ร้าน “กุ้งถัง” เป็นร้านอาหารซีฟูดรูปแบบใหม่ เขาเสิร์ฟมาในถังสเตนเลส ก็เลยเป็นที่มาของกุ้งถัง ความพิเศษอยู่ที่ซอสที่คลุกเคล้ากุ้ง ปู หอยตัวโตๆ แทนการกินด้วยน้ำจิ้มซีฟูด แต่ความพิเศษ หรือกิมมิกของร้านที่ใครหลายคนต้องตะลึง เพราะเขาไม่มีจาน ช้อน หรือส้อมให้ มีเพียงแค่กระดาษเคลือบมันที่ปูไปบนโต๊ะ
เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็เทซีฟูดที่ใส่มาในถังสเตนเลสลงบนโต๊ะ หลังจากนั้นใช้มือเปิบกันได้เลย ในคอนเซ็ปต์ Eat with Your Hands และถ้ากลัวเลอะเทอะ ทางร้านมีผ้ากั้นเปื้อนพลาสติกที่ออกแบบพิเศษ เป็นสัญลักษณ์ของกุ้งถัง กินเสร็จก็รวบทิ้งกันไปเลยทั้งกระดาษ และผ้ากันเปื้อนลดขั้นตอนการทำงานให้แก่พนักงานไม่ต้องเก็บล้าง
นางสาวปิยฉัตร ปิยวัชรวิจิตร หรือ “กิ๊ฟ” เจ้าของร้านสาวสวย อายุเพียง 26 ปี และแฟนหนุ่ม “นายจีรวัฒน์ วิริยะสกุลชัยพร” เล่าถึงที่มาของร้านกุ้งถังว่า เกิดขึ้นมาจากกิ๊ฟ และแฟนที่เดินทางไปทำงานที่สหรัฐอเมริกา ได้ไปกินอาหารซีฟูด ของเขาไม่ใช้น้ำจิ้มซีฟูดเหมือนเมืองไทย แต่ใช้เป็นซอสคล้ายซอสบาร์บีคิว เกิดติดใจ จึงเกิดไอเดียว่าถ้าปรับการกินอาหารซีฟูดของคนไทย จากการกินน้ำจิ้มซีฟูดมากินแบบคลุกซอส น่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะยังไม่มีใครทำ
พอเดินทางกลับมาเมืองไทย ทดลองทำกินกันเลย ลองอยู่นานกว่าสูตรซอสจะลงตัว และเหมาะกับรสชาติที่คนไทยชื่นชอบ ส่วนที่มาของการไม่เสิร์ฟจาน ช้อน เพราะอยากจะทำร้านกุ้งถังให้เป็นร้านซีฟูดที่ไม่เหมือนคนอื่น โดยเริ่มเปิดร้านครั้งแรกที่ตลาดเลียบด่วนรามอินทราเมื่อต้นปี พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา และเนื่องจากเป็นสิ่งใหม่สำหรับคนไทย ไม่แน่ใจว่าจะได้รับการตอบรับมากน้อยแค่ไหน ในช่วงแรกชวนเพื่อนๆ มากินกันก่อน และเกิดการบอกกันแบบปากต่อปาก และความที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ลูกค้าที่มากินนำไปโพสต์ในสังคมออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เป็นต้น โดยที่เราไม่ต้องประชาสัมพันธ์อะไรเลยก็มีคนมากินแบบแน่นร้านขนาดที่ต้องต่อคิวกันเลยทีเดียวด้วยระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือน
หลังจากประสบความสำเร็จในสาขาแรกที่รามอินทรา ได้เปิดสาขาที่ 2 ที่ “เจ เจ กรีน” ตลาดนัดกลางคืนสวนจตุจักร ได้รับการตอบรับดีมากเช่นกัน โดยมีพื้นที่ร้านมากกว่าร้านแรก มีโต๊ะให้บริการลูกค้า 27 โต๊ะ ถ้าเป็นวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ คนแน่นทุกวัน ในขณะที่สาขาแรกมีเพียง 8 โต๊ะ ต้องเวียนกัน บางครั้งต้องรอถึง 80 คิว เป็นเหตุผลที่เรารู้สึกว่า ต้องเปิดสาขา 2 พร้อมกับการเปิดขายแฟรนไชส์ เพียงแค่ไม่ถึง 1 ปีมีสาขาแฟรนไชส์ร้านกุ้งถังถึง 10 สาขาในต่างจังหวัด
