รมช.พณ.แจงความคืบหน้านโยบายเร่งด่วนการพัฒนาร้านโชวห่วยให้เป็น SMART โชวห่วย ผลคืบหน้าไปมาก สำรวจพบร้านกว่า 30,000 รายทั่วประเทศที่พร้อมเข้าสู่การพัฒนา โดยแบ่งขนาดเป็น 4 ไซส์ SS S M และ L เพื่อให้เหมาะสมกับเครื่องมือที่จะใช้เปลี่ยนแปลงและความต้องการของแต่ละกลุ่ม ภายใต้ 5 วิธีการ คือ จัดร้านให้สวย, ใช้ IT บริหาร, สร้างโปรโมชัน, มองหารายได้เสริม และมีแหล่งเงินทุน ขั้นตอนต่อไปจะบุกถึงร้านเพื่อเข้าสู่การพลิกโฉมให้พร้อมเป็น SMART โชวห่วยทั่วประเทศ
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นโยบายสำคัญและวาระเร่งด่วนที่ตนได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารีบดำเนินการด้านการพัฒนาร้านค้าโชวห่วยทั่วประเทศให้เป็น ‘Smart โชวห่วย’ ขณะนี้ได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพันธมิตรภาคเอกชน มีความคืบหน้าไปในหลายด้าน เริ่มจากผลสรุปการสำรวจจำนวนร้านค้าโชวห่วยที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพบว่ามีจำนวนกว่า 30,000 รายที่มีความพร้อมจะพัฒนาร้านค้าให้เป็น Smart โชวห่วย
ทั้งนี้ สามารถจำแนกตามขนาดและรายได้ของร้านโชวห่วยออกเป็น 4 ขนาด คือ ขนาด SS มีพื้นที่ 1 คูหา (ประมาณ 20 ตร.ม.) หรือรายได้น้อยกว่า 30,000 บาท/เดือน คิดเป็นร้อยละ 56.2 ของจำนวนร้านโชวห่วยทั้งหมด, ขนาด S มีพื้นที่ 2 คูหา (ประมาณ 40 ตร.ม.) หรือรายได้ 30,000-50,000 บาท/เดือน คิดเป็นร้อยละ 21.7 ของจำนวนร้านโชวห่วยทั้งหมด, ขนาด M มีพื้นที่ 3 คูหา (ประมาณ 60 ตร.ม.) หรือรายได้ 50,001-100,000 บาท/เดือน คิดเป็นร้อยละ 12.6 ของจำนวนร้านโชวห่วยทั้งหมด และขนาด L มีพื้นที่มากกว่า 3 คูหา (มากกว่า 60 ตร.ม.) หรือรายได้มากกว่า 100,000/เดือน คิดเป็นร้อยละ 9.5 ของจำนวนร้านโชวห่วยทั้งหมด
รมช.พณ.กล่าวต่อว่า “ได้นำผลการสำรวจมาจัดทำเครื่องมือการพัฒนาให้เหมาะสมกับร้านโชวห่วยแต่ละขนาด และวิเคราะห์เชิงลึกถึงจุดอ่อนที่ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาให้เป็นร้าน SMART โชวห่วย โดยได้กำหนดไว้ 5 แนวทาง คือ
1) การปรับภาพลักษณ์ร้านค้าโชวห่วยให้เชิญชวนลูกค้ามาเข้าร้าน โดยกำหนดหลักสูตรให้ความรู้ พร้อมลงพื้นที่ร่วมกับพันธมิตรสถาบันการศึกษา, บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน), บริษัทยูนิลีเวอร์ ไทยเทรดดิ้ง จำกัด และสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย
2) ส่งเสริมการนำเทคโนโลยี POS มาใช้เพื่อบริหารร้านค้า สำหรับร้านขนาด SS และ S เป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากและถูกจำกัดด้วยงบประมาณในการลงทุน จึงได้ส่งเสริมให้ใช้โปรแกรม Mobile POS ซึ่งปัจจุบันทุกคนมีโทรศัพท์มือถือที่เป็น Smart Phone อยู่แล้วก็จะสามารถใช้อุปกรณ์ที่มีมาช่วยในการบริหารร้านได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเติมมากนัก สำหรับร้านขนาด M และ L เป็นร้านขนาดกลาง-ใหญ่ มีการทำงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้น จึงต้องมีเครื่องมือและโปรแกรมเพื่อบริหารจัดการได้แบบครบวงจรด้วยระบบ POS ผ่านคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) โดยให้คูปองส่วนลดจำนวน 10,000 บาท เพื่อซื้อโปรแกรมดังกล่าวได้ในราคาพิเศษ อย่างไรก็ดี หากร้านขนาด S มีความพร้อมในการลงทุนก็สามารถใช้งานระบบและสิทธิประโยชน์นี้ได้เช่นกัน
3) ด้านการส่งเสริมการตลาด ร่วมกับผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายรายใหญ่ (Supplier) จัดโปรโมชันพิเศษสำหรับร้านค้าโชวห่วยเพื่อนำสินค้ามาจำหน่ายในร้านด้วยต้นทุนที่ต่ำลง
4) เพิ่มรายได้ด้วยบริการเสริม จากการสนับสนุนของบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยใช้พื้นที่ของร้าน SMART โชวห่วยเป็นจุดรับ-ส่งพัสดุ (Drop-off) รวมถึงเชื่อมโยงผู้ผลิตสินค้าชุมชน และ OTOP Select ให้นำสินค้ามาจำหน่ายในร้านซึ่งจะส่งผลดีตลอดทั้งวงจรของเศรษฐกิจในท้องถิ่น ทั้งผู้ผลิตสินค้ามีโอกาสกระจายสินค้าได้มากขึ้น และร้านโชวห่วยก็จะมีช่องทางการเพิ่มรายได้
และ 5) การเข้าถึงเงินทุน ร้านโชวห่วยจำเป็นจะต้องมีเงินทุนสำหรับลงทุนเพื่อประโยชน์ในระยะยาว จึงได้ร่วมกับสถาบันทางการเงินให้การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ร้านโชวห่วยสามารถขยับขยายธุรกิจของตนเองให้เติบโตและมั่นคงได้ สำหรับแนวทางการดำเนินงานขั้นต่อไปจะเข้าสู่การนำเครื่องมือ 5 ด้านที่ได้กำหนดให้เหมาะสมกับร้านโชวห่วยแต่ละขนาดมาปฏิบัติใช้ พร้อมกับลงพื้นที่จริงเพื่อเปลี่ยนร้านโชวห่วยแบบดั้งเดิมให้สำเร็จเป็นร้าน SMART โชวห่วยให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการหมุนเวียนเศรษฐกิจฐานรากให้มีความคล่องตัว และเจ้าของธุรกิจรายเล็กๆ ในท้องถิ่นก็จะเป็นพลังสำคัญของประเทศต่อไป” รมช.พณ.กล่าวในท้ายที่สุด
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *