xs
xsm
sm
md
lg

สกสว.หนุนงานวิจัยการเลี้ยงปลานิล เพิ่มมูลค่าลดการขาดทุน ให้กับเกษตรกร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สำนักประสานงานชุดโครงการนวัตกรรมการพัฒนาเกษตรกรสู่เกษตรสมัยใหม่ ,สำนักงานประสานงานวิจัยและพัฒนาทรัพยากรสัตว์น้ำและความมั่นคงอาหาร และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเลี้ยงสัตว์น้ำ แถลงความคืบหน้า โครงการ “การประยุกต์ใช้นวัตกรรม In-Pond Raceway System (IPRS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการเลี้ยงปลานิลในประเทศไทย” ณ ศูนย์ปรับปรุงพันธุ์ปลานิลและปลาทับทิม มานิตย์ฟาร์ม ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี

รศ.ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ กล่าวว่า ปลานิลเป็นปลาน้ำจืดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีผลผลิตต่อปีเฉลี่ย 200,000 - 250,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าทางการผลิตกว่า10,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีมูลค่าสูงสุดในกลุ่มสัตว์น้ำจืดทั้งหมด แต่การเลี้ยงปลานิลในประเทศไทยที่ผ่านมา เกษตรกรผู้เลี้ยงปลานิลประสบกับภาวการณ์ขาดทุนจากการตายเฉียบพลัน อันเป็นผลเกี่ยวเนื่องกับการแปรปรวนของสภาพแวดล้อมทางอากาศ รวมถึงต้นทุนภาวการณ์ขาดทุนจากการเกิดโรคระบาด และ การให้อาหารแบบไม่มีประสิทธิภาพ หรือ เกินความจำเป็น โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาอาหารปรับสูงขึ้น กระทั่งกลายเป็นของเสียที่มักถูกปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะสร้างมลภาวะกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ “ด้วยข้อจำกัดดังกล่าว สกสว.ในฐานะหน่วยงานด้านการวิจัย จึงร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงสัตว์น้ำ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และ ประสบการณ์ด้านวิชาการ แก่คณะทีมวิจัยโครงการ “การประยุกต์ใช้นวัตกรรม In-Pond Raceway System (IPRS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการเลี้ยงปลานิลในประเทศไทย” โดยความร่วมมือระหว่าง ดร.ประพันธ์ศักดิ์ ศรีษะภูมิ ภาควิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของฝ่ายเกษตร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ที่ภายหลังเปลี่ยนเป็น สกสว.กับ ศูนย์ปรับปรุงพันธุ์ปลานิลและปลาทับทิม มานิตย์ฟาร์ม”


อย่างไรก็ตาม คณะนักวิจัยดังกล่าว ประกอบด้วยนักวิชาการที่มีประสบการณ์วิจัยด้านปลานิลมาอย่างยาวนาน และ บริษัทมานิตย์ เจเนติกส์ ผู้ประกอบการที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการเลี้ยงปลานิล ได้ประสานความร่วมมือ ดำเนินการศึกษาทดลองระบบ In-Pond Raceway System (IPRS) ซึ่งเป็นรูปแบบการเลี้ยงปลาในระบบปิด โดยลดการใช้พื้นที่ และ ลดข้อจำกัดด้านการจัดการคุณภาพน้ำ การให้อาหาร การควบคุมโรค การจัดการของเสีย รวมถึงการเพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิต เพื่อนำองค์ความรู้ เทคนิคจาการข้อค้นพบการวิจัยไปพัฒนาองค์ความรู้ และ ถ่ายทอดให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการที่มีความสนใจ


ด้าน ดร.ประพันธ์ศักดิ์ ศรีษะภูมิ ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยกล่าวถึงวัตถุประสงค์การวิจัยนี้ว่า เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการเลี้ยงปลานิลในระบบ IPRS โดยพิจารณาจากค่าอัตราการเจริญเติบโต อัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยต่อวัน อัตราการแลกเนื้อ ค่าประสิทธิภาพในการใช้อาหาร อัตรารอดของปลา เปรียบเทียบกับปลานิลที่เลี้ยงในระบบบ่อดินแบบดั้งเดิม รวมถึงการวิเคราะห์หาต้นทุนการผลิตและผลตอบแทน ผลผลิตปลา/พื้นที่ ต้นทุนทั้งหมด ค่าเสื่อมราคา รายได้ทั้งหมด กำไรสุทธิ ในการเลี้ยงปลาในระบบ IPRS เปรียบเทียบกับการเลี้ยงในระบบบ่อดินแบบดั้งเดิม ตลอดจนการศึกษาคุณภาพเนื้อสัมผัสของเนื้อปลาและการปนเปื้อนกลิ่นโคลนของผลผลิตปลานิลในระบบ IPRS เปรียบเทียบกับการเลี้ยงในระบบบ่อดินแบบดั้งเดิม


โดยข้อมูลทางวิชาการ รูปแบบที่เหมาะสมในการบริหารจัดการระบบสำหรับการเพาะเลี้ยงปลานิล รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการขับเคลื่อนและยกระดับการเพาะเลี้ยงปลานิลในเกษตรกรทุกระดับ รวมถึงการนำไปประยุกต์ใช้กับการเลี้ยงปลาชนิดอื่นๆ นอกจากการเลี้ยงปลานิล ที่จะนำไปสู่เป้าหมายของการเพิ่มประสิทธิภาพ ความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงปลาในประเทศไทยสู่ตลาดโลก”





ขณะที่ นายอมร เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ บ.มานิตย์ เจเนติกส์ กล่าวว่า ระบบการเลี้ยงปลานิลในรูปแบบ IPRS ซึ่งเป็นรูปแบบการเลี้ยงระบบปิด ใช้การหมุนเวียนน้ำภายในระบบตลอดการเลี้ยง น้ำจะต้องมีการเคลื่อนที่ตลอดเวลาโดยการใช้แรงดันลมจากอุปกรณ์ให้อากาศ (blower) อุปกรณ์ให้อากาศจะถูกติดตั้งอยู่ตามจุดต่าง ๆ ที่มีความเหมาะสมต่อการทำให้น้ำภายในบ่อมีการเคลื่อนที่ ทั้งในส่วนที่เป็นบ่อดิน และ ส่วนที่เป็นบ่อซีเมนต์ (raceway cell) เพื่อศึกษาความแตกต่างของการเลี้ยงปลานิลในบ่อดิน และ บ่อซีเมนซ์ โดยเฉพาะกลิ่นโคลนในเนื้อปลา และรูปร่างขนาดของปลานิล ที่สำคัญการพัฒนาระบบการเลี้ยงปลานิลในรูปแบบ IPRS นอกจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศไทยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนแล้วนั้น การพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ประกอบธุกรกิจการเลี้ยงปลานิลก็เป็นส่วนหนึ่งที่ควรไปรับการส่งเสริมให้มีรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมยิ่งส่งผลให้ระบบอุตสาหกรรมไทยมีความยั่งยืนมากขึ้น

** * คลิก Likeเพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า“SMEs ผู้จัดการ”รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุดและร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!!* * *
SMEsmanager




กำลังโหลดความคิดเห็น