xs
xsm
sm
md
lg

หอการค้าไทยจับมือพาณิชย์ลุยเปิดร้าน “หนูณิชย์พาชิม” ให้ได้ 1 หมื่นร้านภายในปี 59

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หอการค้าไทยจับมือ “พาณิชย์” ผลักดันเปิดร้าน “หนูณิชย์พาชิม” ทั่วไทย ตั้งเป้าผลักดันให้ได้ 1 หมื่นร้านภายในปี 2559 มั่นใจช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนในการบริโภคอาหาร ช่วยเพิ่มรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ ในการขับเคลื่อนโครงการ “ร้านอาหารหนูณิชย์พาชิมออกไปยังส่วนภูมิภาค เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้ และเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้แก่ประชาชน และผู้ประกอบการร้านอาหาร เชื่อว่าหากมีการขับเคลื่อนแนวทางดังกล่าวพร้อมกันทั่วประเทศจะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ และช่วยบรรเทาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้อีกทางหนึ่ง

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้มีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการกับกระทรวงพาณิชย์แล้วจำนวนหนึ่ง โดยแบ่งเป็นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,560 ราย อยู่ในกรุงเทพฯ 1,193 ราย ปริมณฑล 367 ราย ในส่วนภูมิภาคเข้าร่วมโครงการแล้ว 70 จังหวัด จำนวน 1,600 ราย

โดยจากการสำรวจในช่วงวันที่ 9 ส.ค. - 11 ก.ย. 2558 พบว่า การดำเนินโครงการผ่านร้านอาหารในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถลดค่าครองชีพให้กับประชาชนได้วันละประมาณ 1,333,800 บาท มียอดลดภาระค่าครองชีพสะสม 451.14 ล้านบาท และร้านอาหารทั่วประเทศสามารถลดภาระฯ ได้วันละ 2,765,925 บาท ยอดลดภาระสะสม 717.80 ล้านบาท

สำหรับการดำเนินงานโครงการ กรมฯ ได้มีการประสานกับธนาคารของรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ในการพิจารณาสนับสนุนให้สินเชื่อดอกเบี้ยอัตราพิเศษให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ และสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์ เช่น ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ ป้ายสัญลักษณ์แสดงการรับรองคุณภาพ ผ้ากันเปื้อนพร้อมหมวก และประสานให้นำสินค้า OTOP มาจำหน่ายในร้านที่เข้าร่วมโครงการ

นายยง รุ่งเรืองธัญญา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การดำเนินโครงการดังกล่าว จะช่วยลดค่าครองชีพ ทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการบริโภคอาหารในราคาประหยัด ขณะที่ร้านอาหาร สามารถลดต้นทุนวัตถุดิบ เพราะสามารถซื้อจากเครือข่ายได้ในราคาถูกกว่า ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับร้านอาหาร โดยจะมีการจัดพื้นที่ให้นำสินค้า OTOP มาจำหน่าย และช่วยเสริมเศรษฐกิจฐานราก ทำให้เศรษฐกิจมีความเข้มแข็ง มีการพึ่งพากันเป็นห่วงโซ่ ทำให้เกิดการหมุนเวียนของการกระจายเม็ดเงินในพื้นที่

ทั้งนี้ แนวทางการขับเคลื่อนจะใช้ “บุรีรัมย์โมเดล” เป็นต้นแบบในการขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เนื่องจากจังหวัดบุรีรัมย์เป็นจังหวัดแรกที่ได้เริ่มต้นโครงการ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยตั้งเป้าหมายให้มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการ จำนวน 10,000 รายทั่วประเทศ ภายในปี 2559 โดยมีจังหวัดนำร่อง 32 จังหวัด ในพื้นที่ 5 ภาค ภาคเหนือ ได้แก่ พิษณุโลก เชียงราย ลำปาง อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ น่าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ บุรีรัมย์ สกลนคร เลย อุดรธานี นครพนม ศรีสะเกษ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม ภาคกลาง ได้แก่ ปทุมธานี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี ภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว และภาคใต้ ได้แก่ กระบี่ พังงา ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ยะลา สงขลา ปัตตานี

นางเสียงรัตน์ กีรติมาศ ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า หอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ได้ร่วมมือกับ พาณิชย์จังหวัด เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ จนเกิดเป็น “บุรีรัมย์โมเดล” ขึ้นมา ซึ่งจะเป็นแบบอย่างให้หอการค้าจังหวัดต่างๆ นำไปเป็นต้นแบบในการดำเนินการต่อไป โดยขณะนี้มีร้านอาหารในจังหวัดบุรีรัมย์เข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 92 ราย ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง และในอนาคตจะมีการขยายโครงการออกไปทั่วทั้งจังหวัด เนื่องจากมีผู้ประกอบการสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก และมีร้านจำหน่ายวัตถุดิบเข้าร่วม 5 ราย กับอีก 2 ชมรม คือ ชมรมโรงสีข้าว และชมรมร้านอาหาร

รูปแบบการดำเนินงานโครงการ ประกอบด้วย 1. คัดเลือกร้านอาหารและผู้จำหน่ายสินค้าวัตถุดิบราคาถูกให้กับร้านค้า 2. จัดทำบัตรให้ร้านอาหาร (ID Card) เพื่อใช้ซื้อวัตถุดิบกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ 3. จัดทำป้ายร้าน “หนูณิชย์ พาชิม” ให้กับร้านอาหาร 4. ประชาสัมพันธ์ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการผ่านสื่อต่างๆ ของภาครัฐในจังหวัด และสื่อออนไลน์ และ 5. ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินร้านอาหาร และร้านขายสินค้าวัตถุดิบ เพื่อให้ได้มาตรฐาน

นายภัสพลภ์ ชัยสุริยาทวิกุล ประธานหอการค้าจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า หอการค้าจังหวัดปทุมธานี มีความพร้อมที่ให้การสนับสนุนโครงการ “หนูณิชย์ พาชิม” โดยล่าสุดได้ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกร้านค้าตามหลักเกณฑ์ “ถูก สะอาด ดี อร่อย” โดยได้มีการจัดมอบไปแล้ว จำนวน 94 ร้านค้า แบ่งเป็นอำเภอเมืองปทุมธานี จำนวน 43 ร้าน อำเภอคลองหลวง 13 ร้าน อำเภอธัญบุรี 14 ร้าน อำเภอลำลูกกา 19 ร้าน อำเภอลาดหลุมแก้ว 3 ร้าน และอำเภอสามโคก 2 ร้าน


กำลังโหลดความคิดเห็น