนักงานสายการบินและเจ้าของบริษัททัวร์ รายนี้ “นายศิเวก สัจเดว” กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท OMG Experience จำกัด (GSA for Bhutan Airlines) ที่ผันตัวเองในช่วงโควิด-19 มาเปิดธุรกิจใหม่ เทคโนโลยีบริหารงานอาคารแบบไร้การสัมผัส “ServiceMind”
ธุรกิจสายการบินในวันที่ไม่มีนักท่องเที่ยว
นายศิเวก เล่าถึงที่มาของ ServiceMind เกิดขึ้นมาจากตัวเองมีแบล็กกราวน์ด้านไอทีอยู่บ้าง เพราะเราเรียนจบด้านนี้มา แต่พอมาทำงานจริงไม่ได้มีโอกาสนำไอทีมาใช้อย่างเต็มตัว เพราะได้มาทำงานด้านสายการบิน แต่พอมาเจอสถานการณ์โควิด-19 ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป เราพยายามที่จะดูแลพนักงานให้เขายังมีงานทำ มีรายได้ไม่ต้องตกงาน จึงเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เราต้องนำความรู้ด้านไอทีขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ และเดินเข้ามาสู่เส้นทางของธุรกิจสตาร์ทอัปอย่างเต็มตัว
“ในความโชคร้ายก็มีเรื่องที่เราดีดีได้ ถ้าเราไม่ละความพยายาม ความโชคดีของผมอย่างหนึ่ง คือ ระบบซอฟต์แวร์โปรแกรมต่างๆของ ServiceMind ผมได้เซ็ทมาก่อนหน้าจะมีสถานการณ์โควิด แต่ไม่มีโอกาสได้ทำอย่างจริงจัง พอเจอสถานการณ์โควิด ทำให้เราได้นำระบบดังกล่าวขึ้นมาทำอย่างจริงจัง และช่วยให้เราใช้เวลาไม่นานในการพัฒนาระบบ ซึ่งสุดท้ายจากสถานการณ์โควิด ยังพอจะมีทางออกที่ช่วยให้พนักงาน และบริษัทของเราเดินต่อไปได้”
ในฐานะผู้นำองค์กร นำพาทุกคนรอดไปด้วยกัน
ทั้งนี้ “ผมได้มีการพูดคุยกับพนักงานว่า ทุกคนพร้อมจะไปต่อไหม เพราะเราจะต้องเรียนรู้กับธุรกิจใหม่ที่เรากำลังจะทำ ซึ่งทุกคนก็ยินดีและพร้อมจะปรับเปลี่ยนตัวเองกับธุรกิจใหม่ของผม และทุกคนก็ทำได้ดี และเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว โดยระบบหลังบ้านของเราเสร็จและพร้อมให้บริการเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นว่าจากวิกฤตมันคือโอกาส เพราะบริการของเราตอบโจทย์ความต้องการในช่วงโควิด-19 พอดี เนื่องจากเทคโนโลยีการบริหารงานอาคาร สอดคล้องกับ การบริการที่ป้องกันการแพร่เชื้อ COVID-19 ถ้าเราไม่เปิดตัว ServiceMind ในช่วงโควิดผลตอบรับจะออกมาดีแบบนี้หรือไม่ ช่วยเพิ่มโอกาสขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดได้ดียิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเราเป็นธุรกิจสตาร์ทอัป ที่เข้ามาที่หลัง เพราะมีผู้ประกอบการสตาร์ทอัปรายอื่นๆ ที่ให้บริการอยู่แล้ว แต่การมีที่หลังไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป บางครั้งกลายเป็นเรื่องที่ดี เพราะเราจะได้เห็นจุดเด่นและจุดด้อยของบริการนี้ว่าจะต้องปรับปรุงอะไร และนำเทคโนโลยีอะไรมาใช้เพื่อให้แตกต่างจากบริการที่มีอยู่ในท้องตลาด ทำให้วันนี้ ถือได้ว่า มีบริการและเทคโนโลยีที่เหนือกว่าผู้ประกอบการคู่แข่งรายอื่น
มารู้จักกับ เทคโนโลยีบริหารงานอาคารแบบไร้การสัมผัส ServiceMind
สำหรับ ServiceMind บริหารงานภายใต้ บริษัท ไทย อินฟอร์เมติก ซิสเต็มส์ จำกัด แนวคิดมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้พฤติกรรมและชีวิตประจำวันของผู้คนหันมาให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพ รักษาระยะห่างทางสังคม หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง และสื่อสารผ่านระบบออนไลน์จากที่พักอาศัยไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโดมิเนียม และอพาร์ทเมนต์ในการเข้าถึงและเชื่อมต่อกับการใช้ชีวิตประจำวันกันมากยิ่งขึ้น รวมถึงอาคารสำนักงาน โรงแรมและที่พัก สถานประกอบการ และศูนย์การค้าได้ให้ความสำคัญในการรับมือและการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ COVID-19 ไปพร้อมกับการบริการหรืออำนวยความสะดวกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทำงานผ่านระบบออนไลน์ช่วยเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารที่สะดวก ส่งต่อข้อมูลได้อย่างแม่นยำรวดเร็ว และสามารถเป็นศูนย์รวมการเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ดียิ่งขึ้น
ServiceMind เป็นระบบบริหารงานอาคารในรูปแบบการให้บริการผ่านระบบออนไลน์ หรือ Software as- a Service (SaaS) ที่เชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ที่มีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ และมีประสิทธิภาพในการทำงานอย่าง Amazon Web Services (AWS) เพื่อการตอบโจทย์การทำงานที่ครอบคลุมทั้งงานแจ้งซ่อมและงานซ่อมบำรุง (Corrective Maintenance) ด้วยการนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) และ QR CODE เพื่อต่อยอดการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance) ในการจัดการงาน วิเคราะห์ วางแผนงาน และรายงานผล รวมทั้งยังสามารถทำการจองสิ่งอำนวยความสะดวก (Facilities Management) และการรับพัสดุหรือจดหมาย (Parcel Management)
โดยตัวระบบได้นำเทคโนโลยี Progressive Web Application (PWA) ที่ไม่ต้องเสียเวลาในการ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ช่วยประหยัดพื้นที่บนอุปกรณ์ของผู้ใช้งานอย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และเครื่อง PC รวมถึงช่วยลดขั้นตอนการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการบริการและสามารถติดตามสถานะการดำเนินการผ่านการแจ้งเตือนจาก LINE Notify และ Push Notification ได้แบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังช่วยลดการใช้กระดาษที่มาจากปริ้นท์เอกสาร เช่น ใบงาน ใบเสนอราคา ใบสั่งซื้อ และใบแจ้งหนี้ ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ServiceMind เป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่มีความยืดหยุ่นและสามารถประยุกต์ใช้ในการบริหารงานอาคารที่หลากหลาย ซึ่งช่วยตอบโจทย์การทำงานในยุค New Normal ได้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเป็นอย่างดี โดยข้อได้เปรียบสำหรับการเป็นระบบบริหารงานอาคาร มีดังนี้
1.รองรับงาน Back Office ระบบที่ครอบคลุมในงาน Asset Management, Parts Inventory, Quotation และ Purchase Request ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบ Enterprise Resources Planning (ERP) อื่นๆ ได้
2.เชื่อมต่อระบบ Billing การส่งต่อข้อมูล Quotation และการสร้าง Invoice จะเป็นเรื่องง่าย ด้วยการสื่อสารผ่าน API ที่ออกแบบตามหลัก Best Practice ที่มีความปลอดภัยระหว่างการเชื่อมต่อระบบ ServiceMind ไปยังระบบ Billing หลังบ้าน
3.ไม่ต้องโหลดแอป สแกน QR CODE ได้ เทคโนโลยี Progressive Web Application (PWA) ที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก โดยไม่ต้องเสียเวลาในการดาวน์โหลด ประหยัดพื้นที่บนอุปกรณ์ของผู้ใช้งานอย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือเครื่อง PC และสามารถรองรับการใช้งานสแกน QR Code ได้
4.บริการแบบ Self-Service ผู้ใช้งานที่เป็นลูกบ้านหรือผู้เช่าสามารถทำ การแจ้งซ่อม การจอง Facility เช่น ห้องประชุม ฟิตเนส เป็นต้น และรวมถึงการรับพัสดุแบบไร้การสัมผัส (Touchless) ซึ่งผู้แจ้งซ่อมและผู้จองสามารถติดตามสถานะบนสมาร์ทโฟนได้
5.ใช้งานได้ทั้งโหมด Online และ Offline เปิดใช้งานได้ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และเครื่อง PC รวมถึงการใช้งานบางฟังก์ชันใน Offline Mode เพื่อแก้ปัญหาการใช้งานในมุมอับสัญญานขณะทำการซ่อมบำรุง
6.แจ้งเตือนผ่าน LINE Notify และ Push Notification รองรับการแจ้งเตือนผ่าน Push Notification รวมไปถึง LINE Notify ในกรณีมีการเปลี่ยนแปลงของสถานะช่างซ่อมหรือการอนุมัติการจอง Facility รวมไปถึงการรับพัสดุ
กลุ่มลูกค้า ของ ServiceMind
นายศิเวก กล่าวต่อว่า ในส่วนของกลุ่มลูกค้า เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่เป็นการให้บริการตึกอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ การดิวลูกค้าของเรามุ่งไปที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นโครงการต่างๆ เช่น คอนโดมิเนียม หรือ บริษัทที่บริหารงานอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีลูกค้าที่ใช้บริการประมาณ 100 อาคาร ซึ่งค่าบริการคิดเป็นรายเดือนอยู่ที่เดือนละ 8,000 บาท ถึง 12,000 บาท ต่อ1อาคาร ราคาจะขึ้นอยู่กับบริการที่ลูกค้าต้องการเลือกใช้ ปัจจุบันมีรายได้จากลูกค้าที่มาใช้บริการอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งถ้าถามถึงผลตอบแทนตอนนี้ รายได้ที่ได้มาก็จะเป็นการลงทุนระบบเทคโนโลยีอยู่
ในอนาคต มีวางแผนการตลาด โดยร่วมกับเจ้าของอาคาร คอนโดมีเนียม หรือ สำนักงานฯลฯ เพื่อนำบริการนี้ไปขายให้กับลูกบ้าน เพราะตอนนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าของเราจะซื้อเทคโนโลยีของ ServiceMind เอง และให้ลูกค้า หรือ ลูกบ้านได้ใช้บริการฟรี เพื่อสร้างจุดขาย และต่อไปถ้ามีการเรียกเก็บค่าบริการเหล่านี้ ทางเจ้าของอาคารก็สามารถเรียกเก็บจากผู้เช่า หรือ ลูกบ้านได้ โดยอาจจะเป็นลักษณะของการแบ่งผลประโยชน์กัน
นายศิเวก บอกว่า ในวิกฤตโควิด กลายเป็นโอกาส เพราะปัจจุบันผมมีรายได้มากกว่า กิจการบริหารสายการบิน และการขายทัวร์ เพราะเดิมรายได้ของเรามาจากนักท่องเที่ยวหลักที่ไปเที่ยวภูตาน ซึ่งเป็นประเทศเล็ก นักท่องเที่ยวไม่ได้เยอะมาก รายได้มาจากช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว เท่านั้น แต่การทำสตาร์ทอัป มีรายได้เข้ามาทุกวันแบบต่อเนื่อง เช่น 100 อาคาร เซ็นสัญญากับเรา 2-3 ปี เราก็มีรายได้แน่นอน และช่วงนี้ สามารถหาลูกค้าเพิ่มได้อีกเรื่อย
ธุรกิจสตาร์ทอัป มีข้อดีตรงที่ลงทุนครั้งเดียว และเก็บเกี่ยวผลผลิตไปได้ตลอด และถ้าเรากลัวการแข่งขันก็ต้องไม่หยุดที่จะพัฒนา ซึ่งสตาร์ทอัปรายไหนมีเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ลูกค้าก็เลือกใช้บริการกับรายนั้นๆ แต่อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีพัฒนาและเรียนรู้กันได้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่เราเชื่อว่ามัดใจลูกค้าได้ คือ บริการ และเรามาจากบริษัททัวร์ พนักงานของเรามีพื้นฐานงานบริการอยู่แล้ว มัดใจลูกค้าได้อย่างแน่นอนในอนาคต
ทั้งนี้ ทางบริษัท ได้รับการสนับสนุน จากทาง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. (BIC: Business Innovation Center) ได้สนับสนุนให้ บริษัท ไทย อินฟอร์เมติก ซิสเต็มส์ จำกัด ในการพัฒนาและต่อยอดสร้างเทคโนโลยีบริหารงานอาคารแบบไร้การสัมผัส ServiceMind มุ่งให้ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีมีแนวคิดสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน และเกิดการพัฒนาธุรกิจอันก่อให้เกิดรายได้นำไปสู่การเป็นธุรกิจที่เข้มแข็งอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
สนใจ โทร.02-630-4600
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *