กระแสรักษ์โลกยังคงมาแรงไม่หยุด สำหรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการลดขยะในยุคปัจจุบัน เช่นเดียวกับร้านจำหน่ายสินค้าบริโภคที่กำลังมาแรงในขณะนี้ นั้นคือ ร้าน ZeroMoment Refillery ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความตั้งใจส่วนตัวแล้วบังเอิญเจอแนวคิดนี้จากต่างประเทศ ทำให้ตัดสินใจเปิดร้านจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภค เพื่อเป็นการสนองความตั้งใจตนเองโดยเป็นจุดเล็กๆ และสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยหันมาลดขยะและใส่ใจกับการรักษ์โลกอย่างจริงจัง
ฤดีชนก จงเสถียร หรือ เมี่ยว เจ้าของร้าน ZeroMoment Refillery เล่าว่า ร้าน ZeroMoment Refillery เป็นร้านขายของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน จุดเริ่มต้นของการทำร้าน ZeroMoment Refillery นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่ตนเองได้มีโอกาสไปต่างประเทศและได้บังเอิญเจอร้านค้าแบบนี้ ทำให้ตนรู้สึกว่าอยากจะเปิดร้านแบบนี้เช่นเดียวกัน เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่คนไทยสำหรับการซื้อของอุปโภคและบริโภค โดยปกติในประเทศไทยยังมีร้านประเภทนี้จำนวนน้อย ซึ่งปกติมนุษย์สร้างขยะเพิ่มขึ้นจำนวนมากในแต่ละวัน จึงมีความต้องการสร้างความรู้ให้กับลูกค้าเมื่อเวลามาซื้อสินค้าของทางร้านแล้วได้ความรู้สึกถึงการลดขยะ สร้างความสุขทางใจและรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย ซึ่งก่อนจะเปิดร้านนี้ขึ้นมาใช้เวลาในการเตรียมข้อมูลต่างๆ ประมาณ 1 เดือน เตรียมการทำร้านประมาณ 6 เดือน ปัจจุบันร้านเปิดมาได้ 1 ปี
ทั้งนี้เหตุผลที่เลือกทำธุรกิจแบบนี้เพราะว่าตั้งแต่เปิดร้านมายังมีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ทราบว่าจุดประสงค์ของร้านคืออะไร ทำไปแล้วจะดีหรือไม่ ทำไมถึงกล้าลงทุนกับธุรกิจแบบนี้ ส่วนตัวของเจ้าของร้านมองว่า ในความจริงแล้วมันคือความยากเนื่องจากมันคือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่น เมื่อเราคิดว่าทำไม่ได้มันก็จะทำไม่ได้ แต่เมื่อไหร่ที่เราคิดว่าทำได้ทุกอย่างก็สามารถเป็นไปได้เช่นเดียวกัน ทำให้เจ้าของร้านนำเอาคำถามต่างๆ ของลูกค้ามาแก้ปัญหาด้วยการทุ่มเทและหาคำตอบเพื่อตอบสนองลูกค้าได้
สำหรับสินค้าภายในร้านจะมีทั้งหมด 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มของใช้ที่ย่อยสลายได้ เช่น หลอดไม้ไผ่ หรือ ของใช้ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น หลอดสแตนเลส ตะกร้าที่เกิดจากการรียูส กลุ่มสินค้าน้ำยาต่างๆ เช่น น้ำยาถูพื้น น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างจาน รวมถึง สบู่ แชมพู ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอาหาร โดยจะแบ่งเป็นหมวดเครื่องปรุงที่ใช้ในการประกอบอาหารและกลุ่มอาหารพร้อมกิน เช่น ขนมคบเคี้ยว เป็นต้น
นอกจากนี้การรับสินค้ามาเพื่อจำหน่ายภายในร้านนั้น รับมาจากหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าของชาวบ้าน นักศึกษา ถ้าเป็นสินค้ากลุ่มของน้ำยาต่างๆ จะเป็นสินค้าภายในประเทศทั้งหมด เนื่องจากทางร้านมีความต้องการสนับสนุนเรื่องการกระจายรายได้ให้แก่ผู้ผลิตคนไทยก่อน ซึ่งกลุ่มสินค้าน้ำยาต่างๆ จะมีวางจำหน่ายตามร้านค้าออร์แกนิคบ้าง แต่พอทางร้านนำมาขายที่ร้านราคาจะถูกลงกว่า 10-30% ส่วนสินค้าที่เป็นของกินนั้นจะเน้นติดต่อกับเกษตรกรหรือผู้ผลิตโดยตรง โดยจะเน้นสินค้าที่เป็นของดีของเด่นในแต่ละพื้นที่ที่ทางร้านศึกษาหาข้อมูลมาอย่างชัดเจน ซึ่งจะสนับสนุนสินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นส่วนใหญ่พยายามสนับสนุนเท่าที่ทำได้ ถ้าสินค้าชนิดไหนไม่สามารถทำได้หรือไม่เหมาะสมจริงๆ ก็จะนำเข้าจากต่างประเทศแทน เช่น อัลมอนด์ แต่ก็เน้นจากแหล่งที่มาที่ดีและมีคุณภาพ
ด้านการทำการตลาดทางร้านจะเน้นการโปรโมททางโซเชียลเป็นหลัก รวมถึงมีสื่อมาให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมากทำให้มีลูกค้ารู้จักและสนใจเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ยังได้มีการบอกปากต่อปากจากลูกค้าที่มาใช้บริการอีกหนึ่งช่องทางอีกด้วย ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักแก่ผู้คนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาเพียง 1 ปี
ทั้งนี้วิธีการซื้อสินค้าของทางร้านไม่มีอะไรซับซ้อนทางร้านจะมีเพจเฟซบุ๊กที่มีข้อมูลสินค้าภายในร้านให้ศึกษาก่อนว่าต้องการจะซื้ออะไร จากนั้นก็เตรียมภาชนะที่มีภายในบ้านมาที่ร้าน พนักงานจะนำเอาภาชนะของลูกค้าไปชั่งน้ำหนักก่อนที่ลูกค้าจะตักหรือเติมสินค้าใส่ภาชนะ ใช้แค่ไหนซื้อไปแค่นั้น โดยมีขั้นต่ำคือ 1 กรัม โดยตัวสินค้าจะมีรหัส เมื่อลูกค้าตักสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เขียนรหัสใส่ไปแล้วนำไปชั่งน้ำหนักเพื่อชำระเงิน โดยพนักงานจะหักลบค่าน้ำหนักของภาชนะออกไป ชำระเงินเฉพาะน้ำหนักของสินค้าที่ตักไป หากลูกค้าที่มาเป็นครั้งแรกแล้วไม่ได้นำเอาภาชนะมาทางร้านมีภาชนะสำรองจำหน่ายให้แก่ลูกค้าเช่นกัน
สำหรับกลุ่มลูกค้ามีทุกเพศทุกวัยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าผู้หญิง รวมถึงเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาก็มีเข้ามาใช้บริการเนื่องจากที่โรงเรียนมีการสอนเรื่องการลดขยะ ทำให้เด็กนักเรียนมีความสนใจและชักชวนผู้ปกครองมาใช้บริการของทางร้าน ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการต่างมีเหตุผลที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ช่วงวัย ส่วนลูกค้าที่เป็นกลุ่มแม่บ้านจะให้ความสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากสินค้าภายในร้านสามารถตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้าร้านในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์
เป้าหมายของหารทำธุรกิจแบบนี้ทางร้านมองว่าเป็นทางเลือกในการเปลี่ยนพฤติกรรมของคน ซึ่งไม่ได้คิดว่าร้านของตนจะมาแทนที่ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป เพียงแต่ต้องการนำเสนอทางเลือกให้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการซื้อสินค้าแบบของทางร้าน ซึ่งในอนาคตต้องการทำให้เป็นคอมมูนิตี้และพัฒนาต่อไปให้เป็นเหมือนไลฟ์สไตล์ของลูกค้าไปอีกทางด้วย
อย่างไรก็ตามถ้าหากใครมีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคโดยที่ไม่สร้างขยะเพิ่มขึ้น สามารถนำภาชนะที่มีอยู่ในบ้านไปใช้บริการร้าน ZeroMoment Refillery ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งร้านดังกล่าวตั้งอยู่ที่ ตึก @home residence ซอย 16 ถนนเสรี 2 (13.98 km) กรุงเทพมหานคร 10250 หรือ พระรามเก้าซอย 41 (หรือเข้าทางรามคำแหง 24 แยก 20) เปิดร้านตั้งแต่เวลา 10:00-19:00 น.
ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : ZeroMoment Refillery
โทร. 081 551 7700
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
