กระทรวงพาณิชย์เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากต่อเนื่องส่งเสริมธุรกิจผ้าไหมไทยเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเมืองรองทั่วประเทศหวังยกระดับผู้ประกอบการผ้าไหมไทย ให้มีความเข้มแข็ง เป็นมืออาชีพและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เตรียมปิดทริปกิจกรรม “เส้นทางสายไหม...สู่เมืองรอง” ครั้งที่ 6เดินทางขึ้นเหนือ น่าน อุตรดิตถ์ แพร่พร้อมเผยแพร่ความงดงามผ้าไหมเมืองเหนือเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองที่สำคัญสู่สาธารณชน
นางลลิดา จิวะนันทประวัติรองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รักษาการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศมาอย่างต่อเนื่องโดยหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญ คือ สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเมืองรองภายใต้โครงการ “ยกระดับการตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าไหมสู่แหล่งท่องเที่ยว”
โดยมีวัตถุประสงค์ให้ผ้าไหมเป็นสื่อกลางในการผลักดันให้เศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโตและเดินไปข้างหน้าด้วยความเข้มแข็งอีกทั้ง การท่องเที่ยวของไทยถือเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศ กรมฯจึงดำเนินการเชื่อมต่อผ้าไหมไทยเข้ากับแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง เปิดประสบการณ์ถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะ
ทั้งนี้ได้เดินทางเยี่ยมชมแหล่งผลิตผ้าไหมและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดน่านอุตรดิตถ์ และแพร่ เริ่มต้นที่วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน ชมจิตรกรรมฝาผนังปู่ม่านย่าม่าน อันวิจิตร ตำนานกระซิบรักก้องโลก ภาพวาดอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่านตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านหลังจากนั้นเดินทางไปสัมผัสความร่มรื่นของธรรมชาติ ณ ไร่ต้นรัก ออร์แกนิคฟาร์มตั้งอยู่อำเภอปัว และแวะมาเรียนรู้แหล่งผลิตผ้าไหมที่ กลุ่มทอผ้าบ้านหล่ายทุ่งต.ปอน อ.ทุ่งช้าง ชมผ้าจกไทลื้อบ้านหล่ายทุ่งจากกลุ่มทอผ้าไทลื้อและกลุ่มผ้าปักในชุมชน สะท้อนวิถีชีวิตท้องถิ่นได้เป็นอย่างดีสถานที่ถัดไปกลุ่มทอผ้าครบวงจร ต.ปอน อ.ทุ่งช้าง แหล่งผลิตผ้าทอลายน้ำไหลไทลื้อและผ้าจกไทลื้อ ซึ่งเป็นผ้าทอลายโบราณที่สืบทอดจากบรรพบุรุษที่มีเชื้อสายชาวไทลื้อโดยในอดีตนิยมทอผ้าซิ่นลายมัดย้อม ลายตาเดียว ตาออน ชั้นเครื่อง ผ้าหลายผ้าเตี้มผ้าขาวม้า ถุงย่าม โดยใช้ตุงลวดลายดั้งเดิม เช่น ลายเก็บ ลายกาบ ลายขอล้วงลายหน่อย ลายย้ำแป ลายสีแป ลายกูด ลายปู ลายเฉลียง ฯลฯถือเป็นเป็นแหล่งผลิตผ้าทอมือและแปรรูปครบวงจร ปิดท้ายที่ ร้านกาแฟไทลื้อคาเฟ่กลางทุ่งนา ซ่อนอยู่กลางหุบเขา เป็นร้านกาแฟโฮมเมดของร้านลำดวนผ้าทอมีของที่ระลึกและผ้าทอไทลื้อ ผ้าทอน้ำไหล ลายโบราณ ของดี อ.ปัวให้เลือกซื้อหาติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย
เส้นทางสายไหมวันที่ 2 มุ่งหน้าสู่จังหวัดอุตรดิตถ์ แวะชมเครื่องเงินมาตรฐานโลกที่ศูนย์เครื่องเงินชมพูภูคา และหัตถกรรมเมืองน่านแหล่งเรียนรู้กระบวนการทำเครื่องเงิน สืบสานเผยแพร่ศิลปะเครื่องเงินชาวเขาปัจจุบันมีการพัฒนารูปแบบสินค้าให้มีความทันสมัยมากขึ้นแต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นเครื่องเงินทำมือของชาวเขา และไปเรียนรู้ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าซิ่นตีนจก ไท-ยวน ลับแล ก่อตั้งโดยคุณจงจรูญ (โจ) มะโนคำเพื่อบอกเล่าภูมิปัญญาวิถีชีวิตของสาวลับแลผ่านผ้าซิ่นตีนจกผ้าทอพื้นเมืองที่มีความประณีต สอดแทรกด้วยทัศนคติ ความเชื่อแต่งเติมจินตนาการผ่านเส้นสายลวดลายโบราณ มีรางวัลโอท็อป 5ดาว การันตี และนำถวายสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เป็นประจำทุกปีที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงผ้าเก่าที่มีอายุกว่าร้อยปีและผ้าพื้นเมืองประยุกต์ที่เข้ากับยุคสมัย จากนั้นไปชมผ้าไหมที่ร้านจีรนันท์ผ้าทอน้ำอ่าง และร้านสมเกียรติผ้าทอ ต.น้ำอ่าง อ.ตรอน “หงส์ไม่แล้ว แด้วไม่จอด” เป็นชื่อเฉพาะของผ้าทอแห่งบ้านน้ำอ่างอันมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว มีความละเอียด ประณีต และได้พัฒนาลวดลายมากกว่า 6 ลาย อาทิ ลายหงส์คู่ ลายหงส์เชียงแสน ลายโกนถมลอย ลายโกนลามใหญ่ลายขอกระเบื้อง และลายซิ่นต้นฮับ ฯลฯ สมัยโบราณจะมีสีหลักแค่ 2 สี ได้แก่ สีเขียวและสีเหลืองต่อมาได้พัฒนาเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยจึงสร้างสรรค์ให้เกิดสีที่มากขึ้นเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ลูกหลานมีความตั้งใจสืบทอดให้คงอยู่สืบไป
เส้นทางสายไหมสู่เมืองรองจังหวัดแพร่ชวนไหว้พระเสริมสิริมงคล ณ วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวงโบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองแพร่มีอายุมากกว่าพันปี โดยองค์พระธาตุช่อแฮเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุพระบรมเกศาธาตุและที่สำคัญยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีขาล จากนั้นแวะไปชมศูนย์เรียนรู้ผ้าจกเมืองลอง และการย้อมผ้าสีครามธรรมชาติ ต.หัวทุ่ง อ.ลองศูนย์กลางแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการยกระดับการผลิตผ้าทอพื้นบ้านย้อมสีครามธรรมชาติชมกระบวนการปั่นเส้นฝ้ายและทอผ้า เรียนรู้การย้อมสีห้อมและครามอย่างใกล้ชิดนอกจากนี้ยังมีสินค้าผ้าจกเมืองลองที่มีคุณภาพจากฝีมือของศิลปินผ้าทอพื้นบ้านจำหน่ายด้วยได้แก่ ผ้าแต่งลายจก ผ้าพันคอผ้าเช็ดหน้า ผ้าซิ่น กระเป๋า ปลอกหมอนอิง เนคไทผ้าคลุมเตียงผ้าซิ่นลายจกทั้งฝ้ายและไหม ไปกันต่อที่ร้าน ชลธิชาผ้าไทย ต.หัวทุ่งอ.ลอง ชมอัตลักษณ์ความงดงามและมีเสน่ห์ของผ้าจกไหมเต็มตัว ลายโบราณเชียงแสนผ้าไหมทอมือที่รังสรรค์จากขนเม่น มีการทอในลักษณะล้วงควักด้วยลวดลายแบบโบราณสมัยเชียงแสนที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นยาวนานนับร้อยปี
แม้ในปัจจุบันจะมีการประยุกต์ลวดลายขึ้นมาใหม่เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยแต่ผู้สืบทอดยังคงต้องการสืบสานให้ลวดลายโบราณนี้คงอยู่อย่างยาวนานและยั่งยืนตลอดไปส่วนการย้อมสีจะเน้นการใช้สีที่ได้จากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่นสีครามจากครั่งนำมาผสมสีที่ได้จากใบมะม่วงจากนั้นไปสัมผัสผ้าจกไหมลายสร้อยกาบหมากของ กลุ่มทอผ้าบ้านนามน ต.หัวทุ่ง อ.ลองหนึ่งในผ้าไหมลายโบราณที่เป็นเอกลักษณ์ของงานหัตถกรรมผ้าทอตีนจกแห่งเมืองลอง มีขนาดกว้าง100เซนติเมตร ยาว 180 เซนติเมตรทอด้วยผ้าไหมและผ้าฝ้าย ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้สวมใส่อย่างแพร่หลายโดดเด่นด้วยลวดลายที่เลียนแบบลักษณะของกาบต้นหมากและย้อมด้วยสีจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นครามและครั่งปิดทริปชวนมาช้อปปิ้งที่ บ้านทุ่งโฮ้ง แหล่งสินค้าพื้นเมืองหม้อฮ่อมผ้าย้อมพื้นเมืองสีกรมท่าที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชาวเมืองแพร่ที่โด่งดังไปทั่วประเทศจนมีคำกล่าวว่า “ใครมาเมืองแพร่ต้องซื้อ หม้อห้อม” บ้านทุ่งโฮ่ง ตั้งอยู่ในตัว อ.เมืองแพร่ถือได้ว่าเป็นแหล่งผลิตใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุด ซึ่งมีร้านขายเสื้อผ้าหม้อฮ่อมตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก
อีกทั้งยังมั่นใจว่าธุรกิจผ้าไหมเมืองรองของไทยยังคงมีอนาคตที่สดใสถ้าทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการผ้าไหม และทายาทร่วมมือร่วมใจกันในการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุดมีการรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างพันธมิตรทางการค้า ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในทุกๆ ด้านมีการสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านลวดลายบนผืนผ้าไหม โดยยังคงรักษามาตรฐานคุณภาพการผลิต และความงดงามไว้ไม่เปลี่ยนแปลงโดยนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการต่อยอดพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย ทันสมัยดูแลรักษาง่าย ซึ่งจะเป็นการยกระดับผ้าไหมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นและยังคงไว้ซึ่งความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่นที่จะเป็นเอกลักษณ์ของชาติสืบต่อไป
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *