กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) จัดกิจกรรมอบรมและสัมมนาหลักสูตรออนไลน์ เร่งกระตุ้นผู้ประกอบการรายใหม่ในธุรกิจการส่งออก พร้อมโชว์ 5 อันดับหลักสูตรยอดนิยมที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจในการเรียน เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและปูพื้นฐานผู้ประกอบการก่อนการส่งออก และให้สามารถเข้าสู่กระบวนการค้าระหว่างประเทศที่มีบรรทัดฐานเดียวกัน
นางอารดา เฟื่องทอง ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กล่าวว่า การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “ความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก” รุ่นที่ 137 รุ่นล่าสุดมีผู้เข้าร่วมจำนวน 100 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจอาหาร สิ่งทอเสื้อผ้าและเครื่องประดับแฟชั่น ของขวัญ และเครื่องประดับตกแต่งบ้าน การจัดหลักสูตรนี้สถาบันมีความมุ่งหวังเพื่อให้ผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่กระบวนการการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้สามารถดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศในเศรษฐกิจยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หลักสูตรนี้ยังถือเป็นหลักสูตรแรกเริ่มที่ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องเรียนรู้ขั้นตอนการส่งออกตั้งแต่พื้นฐาน ศึกษากฎระเบียบด้านภาษีและพิธีการศุลกากร รวมถึงเข้าร่วมกิจกรรม Workshop ร่วมกับผู้ประกอบการมากมาย เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแรงของเครือข่ายผู้ประกอบการ อีกทั้งวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากโครงการดังกล่าวจะมาร่วมแบ่งปันเทคนิคการทำการค้าระหว่างประเทศให้ครอบคลุมรอบด้าน และแนะนำข้อควรระวังจากการส่งออก เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการสามารถทำการค้าระหว่างประเทศได้ประสบความสำเร็จ
นอกเหนือจากหลักสูตรดังกล่าว สถาบัน NEA ยังได้มีการจัดทำหลักสูตรอื่นๆ ควบคู่ไปพร้อมกันกับหลักสูตรความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก ผ่านการเรียนรู้รูปแบบ E-Learning ภายใต้ชื่อ “E-Academy” เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและปูพื้นฐานผู้ประกอบการก่อนการส่งออก และให้สามารถเข้าสู่กระบวนการค้าระหว่างประเทศที่มีบรรทัดฐานเดียวกัน ส่วนในช่วงครึ่งหลังปี 2563 ได้เตรียมเพิ่มอีกประมาณ 20 โครงการ เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการสามารถทำการค้ารูปแบบใหม่ รวมถึงการส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม หลักสูตรสัมมนาต่างๆ นั้นจะถูกปรับรูปแบบไปสู่ออนไลน์ เนื่องด้วยสถานการณ์ในบริบทโลก และเป็นการเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการคุ้นชินกับระบบดังกล่าวให้มากขึ้น ซึ่งอยากให้ผู้ประกอบการติดตามโครงการของสถาบันอย่างใกล้ชิดและใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์
นางอารดา กล่าวเพิ่มเติมว่า และสำหรับในปี 2563 ช่วงเวลาตั้งแต่ (เดือนตุลาคม 2562-มีนาคม 2563) สถาบันได้จัดกิจกรรมอบรมและสัมมนาออนไลน์ทั้งสิ้น 44 ครั้ง จากทั้งหมด 61 หลักสูตร มีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 6,000 ราย และสามารถนำเทคนิคและองค์ความรู้ที่ได้จากกรมฯ และสถาบันไปใช้ในทางธุรกิจก่อให้เกิดมูลค่าส่งออกจำนวน 776,219,810 บาท ดังนั้นจะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการได้รับความรู้ทักษะพื้นฐานจากโครงการของสถาบันและสามารถต่อยอดธุรกิจให้ก้าวเข้าสู่ระดับโลกได้ และทำให้เห็นว่าการเรียนผ่านระบบออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญ และไม่เป็นอุปสรรค ซึ่งในระยะต่อไปภาครัฐหรือหน่วยงานสนับสนุนจำเป็นต้องผลิตหลักสูตรที่สามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อให้ทุกๆ กิจกรรมดำเนินไปอย่างคล่องตัว
จากการก่อตั้งสถาบันตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน พบว่าผู้ประกอบการไทยให้ความสนใจในการเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ เช่น การอบรมผ่านหลักสูตรออนไลน์ การใช้ออนไลน์เป็นช่องทางในการค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของจำนวนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการกับสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่นั้น พบว่า 5 อันดับหลักสูตรที่ได้รับความนิยมผ่านช่องทางการเรียนรู้ของ E-Learning นั้น ได้แก่
1. หลักสูตรความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก
2. หลักสูตรการขายสินค้าออนไลน์แบบข้ามพรมแดน
3. หลักสูตรการตลาดดิจิทัลเพื่อเน้นผลลัพธ์ทางธุรกิจ
4. หลักสูตรการตลาดดิจิทัล
5. หลักสูตรสตาร์ทอัพเบื้องต้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) nea.ditp.go.th หรือ www.ditp.go.th
** * คลิก Likeเพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า“SMEs ผู้จัดการ”รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุดและร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!!* * *
SMEsmanager