“คนสนใจอยากเปิดร้านแฟรนไชส์กุ้งถังของเราเป็นจำนวนมาก แต่เราค่อนข้างจะเลือกมาก เพราะเป็นอาหารทะเล สิ่งสำคัญคือ ต้องสด และใหม่ ถ้าวัตถุดิบไม่สดจะเสียชื่อทันที ดังนั้น แฟรนไชส์ที่เราเลือกจะอยู่ในพื้นที่ใกล้แหล่งวัตถุดิบอาหารทะเล มีสาขาที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีวัตถุดิบอาหารทะเลเพียงสาขาเดียว คือที่เชียงใหม่ แต่ทางเจ้าของแฟรนไชส์สามารถหาแหล่งวัตถุดิบที่สด และใหม่ในพื้นที่ได้ เราจึงอนุญาตให้เขาเปิดได้ ซึ่งโดยส่วนตัวไม่ต้องการขยายแฟรนไชส์มากนักเพราะเกรงว่าจะคุมไม่ได้ ก็เลยยังไม่อยากให้รายละเอียดแฟรนไชส์ตรงนี้” กิ๊ฟกล่าวในที่สุด
ในส่วนของซอส ที่ถือว่าเป็นอาวุธลับทางธุรกิจของทางร้านกุ้งถังนั้นมี 2 แบบ คือ ซอสเครื่องเทศ มาจากเมืองนอก Bang Bang เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน และ Garlic Pepper ซอสเครื่องเทศพริกไทย ส่วนวัตถุดิบอาหารทะเลซื้อมาจากตลาดมหาชัย และคลองเตย โดยจะซื้อแบบวันต่อวัน ถ้าอาหารไม่สดจะไม่ยอมเสิร์ฟลูกค้าเด็ดขาด ปัญหาที่พบส่วนใหญ่จะเป็นปู ที่บางครั้งได้ปูที่ไม่สดปนมา แต่ถ้าลูกค้าบอกไม่สดจะทำให้ใหม่ทันที
ทั้งนี้ ปูที่เลือกใช้จะเป็นปูม้า กุ้งใช้กุ้งขาว และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ซึ่งอาหารเหล่านี้จะนำมาลวกกับน้ำซุป ก่อนนำซอสมาคลุกเคล้า และเสิร์ฟทันที จะไม่มีการทำทิ้งไว้ โดยจะทำใหม่ทุกครั้งที่มีการสั่ง และเนื่องจากคนไทยยังติดการกินอาหารทะเลกับน้ำจิ้มซีฟูด ทางร้านจึงมีน้ำจิ้มซีฟูดเสิร์ฟให้ด้วย
สำหรับราคาขายอาหารของร้านกุ้งถัง “กิ๊ฟ” บอกว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับร้านซีฟูดทั่วไป โดยราคาเริ่มต้น 189 บาท (กุ้งและปู) กินได้ 1 คน และแบบกลาง ขนาด M ราคา 289 บาท (กุ้ง และหอย) กินได้ 2-3 คน และชุดรวม เหมาะกับการกินตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ราคา 489 บาท (กุ้ง ปู และหอย ข้าวโพด ) และนอกจากเมนูอาหารทะเล ทางร้านยังได้คิดเมนูใหม่เสริม ได้แก่ คอร์นชีสข้าวโพด เฟรนช์ฟราย ปีกไก่ ข้าวสวย และหมี่ผัดพริกไทยดำ ไว้บริการสำหรับคนที่ต้องการอาหารหนักๆ
นับเป็นไอเดียคนรุ่นใหม่ หยิบวัฒนธรรมการกินอาหารทะเลจากต่างประเทศมาปรับบริการแก่คนไทยได้โดนใจอย่างยิ่ง
โทร. 08-6761-5558, 08-5555-3058
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *