xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ด SMEs อัดงบฯ 1,977 ล้านบาทเสริมแกร่งผู้ประกอบการไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
บอร์ดเอสเอ็มอีแต่งตั้งอนุกรรมการบริหาร สสว. อัดฉีดงบเพิ่มขีดความสามารถเอสเอ็มอีกว่า 1,977 ล้านบาท เล็งตั้งศูนย์บริการ OSS สสว. ในภูมิภาค 31 แห่ง พร้อมตั้งร้านค้าประชารัฐ 148 แห่งทั่วประเทศ เชื่อจะสร้างประโยชน์เอสเอ็มอีทุกกลุ่มทั่วประเทศ

นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ครั้งที่ 1/2559 ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) เห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้การปฏิบัติงานของ สสว.เป็นไปด้วยความคล่องตัว โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานอนุกรรมการบริหาร

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบการจัดสรรเงินกองทุนของ สสว. จำนวน 1,977.645 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2558 เพื่อบูรณาการงานส่งเสริมเอสเอ็มอีของประเทศให้เติบโตได้ตามศักยภาพ โดยจัดสรรเงินกองทุนออกเป็น 6 ส่วน ประกอบด้วย การจัดสรรเงินกองทุน 437.17 ล้านบาท ให้แก่ 3 กระทรวง ดำเนินงาน 9 โครงการ ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม งบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการยกระดับผลิตภัณฑ์เอสเอ็มอีสู่ตลาดโลก โครงการแปลงเครื่องจักรเป็นทุน และโครงการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

1. จัดสรรเงินกองทุน 437.17 ล้านบาท ให้แก่ 3 กระทรวงดำเนินงาน 9 โครงการ ประกอบด้วย 1) กระทรวงอุตสาหกรรม งบประมาณ 100 ล้านบาทเพื่อดำเนินโครงการยกระดับผลิตภัณฑ์ SMEs สู่ตลาดโลก โครงการแปลงเครื่องจักรเป็นทุนและโครงการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 2) กระทรวงพาณิชย์ งบประมาณ 187.17 ล้านบาทเพื่อดำเนินโครงการสร้างนักการค้ามืออาชีพโครงการกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ : สร้างโอกาส SME ไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุน และโครงการแฟรนไชส์ไทยสู่ตลาดโลก 3) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี งบประมาณ 150 ล้านบาทเพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP) โครงการคูปองนวัตกรรมเพื่อพัฒนา SME สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนระยะต่อเนื่อง โครงการสร้างผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ และโครงการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์

2. จัดสรรเงินกองทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งกองทุนพลิกฟื้น SME โดยให้ สสว.ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ SMEs และธุรกิจการเกษตรที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ซึ่ง สสว.จะคัดเลือกจากลูกค้าธนาคารของรัฐ ซึ่งมีปัญหาในการจ่ายชำระหนี้แต่มีความบริสุทธิ์ใจ และมีเจตนาที่จะทำกิจการต่อไป หรือ SMEs ที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งส่งงบการเงินให้กระทรวงพาณิชย์อย่างสม่ำเสมอและมียอดขายลดลงค่อนข้างมากอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลา 3 ปี โดยวินิจฉัยเชิงลึกเป็นรายกิจการเพื่อหาประเด็นที่จำเป็นต้องปรับปรุงทั้งในด้านการผลิต และการจำหน่าย และหาก SMEs รายใดมีความตั้งใจที่จะประกอบธุรกิจต่อไป และยังมีศักยภาพเพียงพอ สสว.จะประสานงานกับเจ้าหนี้เดิมเพื่อขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ในกรณีที่ SMEs ที่ได้ปรับโครงสร้างหนี้แล้ว จำเป็นต้องได้รับสภาพคล่องเพิ่ม สสว.จะพิจารณาให้กู้ยืมจากกองทุนพลิกฟื้นของ สสว. เป็นเงินกู้ระยะยาวไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย

3. จัดสรรเงินกองทุน 200 ล้านบาท ดำเนินโครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (Start-up) โดยบูรณาการความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชมงคล 9 แห่ง ซึ่งมีศูนย์บ่มเพาะ 35 ศูนย์กระจายกันอยู่ทั่วประเทศในทุกสาขาอาชีพ เช่น เกษตรแปรรูป ออกแบบงานด้านวิศวกรรม ฯลฯ โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการใหม่และนักธุรกิจที่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์เอสเอ็มอี สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รับเป็นพี่เลี้ยงให้ผู้ประกอบการใหม่ ตั้งเป้าหมายสร้างผู้ประกอบการใหม่ 3-4 หมื่นราย

4. จัดสรรเงินกองทุน 200 ล้านบาท ดำเนินโครงการส่งเสริม SME ที่ทำกิจการอยู่แล้วให้เติบโตได้ยิ่งขึ้น (SME Strong/Regular) โดย สสว.จะทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุ รีและจะให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าวินิจฉัยในเชิงลึกเป็นรายกิจการ และหาทางช่วยปรับปรุงการผลิตการให้บริการ และการจำหน่ายธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) จะให้การสนับสนุนทางด้านการเงินในกรณีที่ SMEs ต้องการปรับปรุงหรือขยายกิจการ โดยมีเป้าหมาย 10,000 รายภายในปี 2559 5. จัดสรรเงินกองทุน 40.475 ล้านบาท ดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ให้บริการครบวงจร (SME One-stop Service Center : OSS) เพิ่มอีก 20 แห่ง รวมเป็น 31 แห่ง เพื่อทำหน้าที่เป็นเสมือนสาขาของ สสว. คือ ให้คำปรึกษาแนะนำด้านธุรกิจแก่ SMEs เป็นตัวกลางประสานระหว่าง SMEs กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ดูแล SMEs ที่ได้รับการส่งเสริมจาก สสว.โดยตรงและจากหน่วยงานร่วมของ สสว. ตลอดจนเป็นศูนย์กลางในการติดต่อและให้ข้อมูลรวมทั้งสร้าง Net work ในเขตพื้นที่

6. จัดสรรเงินกองทุน 100 ล้านบาท ดำเนินโครงการประชารัฐเพื่อวิสาหกิจชุมชน จัดตั้งร้านค้าประชารัฐ จำนวน 148 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตสินค้า OTOP และวิสาหกิจชุมชนให้มีที่ขายสินค้าถาวร รวมทั้งปรับมาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ต้องการของตลาดภายใต้การบูรณาการความร่วมมือ 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สนับสนุนการสร้างร้านค้าประชารัฐ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สนับสนุนพื้นที่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.โดยไม่คิดค่าเช่า กรมการพัฒนาชุมชน และ สสว. ร่วมกันคัดสรรสินค้าจาก OTOP และวิสาหกิจชุมชน โดยปรับมาตรฐานและรับรองคุณภาพสินค้า รวมทั้งช่วยดูแลการบริหารจัดการของร้านค้าประชารัฐ เช่น การจัดหาบุคลากรและการขนส่งสินค้า ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ช่วยสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ชุมชนที่ส่งสินค้ามาขาย ตั้งเป้าหมายให้ชุมชนสามารถบริหารร้านค้าประชารัฐได้ด้วยตนเองภายในเวลา 3 ปี และสามารถยกระดับวิสาหกิจชุมชนขึ้นเป็นผู้ประกอบการ SMEs คาดว่าโครงการดังกล่าวจะเสร็จภายในไตรมาสแรกของปี 2559
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น