ปัญหายาเสพติด เป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิดอาชญากรรมในสังคมไทยมาช้านาน และยังไม่สามารถแก้ไขได้ ปัจจุบัน มีนักโทษคดียาเสพติด จำนวน 377,954 ราย (รายงานจากกรมราชทัณฑ์ 10 มิ.ย.63) ในแต่ละปีมีนักโทษยาเสพติดที่พ้นโทษออกมาจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งการเข้ามาใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคมของนักโทษไม่ใช่เรื่องง่าย ทำให้หลายคน ต้องหวนกลับไปสู่วงจรของยาเสพติด ครั้งแล้วครั้งเล่า
อดีตนักโทษที่ไม่มีใครรับเข้าทำงาน เพราะลายสักเต็มตัว
เช่นเดียวกับ หนุ่มคนนี้ “วิจิตร ทองรอง“ และชื่อใครรู้จักเขา คือ “จิ๊บ หน้าลาย” อดีตนักโทษยาเสพติด ที่เข้าออกคุกหลายครั้ง จากคดียาเสพติด และทำไมต้องเข้าออกคุก หลายครั้ง วันนี้ “จิ๊บ” มาเล่าให้ฟัง
“สำหรับชีวิตในวัยเด็กของผม ไม่ได้เพียบพร้อมเหมือนคนอื่นๆ ผมมีแค่แม่ที่คอยสั่งสอนเลี้ยงดู แต่แม่ก็ต้องออกไปทำมาหากิน ไม่ได้มีเวลาดูแลเราสักเท่าไหร่ โดยผมได้เข้าสู่วงจรของยาเสพติด ตั้งแต่อายุ 12 ปี จากการชักชวนของเพื่อน และ ตอนผมอายุ 13 ปี ผมก็ถูกจับจากคดีเสพยา และติดคุกอยู่ 2-3 ปี ก็ได้ออกมา และพอออกมาผมไม่มีงานทำ ก็หวนกลับไปเส้นทางยาเสพติดอีก เพราะเป็นทางเดียวที่ผมจะหาเงินได้ แต่ครั้งนี้ ไม่ได้เพียงแค่เสพ แต่เป็นผู้ค้ายาด้วย และผมได้เข้าสู่วงจรยาเสพติดอย่างเต็มรูปแบบ คือ ทั้งเสพ และค้า สุดท้ายก็ต้องเข้าออกคุก แบบนี้ 2-3 ครั้ง ผมใช้ชีวิตอยู่ในคุก รวมๆกันนานกว่า 10 ปี”
จนล่าสุด “จิ๊บ หน้าลาย” พ้นโทษออกจากคุก มาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ครั้งนี้ เขาตั้งใจมากว่า จะไม่ยอมหวนกลับไปในเส้นทางของยาเสพติดอีกเด็ดขาด เพราะชีวิตหลังห้องขังไม่ได้สนุกเลย เพราะด้วยความที่เขาเป็นหัวโจ๊ก ทำให้เขาโดนซ้อม โดนตีบ้าง และการออกจากห้องขังครั้งนี้ เขาได้รับความช่วยเหลือ จาก “คุณหรั่ง พระนคร” เข้ามาช่วยส่งเสริมในการประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเอง หลังจากโดนปฏิเสธจากคนรอบข้างและไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงาน และอาชีพที่ “จิ๊บหน้าลาย” ถนัดและทำได้ดีที่สุด หลังพ้นโทษ คือ “การสักลายบนเรือนร่าง” ซึ่งหลังจากพ้นโทษมาเขามีเงินเพียง 700 บาท ไม่ได้ง่ายกับเงิน 700 บาท ที่เขาจะมาใช้ชีวิตนอกเรือนจำ เพราะด้วยลายสักเต็มตัว ประกอบกับเขาเพิ่งพ้นโทษมา ไม่มีใครกล้ารับเขาเข้ามาทำงาน ซึ่งอาจจะทำให้เขาหวนกลับไปในเส้นทางของยาเสพติดได้อีก
เปิดร้านสักลาย ไม่ขอหวนกับเส้นทางยาเสพติดอีก
อย่างไรก็ตาม ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ ทำให้เขาไม่หวนกลับไปในเส้นทางยาเสพติดอีก และวันนี้ เขาได้เป็นเจ้าของร้านสัก ชื่อว่า Thai Tattoo Studio by rj tatoo และช่องยูทูป ชื่อว่า จ่าจิ๊บ D.2
“ จิ๊บ หน้าลาย” เล่าว่า หลังจากพ้นโทษออกจากคุกมา ผมได้วิชาติดตัวมา คือ การสักลาย เพราะก่อนที่จะเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ ผมชื่นชอบการวาดรูป และด้วยความสามารถพิเศษในการวาดรูปได้ ทำให้ผมสักลายได้ด้วย และพอเข้าไปอยู่ในเรือนจำได้ไปเรียนรู้การสักเพิ่มเติม พอพ้นโทษออกมาผมมีฝีมือในการสักระดับที่จะให้บริการลูกค้า และลูกค้าพึ่งพอใจ โดยผมเริ่มจากไม่มีหน้าร้าน ได้มีพี่หรั่งช่วยหาลูกค้าให้ และผมคิดว่าฝีมือดีระดับหนึ่ง ผมอยากจะเปิดร้านจะมีรายได้มากขึ้น พี่หรั่งเลยส่งมาเปิดร้านอยู่ จังหวัดเชียงใหม่ และได้พี่แพม เป็นผู้ดูแลนักโทษหลังพ้นโทษ ให้การช่วยเหลือ หาที่เปิดร้านให้
สำหรับลูกค้า ของร้าน Thai Tattoo Studio by rj tatoo ในช่วงที่ผ่านมา ลูกค้าส่วนใหญ่ กว่า 80% เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่จากสถานการณ์ โรคโควิด-19 ลูกค้าต่างชาตหายเกือบหมด ทำให้เขาต้องไปโฟกัสที่ลูกค้าคนไทยแทน แต่ลูกค้าคนไทยมีไม่มากเท่าไหร่ ตอนนี้เขาอาศัยช่องทางออนไลน์ แนะนำร้าน พร้อมกับเปิดรับลูกค้าทั่วประเทศ ทุกจังหวัด และที่เขาต้องหาเงินในช่องทางอื่นๆ ด้วย เพราะด้วยค่าใช้จ่าย ต่อเดือนที่ต้องหาเงินมาจ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าร้าน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ และตอนนี้ เขาหันมาเปิดช่องยูทูป นำเสนอเรื่องราวของ นักโทษพ้นโทษ ใช้ชีวิตในสังคมอย่างไร ซึ่งก็มีคนติดตามอยู่ในระดับที่เขาพอใจ
ทำช่องยูทูป นำเสนอเรื่องราวของคนคุกที่กลับใจ
“นอกจากทำช่องยูทูป ผมก็ยังหันมา ขายยาสีฟัน ซึ่งผมได้รับคำแนะนำจาก "พี่เอ็ม คนตัวลาย" ซึ่งเขาเป็นอดีตนักโทษประหารคดียาเสพติด วันนี้ พ้นโทษมาเช่นเดียวกับผม และหันมาประกอบอาชีพสุจริต โดยเป็นตัวแทนขาย ยาสีฟัน ยี่ห้อ แฮร์วอน และจากการที่ผมทำช่องยูทูป ทำให้มีคนมาให้ผมช่วยแนะนำสินค้าหลายตัว แต่ผมก็ปฏิเสธไป แต่ที่มาขายยาสีฟัน เพราะพี่เอ็ม ส่งยาสีฟันมาให้ผมใช้ ผมบอกพี่เอ็มว่า ไม่ได้โฆษณาเกินจริงนะ พอทดลองใช้ สินค้าของเราดีจริง ผมก็เลยตัดสินใจขายยาสีฟัน และ พี่เอ็ม บอกว่า จะปั้นให้ผมได้เป็นตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตอนนี้ ผมเริ่มขายมาได้ 3-4 เดือน ผลตอบรับออกมาดีทีเดียว”
“จิ๊บ หน้าลาย” เล่าถึง ชีวิตหลังจากพ้นโทษ ว่า ชีวิตของผมหลังจากออกจากคุก ผมคิดว่า ไม่อยากจะไปเป็นภาระให้แม่ อีก เพราะตลอดเวลาที่ผมใช้ชีวิตในเรือนจำ คนที่คอยให้กำลังใจและมาเยี่ยมผมมีคนเดียวคือ แม่ และเมื่อผมพ้นโทษมา ไม่อยากจะไปเพิ่มภาระให้แม่อีก และผมรู้ว่า ถ้าเราออกมาจากเรือนจำ คงไม่มีใครกล้ารับเราเข้าทำงานอย่างแน่นอน เพราะผมสักทั้งตัวแบบนี้ ใครเห็นกลัว สิ่งเดียวที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ในสังคมและมีรายได้ คือ งานสัก ซึ่งหลายคนเห็นผมสักทั้งตัวแบบนี้ แต่ผมไม่เคยชักจูงใครให้มาสักกับผมนะ ลูกค้าส่วนใหญ่ชื่นชอบและมีอาชีพของเขาอยู่แล้ว และผมจะบอกกับน้องๆ เสมอว่า ถ้าคิดจะสักต้องมั่นใจว่าต้องไม่กระทบกับอาชีพในอนาคต หรือ ทำให้พ่อ แม่ไม่สบายใจ โดยผมจะไม่สักให้น้องที่เขาอายุไม่ถึง 18 ปี และ ลูกค้าส่วนใหญ่จะสักในบริเวณร่มผ้า
ติดตาม เรื่องราว ของจิ๊บ หน้าลาย ได้ที่ FB: จ่าจิ๊บ D.2
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด * * *
SMEs manager