หลายๆคนคงรู้จัก “น้ำฝน” ผ่านรายการ Masterchef Thailand season 1 แต่มีใครเคยทราบไหม ว่า เชฟสาว ชื่อ “น้ำฝน” “ลักษณาวดี ศรีพรสวรรค์” คนนี้ ผ่านเข้ารอบคัดเลือก หรือ ออดิชั่นมาด้วย เมนู น้ำปลาพริก และข้าวสวยใส่ดอกอัญชัน วันนี้ พามารู้จักกับเชฟน้ำฝน ผู้พลิกชะตาชีวิต ด้วยเมนู น้ำปลาพริก จนเกิดเป็นอีกอาชีพสร้างรายได้ในช่วงโควิด-19
“จริงแล้ว ก่อนที่ “น้ำฝน” จะได้ผ่านเข้ารอบไปแข่งขันในรายการด้วย “เมนูไก่เบตง” อย่างที่ใครๆ รู้กัน "น้ำฝน" และ ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ จะต้องทำอาหารมาออดิชั่นกันก่อน ในการคัดคนเข้าไปก่อนรอบออดิชั่น “น้ำฝน” จำได้ว่าแต่ละคนจัดหนักจัดเต็มมากๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว อาหารหวาน หลากหลายจริงๆ”
“แต่สำหรับเมนูของ “น้ำฝน” ในตอนนั้น ที่เตรียมไปให้กรรมการ มีเพียง “น้ำปลาพริก และข้าวสวยใส่ดอกอัญชัน” เท่านั้นเอง โดย "น้ำฝน" มีไอเดียที่ว่าคนไทยบ้านไหนๆ หรือร้านอาหารไหนๆ ก็มักจะมีน้ำปลาพริกแนมมาด้วย มันเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆที่เราอาจมองข้ามไป แต่ "น้ำฝน" คิดว่ามันเป็นเหมือนตัวกระตุ้นให้เราเจริญอาหารมื้อนั้นๆ ได้อย่างน่าทึ่ง “น้ำฝน” เลยตัดสินใจทำน้ำปลาพริกในวันเปลี่ยนชีวิตมาขายให้ทุกคนได้ลอง รสชาติชีวิตของเชฟตัวน้อยๆ”
ลักษณาวดี (น้ำฝน) เล่าว่า จุดเริ่มต้นการมาทำ น้ำปลาพริกจำหน่ายในครั้งนี้ เกิดขึ้นมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ร้านที่น้ำฝน ทำร่วมกับเพื่อน คือ เชฟพลอย (เชฟพลอย คือ หนึ่งในผู้แข่งขันรายการมาสเตอร์เชฟ) ได้รู้จักกับพลอย ตอนแข่งขันในรายการมาสเตอร์เชฟ ร้านที่เปิดร่วมกันเป็นคาเฟ่ อาหารไทย ชื่อ "บ้านลลิณ" และที่เปิดขายอาหารไทย เพราะเป็นสิ่งที่น้ำฝนถนัดมากที่สุด โดยร้านเปิดอยู่บนถนนดินสอ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ซึ่งเปิดเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ตอนเปิดเดือนแรก กราฟพุ่งขึ้นเลย ลูกค้าคนไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก
แต่ในช่วงสถานการณ์ โควิด-19 ทุกอย่างหยุดหมด เพราะด้วย "น้ำฝน" และ "พลอย" ตั้งใจว่า ทำร้านนี้เพื่อขายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คือ เราทั้งสองคนต้องการทำอาหารไทยให้ต่างชาติได้กินกัน จนกระทั่ง เมื่อทุกอย่างหยุดหมด "บ้านลลิณ" ของเราก็ต้องหยุดไปด้วย ช่วงนั้น "น้ำฝน" ก็ว่าง "พลอย" แนะนำว่า ทำไม "น้ำฝน" ไม่ลองทำน้ำปลาพริกขายละ ทุกคนที่เคยได้ชิมน้ำปลาพริกของน้ำฝนส่วนใหญ่เขาก็ชอบ พลอยก็เลยยุให้ฝนลองทำขาย เริ่มทำน้ำปลาพริกขาย เมื่อ ต้นเดือนพฤษภาคมที่ ผ่านมา นี้เอง
"น้ำฝน" เล่าว่า ตอนเริ่มทำก็คิดเหมือนกับเพื่อนว่า "น้ำปลาพริก" จะขายได้เหรอ เพราะใครก็ทำกินกันเอง และใครจะมาซื้อน้ำปลาพริกของเรา แต่เรามีสูตรเฉพาะของเรา ที่ไม่เหมือนใคร ก็น่าจะลองทำดู เริ่มจากไปซื้อขวดแก้วมา 2 โหล และลองโปรโมท ผ่านทางหน้า เฟซบุ๊ก และไอจี ส่วนตัว ปรากฏว่า มีคนมาสั่งซื้อ น้ำปลาพริกของเรา เปิดขายได้เพียง 1 สัปดาห์ ต้องไปกว๊านซื้อขวดแก้ว ร้านเดิม มาหมดเลย ผ่านไป 3 สัปดาห์ มีออเดอร์ กว่า 1,000 ขวด ความรู้สึกแรก คือ มันเกินความคาดหมายมากๆ มีคนสั่งน้ำปลาพริกของเรามากขนาดนี้ เลยเหรอ และที่สำคัญ คนที่เคยซื้อไปและกลับมาซื้อซ้ำอีก
"เชฟน้ำฝน" ได้พูดถึงแผนในอนาคต ว่า ตั้งใจที่จะส่งออกเลยนะ แต่ด้วยสถานการณ์ไม่แน่นอน ไม่กล้าที่จะลงทุนเพื่อทำตลาดส่งออก และเพิ่งเริ่มต้น "น้ำฝน" เองก็ยังไม่มีทุนมากขนาดที่จะพัฒนาโปรดักส์ให้สามารถส่งออกได้ แต่ถ้าในอนาคต เก็บเงินได้ หรือ มีแหล่งเงินให้เราได้กู้ยืม มีแผนที่จะส่งออกน้ำปลาพริกของเราไปขายต่างประเทศ ให้ต่างชาติได้ลิ้มลองรสชาติน้ำปลาพริกของไทย
ในระหว่างนี้ได้ไปขอความรู้จากทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า การส่งออกน้ำปลาพริกทำอย่างไรได้บ้าง ซึ่งแน่นอนว่า ขั้นตอนแรกการส่งออกจะยืดอายุให้ได้นานที่สุด และเป็นความกังวลว่า จะทำให้รสชาติ น้ำปลาพริกของเรา เหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะน้ำปลาพริกเป็นการถนอมอาหาร ที่จะอร่อยก็ต้องทำจากพริกสด กระเทียมสด แต่ถ้าส่งออกทุกอย่างผ่านการทำให้สุกความหอมของพริก และกระเทียมก็หายไปไหม แต่ก็อยู่ในระหว่างการศึกษาว่า ทำอย่างไรให้น้ำปลาพริกยืดอายุให้สามารถส่งออกได้ โดยที่ยังคงรสชาติไม่ได้เสียไปมาก
ทั้งนี้ ในส่วนของแผนการตลาดในปัจจุบัน หลังจากเปิดขายมาได้ 3 อาทิตย์ เริ่มมองเห็นทิศทาง เพราะหลายคนได้ชิมเขาบอกว่าอร่อย ขนาดมีคนให้เราจัดกระเช้า น้ำปลาพริกไปมอบให้ผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่คนนั้นเคยกินน้ำปลาพริกของน้ำฝน และบอกว่า ถ้าจะเอาของขวัญมาให้ ขอเป็นน้ำปลาพริก ก็เลยให้น้ำฝนช่วยจัดกระเช้าให้ ซึ่งต่อไปในอนาคต ถ้าลูกค้าเพิ่มขึ้น มีแผนที่จะรับตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ เพื่อตัดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง เพราะตอนนี้น้ำฝน แบกภาระค่าใช้จ่ายในการจัดส่งที่ค่อนข้างสูง ถ้ามีตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ ช่วยลูกค้าและช่วยเราในเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง
สำหรับราคาน้ำปลาพริก ของ “น้ำฝน” มีด้วยกัน 2 สูตร เป็นสูตรเผ็ดมาก และ ออริจินัล ขายในราคาเดียว คือ ขวดละ 65 บาท ขนาด 110 กรัม ทุกขั้นตอนลงมือทำด้วยตัวเอง จะเป็นลักษณะของพรีออเดอร์ เท่านั้น คือ ลูกค้าสั่งเราถึงจะลงมือทำ เพื่อให้ลูกค้าได้กินน้ำปลาพริกที่สดใหม่ ส่วนอายุการเก็บรักษา เหมือนน้ำปลาพริกทั่วไป คือ ถ้าอยู่ในตู้เย็นเก็บได้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้าอยู่นอกตู้เย็น แนะนำให้กินให้หมดภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งน้ำปลาพริกเป็นการดองพริกกระเทียม เป็นการถนอมอาหาร ดังนั้น ไม่ได้เสียได้ง่ายๆ แต่ที่แนะนำให้ใส่ตู้เย็น เพราะถ้าอยู่ข้างนอก สีของพริก หรือกระเทียมก็จะเปลี่ยน ดูไม่น่ากิน
ส่วนเคล็ดลับ การทำน้ำปลาพริก “น้ำฝน” บอกว่า ใช้เวลาลองผิดลองถูก มาระยะหนึ่งก่อนที่จะไปแข่งในรายการมาสเตอร์เชฟ จนเรามั่นใจว่า รสชาติน้ำปลาพริกของเรามันดีจริงๆ ถึงกล้าเสิร์ฟน้ำปลาพริก กับข้าวสวยให้คณะกรรมการชิม ในรอบคัดเลือกรอบแรก ซึ่งเคล็ดลับของ “น้ำฝน” ในการทำน้ำปลาพริกในครั้งนี้ คือ การที่น้ำฝนไปชิมน้ำปลาหลายยี่ห้อมากๆ รวมถึงน้ำปลาโอทอป พบว่าน้ำปลาแต่ละยี่ห้อ มีรสชาติที่แตกต่างกัน “น้ำฝน” ได้เลือกมา 3 ยี่ห้อ ที่เราคิดว่า ลงตัวที่สุด ถ้าเราจะนำมาเบรนกัน ให้เกิดรสชาติน้ำปลา ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเรา ซึ่งทำให้เรามั่นใจว่า รสชาติน้ำปลาพริกของเราไม่เหมือนใคร อย่างแน่นอน
สนใจ เรื่องราวของ “เชฟน้ำฝน มาสเตอร์เชฟ” ได้ที่ FB: Namfon laksanawadee
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *