พลังแห่งโลกโซเชียลจะประมาทไม่ได้จริงๆ เพราะทำให้ผู้หญิงที่รักในการค้าขายมากกว่าเรื่องเรียนได้สัมผัสเงินล้าน! ในวัยเพียง 28 ปี กับการขายลูกชุบ ขนมสีสันสดใส ที่เริ่มขายเพียงชิ้นละ 2 บาทตามตลาดนัด แต่ด้วยการดีไซน์ขนมที่เตะตาผู้พบเห็น ทำให้วันนี้ “ลูกชุบคุณแง๊ว” กลายเป็นแบรนด์ลูกชุบอันดับต้นๆ ที่คนในวงการรักลูกชุบน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเธอ
รวีวรรณ เพ่งเล็งผล หรือคุณแอล ชื่อเล่นที่บรรดาลูกค้าเรียกกันจนติดปาก และรู้จักในนามเจ้าของ “ลูกชุบคุณแง๊ว” ที่เธอรีบออกตัวว่า 'คุณแง๊ว' เป็นชื่อของคุณแม่ที่เปิดโอกาสให้เธอได้เข้าสู่วงการขนมลูกชุบ และปลุกปั้นเธอมากับมือ ทำให้เด็กที่เรียนไม่จบ แต่รักในการค้าขายมากกว่ามีเงินล้านอย่างในทุกวันนี้
เธอย้อนที่มาให้ฟังว่า เคยทำงานในตำแหน่งผู้จัดการของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกเมล็ดกาแฟ แต่ทำได้เพียง 4-5 เดือนก็ตัดสินใจลาออก เพราะเงินเดือนเพียง 15,000 บาทหมดไปกับการค่าน้ำมัน ทางด่วน ที่จอดรถ และค่าอาหารในแต่ละวัน ต้องขอเงินคุณแม่ใช้เพิ่มทุกเดือน มารดาจึงแนะให้ลาออกเพื่อมาขายขนมไทย ซึ่งมีฝีมืออยู่แล้ว ขณะที่ในใจลึกๆ เธอก็ยังอยากเป็นสาวออฟฟิศอยู่
เมื่อขัดใจมารดาไม่ได้จึงลาออกมาเพื่อขายขนมไทย แต่ยังไม่ได้เลือกว่าจะมุ่งเน้นไปที่ขนมชนิดใด และคุณแม่อีกนั่นแหละที่บอกว่า “ทำลูกชุบสิ ลูกชุบฉันอร่อย”
เธอเชื่อคุณแม่ พร้อมสร้างแบรนด์ “ลูกชุบคุณแง๊ว” ชื่อของคุณแม่ที่นอกจากจะเป็นเจ้าของสูตรแล้วยังเป็นมงคลแก่ธุรกิจ ในช่วงแรกสองแม่ลูกช่วยกันทำลูกชุบขายตามตลาดนัดในราคาชิ้นละ 2 บาท ย่านถนนเพชรอโศก สุขุมวิท ปั้นขายวันละ 400 ลูก ได้เงินมาเพียง 800 บาท/วัน ซึ่งเธอยอมรับว่าเห็นจำนวนเงินแล้วรู้สึกท้อ แต่ก็พยายามหาตลาดนัดเพิ่มหวังขยายสาขา เพราะมั่นใจในรสชาติของขนมที่เลือกใช้ถั่วคุณภาพดี ไม่มีการผสมนม หรือน้ำ ใช้กะทิสดกวนกับถั่วเท่านั้น ไม่หวานจนเกินไป รับประทานได้บ่อยโดยไม่เลี่ยน ขณะที่รูปลักษณ์ก็เน้นความละเอียดและสมจริงมากที่สุด
แต่เหมือนเป็นความโชคดีที่สามีของคุณแอลมาชี้ทางสว่างด้านการตลาดให้ ว่าทำไมไม่ขายผ่านเฟซบุ๊ก เพราะเธอก็เล่นอยู่เป็นประจำ เธอจึงเริ่มโพสต์ขายลูกชุบ ที่ช่วงแรกหวังให้คนรู้จักมากขึ้น ซึ่งก็ได้ผลเพราะมีลูกค้าที่เป็นนักขายโฆษณาสั่งทำลูกชุบเป็นกระเช้าเพื่อนำไปมอบให้ลูกค้า เธอสร้างความต่างด้วยการจัดแต่งกระเช้าอย่างสวยงาม และกลายเป็นที่มาของออเดอร์ที่มากขึ้นเรื่อยๆ
“ในช่วงที่เริ่มขายดี เรานั่งรถไฟฟ้าเป็นว่าเล่น วันหนึ่งหลายเที่ยวเพื่อส่งขนมตามเส้นรถไฟฟ้า ทำให้มีรายได้เฉลี่ยวันละ 3-4 พันบาท หักต้นทุนแล้วรายได้ก็เกินเงินเดือนประจำเพราะต้นทุนไม่ได้สูงมาก และเมื่อต้องทั้งทำและจัดส่งเองเริ่มไม่มีเวลาในการผลิตอย่างเต็มที่ เราก็จ้างมอเตอร์ไซค์จัดส่งให้แทน คิดค่าบริการตามจริง”
16 ธันวาคม 2254 เป็นวันที่คุณแอลเริ่มขายลูกชุบอย่างจริงจัง และถือเป็นช่วงที่เหมาะสมใกล้เทศกาลปีใหม่ ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นถึงหลักแสนบาท ลูกค้าบางรายสั่งซื้อลูกชุบหลักหมื่นก็มี ประกอบกับเธอขายผ่านอินสตาแกรมด้วย ทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
แต่ทุกอย่างก็ต้องมี “จุดอิ่มตัว” ลูกค้าเริ่มเบื่อรูปแบบเดิมๆ สามีจึงแนะให้ลองนำสตรอว์เบอร์รีมาทำเป็นลูกชุบ เพราะขนมไดฟุกุยังนำมาทำเลย ซึ่งเธอก็ลองทำโดยใช้สตรอว์เบอร์รีจากสหรัฐฯ และออสเตรเลียทั้งลูก เคลือบด้วยถั่วกวนและเคลือบวุ้น แต่งสีสันให้เหมือนสตรอว์เบอร์รี ซึ่งรสชาติเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ยอดขายก็กลับมาอีกครั้ง เพียงเปิดตัวครั้งแรกก็สร้างยอดขายทะลุ 5 แสนบาท
ต่อมาก็พัฒนาเป็นลูกชุบไข่เค็ม, ลุกชุบกุหลาบ, ลูกชุบพวงองุ่น และลูกชุบเป็ด หรือแม้กระทั่งการออกแบบลูกชุบตามเทศกาลต่างๆ เช่น วันฮัลโลวีน วันแม่ เป็นต้น โดยล่าสุดลูกชุบคุณแง๊วมีหน้าร้านที่ห้างเซ็นทรัล เวสต์เกต เป็นแห่งแรก หลังจากอาศัยการออกบูทตามงานต่างๆ มาหลายปี และพัฒนารูปแบบให้เป็นแฟนซีมากขึ้น เช่น ลูกชุบชุดผักสวนครัว, โลกใต้ท้องทะเล, ชุดซาแซ (หมู ไก่ เป็ด) และชุดผลไม้มงคล ซึ่งต้องสั่งล่วงหน้า 15 วัน อนาคตเตรียมทำลูกชุบลาวาไส้เยิ้มจากซอสสูตรพิเศษที่คิดขึ้น ปัจจุบันกำลังการผลิตของลูกชุบคุณแง๊วอยู่ 3,000 ชิ้น/วัน (รวมทุกรูปแบบ) ในช่วงเทศกาลสูงถึง 10,000 ชิ้น/วัน โดยลูกชุบสตรอว์เบอร์รี และลูกชุบเป็ดเป็นสินค้าขายดี
การพัฒนารูปลักษณ์ลูกชุบอย่างไม่หยุดนิ่ง ทำให้ปัจจุบันเด็กสาววัยเพียง 28 ปี สามารถมีเงินล้าน ซื้อคอนโดฯ ซื้อรถ และมีเงินเลี้ยงมารดาได้สบาย ที่เธอบอกในช่วงสุดท้ายว่าเธอตัดสินใจถูกที่ทำตามคำแนะนำของคุณแม่ เพราะหากไม่มีคุณแม่ที่ชี้แนะแนวทางก็คงไม่มีคุณแอลอย่างในวันนี้
ขั้นตอนการทำลูกชุบเงินล้าน! |
1. นำถั่วเหลืองผ่าซีกกับกะทิมาต้มรวมกันและกวนรวมกัน โดยไม่ผสมนม และกากมะพร้าว 2. กวนในกระทะทองเหลืองนาน 6 ชั่วโมง ให้คล้ายครีมข้น 3. นำมาชุบลงในน้ำวุ้น เพื่อความเงาและกรอบ หมายเหตุ : “ลูกชุบคุณแง๊ว” สามารถเก็บในตู้เย็นได้นาน 2 สัปดาห์ และหากนำไปแช่แข็งจะอยู่ได้ 7 เดือน เมื่อจะรับประทานเพียงนำออกมาให้คลายความเย็น รสชาติและรูปลักษณ์จะเหมือนเดิม |
***สนใจติดต่อ 09-1095-4642 หรือที่ www.facebook.com/khun.ngaew***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *