การเติบโตของธุรกิจการค้าบนโลกออนไลน์ ส่งผลให้ธุรกิจสตูดิโอถ่ายภาพทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว มีผู้ให้บริการเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสตูดิโอที่สามารถถ่ายภาพสินค้าให้ออกมาในแบบโปรเฟสชั่นนอลด้วยละก็ สามารถดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้เป็นจำนวนมาก
แต่สำหรับวันนี้สตูดิโอถ่ายภาพ ไม่จำเป็นต้องพึ่งช่างภาพระดับมือโปร อีกต่อไป เพราะวันนี้ มีเทคโนโลยีที่เป็นระบบ AI ปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยให้สตูดิโอถ่ายภาพเล็ก สามารถถ่ายภาพออกมาสวยคมชัด และมีมิติ ได้เช่นเดียวกับการถ่ายภาพโดยช่างมืออาชีพ ที่ถ่ายด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงที่แบรนด์สินค้าดังๆ ระดับโลก ใช้กันได้ เพียงแค่มีไอแพด และเทคโนโลยีถ่ายภาพAI ถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวออกสวยระดับมืออาชีพได้
ระบบ AI ช่วยลดต้นทุน ได้ภาพเช่นเดียวกับสินค้าแบรนด์ระดับโลก
สำหรับการถ่ายภาพ โดยใช้เทคโนโลยี AI ในครั้งนี้ เป็นผลงานของ ZAVIAGO คือ สตาร์ทอัปรายแรก ที่นำระบบ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการ ถ่ายภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือ วีดีโอ รวมไปถึงการตัดต่อ แทนคน โดยใช้เพียงสไตล์ลิสเพียงคนเดียวก็สามารถถ่ายทำทุกอย่างออกมาได้เช่นเดียวกับ การใช้โปรดักส์ชั่น ที่ต้องใช้คนเป็น 10 คนในการทำงาน
นาย จอร์น แพร์ซัน CEO & Founder of Zaviago เล่าว่า ในปัจจุบัน การขายของออนไลน์ สิ่งสำคัญ คือ ต้องใช้ภาพประกอบ ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ซึ่งเรานำระบบหุ่นยนต์ หรือ AI เข้ามาเป็นตัวช่วยเพื่อลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ โดยปกติการถ่าย หรือ การทำโปรดักส์ชั่น แต่ละครั้งต้องใช้ทีมงานจำนวน 10-15 คน แต่พอเรามาใช้ ระบบการถ่ายภาพของ ZAVIAGO สามารถใช้สไตล์ลิส คนเดียวในการถ่ายทำได้ โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 10 นาที และที่สำคัญ คือ ลดต้นทุนได้ถึง 10 เท่า
หลักการทำงาน 4 แบบ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว
สำหรับหลักการทำงาน ของ ZAVIAGO มีการทำงานด้วยกันทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ แบบที่1 การถ่ายในแนวนอน ซึ่งไม่ต้องใช้ช่างภาพหรือใช้กล้องมืออาชีพ ใช้เพียงไอแพด และเทคโนโลยีการถ่ายภาพ AI ก็สามารถทำงานได้ โดยตัวโปรแกรม AI จะช่วยตัดหรือลบแบล็คกราวที่อยู่รอบด้านออกให้ทั้งหมด แบบที่ 2 แพ็คช็อต หรือ การถ่ายแบบลอยตัว เป็นการถ่ายเสื้อผ้าแฟชั่น ที่เหมือนสวมใส่อยู่ในหุ่น แต่ภาพที่ออกคือ ชุดเสื้อผ้าลอยตัวอยู่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรป แบรนด์ดังในยุโรปใช้วิธีแบบนี้ในการนำเสนอลูกค้า ซึ่งการถ่ายทำลักษณะใกล้เคียงกับการถ่ายแบบแนวนอน และ ใช้เวลาเพียง 5 นาที ซึ่ง AI ช่วยตัดแบล็กกราว และตัดควบคุมแสงอัตโนมัติ เช่นเดียวกับการถ่ายแบบแนวนอน
ส่วนแบบที่ 3 ถือว่า ไฮไลท์เลยที่เดียว เพราะเป็นการถ่ายสินค้าแบบต้องมีแสงเงาเพิ่มชีวิตชีวาให้กับสินค้า โดยการถ่ายสินค้าแบบนี้เกิดขึ้นมาจาก มีลูกค้ารายหนึ่งต้องการสินค้ามีแสงเงาให้โจทย์มา ซึ่งทีมงานเราก็คิดพยายมหาวิธีผลิตเครื่องนี้ขึ้นมา โดยเป็นการถ่ายแบบใช้กล้องถ่ายภาพแบบ360 องศา โดย AI ทำการตัดต่อ โดยอัตโนมัติ ซึ่งก็ใช้คนถ่ายเพียงคนเดียวและใช้เวลาเพียง 5 นาที เช่นเดียวกับการถ่ายทั้ง 2 แบบที่กล่าวมาข้างต้น การถ่ายแบบนี้ ภาพที่ออกมาหมุน 360 องศา ทำให้ลูกค้าเห็นสินค้าในทุกมุมมอง ช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้น ส่งผลต่อยอดขายที่เพิ่มขึ้น
แบบที่ 4 วีดีโอ ที่เป็นการใช้นางแบบ ซึ่งการทำงานของ ระบบเทคโนโลยี AI ทำให้สามารถใช้คน คนเดียวในการถ่ายเหมือนกับแบบอื่น หรือ อาจจะใช้สไตล์ลิส เพียงคนเดียว และสามารถทำงานได้ทั้งถ่าย และ จัดเซ็ทท่านางแบบด้วย การทำงานของเทคโนโลยี AI คอยจับสีผิว จับความสูง และคอยปรับแสงสีผิว และปรับส่วนสูง ให้นางแบบออกมาดูดีที่สุด ซึ่งภาพที่ได้ออกมาจะเป็นระดับเดียวกับเทคโนโลยีระดับสูงที่ ต่างประเทศเขาใช้กันเลย แต่เราใช้เพียงไอแพดเครื่องเดียว และใช้คนๆ เดียว และที่สำคัญใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที
โดยราคาค่าบริการ ภาพนิ่ง คิดค่าบริการภาพละ 299 บาท และที่ราคาค่อนข้างสูง เพราะต้องมีทีมที่จะเข้ามาช่วย ในส่วนที่ AI ทำไมได้ และในส่วนของวีดีโอ เริ่มต้นครั้งละ 1,000 บาท ที่ผ่านมา มีลูกค้า ทั้งรายเล็กเอสเอ็มอี และบริษัทขนาดใหญ่ เริ่มเปิดตัวและเริ่มรับงานอย่างจริงจัง เมื่อเดือน กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา มีลูกค้าหลักร้อยราย รวมถึงลูกค้าโอทอป ที่ไปเปิดตลาดในต่างประเทศ ผ่านช่องทางออนไลน์ เลือกใช้บริการของเรา
เทคโนโลยีพัฒนามาจากลูกค้าอยากได้สีของภาพไม่เพี้ยนจากของจริง
นายจอห์น กล่าวถึง ที่มาของ ZAVIAGO เกิดขึ้นมาจากเดิมผมทำงานและเติบโตที่ประเทศสวีเดน ทำงานด้านอีคอมเมิร์ซ ขายของออนไลน์ให้แบรนด์สินค้าแฟชั่นชื่อดัง และวันหนึ่ง ลูกค้าซึ่งแบรนด์แฟชั่นชื่อดังระดับโลกในยุโรป มีคำถามให้เราว่า มีวิธีการอย่างไรที่ทำให้ ภาพสินค้าที่ถ่ายออกมาสีไม่เพี้ยน แสงเงาสม่ำเสมอ เขาต้องการให้ภาพสินค้าที่นำไปขึ้นขายออนไลน์ ออกมาเหมือนของจริงมากที่สุด ในขณะนั้น ตนเองและคนอื่นๆ ในทีมหาวิธีการทำค่อยพัฒนาจนสามารถทำสำเร็จ และทำให้สินค้าที่ถ่ายออกมาเหมือนจริงมากที่สุด ในต่างประเทศใช้เทคโนโลยีตัวนี้ มานานกว่า 8 ปี
สำหรับการเข้ามาในประเทศไทย ครั้งนี้ เกิดขึ้นมาจากผมได้ขอทีมเงานเพื่อนำเทคโนโลยีตัวนี้มาใช้ในประเทศไทย และพอไม่ได้ติดสัญญาแบรนด์ลูกค้า เขาก็อนุญาตให้เรานำเทคโนโลยีตัวนี้ เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งในประเทศไทยตอนที่นำเทคโนโลยีตัวนี้ เข้ามาใช้ในสตูดิโอถ่ายภภาพ ยังไม่มีใครทำมาก่อน และสามารถช่วยให้เอสเอ็มอี และโอทอป สามารถขายสินค้าออนไลน์ในตลาดต่างประเทศได้เป็นผลสำเร็จ โดยได้ภาพสวยแบบมืออาชีพไม่ต้องไปจ้างช่างกล้องราคาแพง หรือทีมโปรดักส์มาช่วย จ่ายแค่หลักร้อย หลักพัน ก็ได้รูปสวยและวีดีโอไปโพสต์ขายออนไลน์
นายจอร์น กล่าวว่า หลังจากได้นำเข้าเทคโนโลยี เข้ามาใช้ในประเทศไทย มีบริษัทขนาดใหญ่และเอสเอ็มอีเข้ามาใช้บริการ เพราะช่วยให้เขาลดต้นทุน ด้านโปรดักส์ชั่นไปได้มาก และช่วยลดระยะเวลาการทำงาน ช่วยให้การขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ไปได้อย่างรวดเร็ว และมีความเป็นมืออาชีพ เทียบเท่ากับแบรนด์ระดับโลก และเทคโนโลยีนี้ ยังช่วยให้สินค้าแบรนด์เล็ก มีความเป็นโปรเฟสชั่นนอล มากขึ้นด้วย ในราคาที่ทุกคนจับต้องได้
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของ AI ในครั้งนี้ ไม่ได้กระทบกับการทำงานของคน อย่างที่หลายคนกังวล เพราะบทบาทหน้าที่ของ AI ทุกอย่างก็ต้องขึ้นและควบคุม โดยมนุษย์ AI ไม่สามารถครีเอทอะไรได้ด้วยตัวเองที่นอกเหนือจากสิ่งที่มนุษย์ป้อนโปรแกรมมให้ทำ ซึ่งบทบาทหน้าที่ของ AI แค่เข้ามาช่วยงาน ที่เป็นระบบ AUTO เท่านั้น การลดคนก็จะลดในส่วนนั้นเท่านั้น ในขณะที่ทุกอย่างจะต้องถูกพัฒนาขึ้นมาโดยมนุษย์ ปัจจุบันต้องจ้างช่างภาพมาช่วยในการจัดวาง หรือกำหนดแสงเงา เป็นต้น
“ในส่วนของ สตาร์ทอัปเอง แม้ว่าการแข่งขันจะมีสูง แต่ถ้าสตาร์ทอัป สามารถที่จะทำหน้าที่ในการแก้ปัญหาของมนุษย์ได้เชื่อว่า สตาร์ทอัปจะยังคงเติบโต และถึงเส้นชัยได้อย่างแน่นอน อย่าท้อขอให้สู้ ถ้าสู้มากพอ จะประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกับสตาร์ทอัป ชื่อดังที่มีอยู่ทั่วโลก” นายจอห์น กล่าวในที่สุด
สนใจ ติดต่อ www.zaviago.com
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *