สิ่งที่สะดุดตาคนทั่วไป เมื่อพบเห็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์ คาราเมล แบรนด์ ‘Pattaraporn’ คือขนาดของ “เม็ด” ที่ใหญ่กว่าท้องตลาดทั่วไป มาพร้อมบรรจุภัณฑ์สวยงาม เหมาะจะซื้อเป็นของฝากของขวัญในเทศกาลต่างๆ
เหล่านี้ ไม่ใช่ความบังเอิญหากแต่เกิดจากแนวคิดที่ต้องการเพิ่มความพิเศษแก่ผลิตภัณฑ์ ทั้งด้านคุณภาพ และเรื่องราวความเป็นมา สามารถขายได้ในราคาสูง โดยผู้ซื้อเต็มใจจะจ่าย
เจ้าของแบรนด์ ‘Pattaraporn’ ได้แก่ ภัทรภร ศุภศรี อาศัยความชอบทำขนมชนิดต่างๆ เริ่มทำเค้กขายเป็นรายได้เสริม ตามด้วยเปิดร้านเบเกอรี่โฮมเมด และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น จนขยายสาขาอีกหลายแห่ง
กระทั่ง 3-4 ปีที่แล้ว ตลาดเบเกอรี่การแข่งขันสูง เกิดผู้ค้ารายใหม่ๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะเค้กสั่งออนไลน์ กระทบยอดขายเค้กของร้านลดลง ตรงกันข้ามกับ “เม็ดมะม่วงหิมพานต์ คาราเมล” สินค้าอีกตัวภายในร้าน ยังขายดีสม่ำเสมอ ยิ่งในเทศกาลปีใหม่ ยอดสั่งเพิ่มจากปกติถึง 3 เท่าตัว
จุดนี้เอง ทำให้กลับมาทบทวนเปลี่ยนจากขายเค้กเป็นหลักสู่การดึง “เม็ดมะม่วงหิมพานต์ คาราเมล” ขึ้นมาเป็นพระเอกประจำแบรนด์
“ขนมตัวนี้ เป็นสูตรโบราณที่เดิมจะทำกินกันเองในครอบครัว ก่อนจะเอามาขายที่ร้าน ซึ่งลูกค้าตอบรับดีมาก ช่วงที่ยอดขายเค้กลดลง แต่เม็ดมะม่วงฯ ยังขายดี ทำให้เรากลับมาทบทวนว่า การขายเค้ก พฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปแล้ว และการเปิดหน้าร้านหลายแห่ง ต้นทุนค่าใช้จ่ายสูง เลยหันมาทำเม็ดมะม่วงหิมพานต์ คาราเมล อย่างจริงจังแทน” ภัทรภร เล่า
ด้านมหพันธุ์ ศุภศรี สามีที่เข้ามาช่วยด้านการตลาด เสริมว่า วางตำแหน่งสินค้าเป็นของขวัญของฝาก ชิ้นพิเศษ ระดับพรีเมียม เพื่อลูกค้าตลาดบน และขายได้ตลอดทั้งปี โดยความพิเศษดังกล่าว แบ่งเป็นในเรื่อง “วัตถุดิบ” จะคัดเฉพาะเม็ดมะม่วงหิมพานต์ขนาด “จัมโบ้” เม็ดใหญ่พิเศษ ที่ผ่านมาจะส่งออกเท่านั้น โดยเฉลี่ยใน 100 กิโลกรัม จะมีเม็ดขนาดจัมโบ้ไม่เกิน 15 กิโลกรัม ราคาขายอยู่ที่ 650 บาทต่อกิโลกรัม สูงกว่าเม็ดมะม่วงฯ เกรดดีที่สุดในประเทศที่ขายประมาณ 500 บาทต่อกิโลกรัม
ความพิเศษประการต่อมา คือ กระบวนการทำแบบโบราณแท้ๆ ไม่ใช้น้ำมันเลย โดยจะกวนเม็ดมะม่วงฯ กับน้ำตาล ในกระทะทองเหลือง ต่อเนื่อง 30 นาที ซึ่งต่อรอบจะทำได้เพียงแค่ 500 กรัมเท่านั้น และต่อรอบต้องใช้ 2 คนทำพร้อมกัน คนแรกมีหน้าที่ถือไม้พายคอยกวนเม็ดมะม่วงฯให้เข้ากับน้ำตาล ส่วนอีกคน ทำหน้าที่เร่งและเบาไฟตามจังหวะไม่ให้ไหม้
“จากที่ผมสำรวจตลาดสินค้าใกล้เคียงทั้งหมดแล้ว ไม่มีสินค้าเหมือนเราเลย สาเหตุมาจากเรื่องวัตถุดิบเม็ดขนาดจัมโบ้ที่หายาก และกระบวนการผลิต ซึ่งยุ่งยากมาก ต้องใช้แรงงานเท่านั้น ยังไม่สามารถหาเครื่องจักรมาทำแทนได้ ดังนั้น เวลาเราไปออกบูท ผมก็จะมีวิดีโอฉายให้ดูวิธีทำ ให้ลูกค้าเห็นถึงเห็นคุณค่า ความยากกว่าจะได้ขนมชนิดนี้มา นอกจากนั้น บรรจุภัณฑ์ และโลโก้ให้ดูสวยงาม เหล่านี้ ทำให้สินค้ามีความพิเศษ คนซื้อยินดีจะจ่าย คนรับก็รู้สึกว่าได้ของที่มีค่า” มหพันธุ์ ระบุ
หลังจากวางตลาดอย่างจริงจัง ตั้งแต่ประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว เขาเผยว่า ได้การตอบรับดีต่อเนื่อง กลุ่มลูกค้าเป็นชาวไทยประมาณ 50% และที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่น จีน และอื่นๆ มักซื้อกลับไปเป็นของฝาก มีช่องทางขาย ผ่านหน้าร้านแห่งเดียวอยู่ที่ Terminal21 อโศก ออกงานแสดงสินค้าต่างๆ และออนไลน์ ยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่หลักแสนบาทต่อเดือน
ทั้งนี้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ คาราเมล ‘Pattaraporn’อายุเก็บไว้ได้นาน 3 เดือน ราคาขนาด 140 กรัม 150 บาท และขนาด 250 กรัม 230 บาท นอกจากนั้น ยังคิดค้นขนมอื่นๆ ออกมาต่อเนื่อง รวมแล้ว 6-7 ชนิด โดยทั้งหมดจะมีเม็ดมะม่วงฯ เป็นส่วนประกอบ
“ในแง่ของรายได้ หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว แทบไม่แตกต่างจากตอนที่เราทำร้านเบเกอรี่หลายสาขามากนัก และ
ผมเชื่อว่า ยังมีโอกาสในตลาดอีกมาก เพราะเราวางตำแหน่งตัวเองชัดเจน ให้เป็นสินค้าจากวัตถุดิบเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เกรดพรีเมียม มีเป้าหมายว่า เมื่อคิดถึงขนมเกี่ยวกับเม็ดมะม่วงฯ ที่ดีที่สุด ต้องคิดถึงแบรนด์ ‘Pattaraporn’ ซึ่งเราจะพัฒนาสินค้าตัวใหม่ๆ ออกมาเสมอ ควบคู่กับบรรจุภัณฑ์ชนิดพิเศษ เร็วๆ นี้จะมีบรรจุภัณฑ์เพื่อลูกค้าชาวจีนโดยเฉพาะ เหล่านี้จะเสริมคุณค่าแก่สินค้าเพิ่มขึ้น” มหพันธุ์ ทิ้งท้าย
ติดต่อโทร.0-2346-6056, line ID:pootoopun , FB:pattarapornhm
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
