“สุภาฟาร์มผึ้ง” ผู้ประกอบการธุรกิจเลี้ยงผึ้ง และน้ำผึ้งแปรรูป เสริมแกร่งธุรกิจรับเปิด AEC ระบุเข้ากิจกรรม CF ของ กสอ. พัฒนาระบบบัญชีเพื่อวางแผนธุรกิจอย่างถูกต้อง
สุวรัตนา ยาวิเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุภาฟาร์มผึ้ง จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากผึ้ง น้ำผึ้ง เกสรผึ้ง นมผึ้ง และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผึ้ง เช่น น้ำผึ้งผสมมะนาว ซีเรียลบาร์น้ำผึ้ง สบู่ก้อนน้ำผึ้ง เปิดเผยว่า ประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนจะรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในช่วงปลายปี 2558 นี้ บริษัทเห็นว่าเป็นโอกาสและมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศสมาชิกของ AEC เพื่อให้มีความพร้อมในการดำเนินงาน บริษัทฯ จึงได้มีการสำรวจตนเองเพื่อปรับปรุงการดำเนินธุรกิจ โดยพบว่าระบบบัญชีของบริษัทฯ ที่ผ่านมายังไม่มีความสมบูรณ์มากนัก จึงทำให้ไม่สามารถวิเคราะห์เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในด้านการตลาด การผลิตและการบริหาร และที่สำคัญส่งผลให้ไม่สามารถกำหนดแผนธุรกิจของบริษัทได้ในระยะยาว โดยเฉพาะในอีก 2-3 ปีข้างหน้าที่จะมีการแข่งขันทางธุรกิจมากขึ้น
“การวางแผนธุรกิจ การบริหารเงินทุนหมุนเวียนและระบบบัญชีสามารถแสดงรายงานทางการเงินของบริษัทได้ส่งผลทำให้ผู้บริหารได้ทราบถึงสถานะทางการเงินที่แท้จริงของบริษัท เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการค้าการลงทุนและเสริมสร้างประสิทธิภาพการบริหารข้อมูลการเงินที่มั่นคงให้กับบริษัท ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ สร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาดคู่แข่งได้”
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ จึงได้เข้าร่วมในกิจกรรมการบริการเงินสมทบจ้างที่ปรึกษาเพื่อปรับปรุงการผลิต การจัดการ การตลาด และการบริการ (Consultancy Fund : CF) กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม โดยบริษัทได้สมัครและขอรับการบริการด้านการบัญชีและการเงิน ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการปรับปรุงระบบบัญชีและการเงินให้เป็นระบบเพื่อขยายธุรกิจของบริษัทต่อไปในอนาคต อันจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไปสู่ตลาด AEC ซึ่งต้องมีการเตรียมระบบบัญชี การบริหารข้อมูลทางการเงินไว้ให้พร้อม
“จากการที่บริษัทได้เข้าร่วมกิจกรรม CF กับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทเกิดการปรับปรุงพัฒนาระบบบัญชี รวมถึงข้อมูลทางการเงินของบริษัท ตอนนี้ทำให้บริษัทฯ ได้ทราบงบกำไรขาดทุนที่แท้จริง สามารถใช้เป็นข้อมูลสำหรับนำไปปรับปรุงแก้ไข และวางแผนต่อไปในอนาคต อีกทั้งทำให้ทราบงบกระแสเงินสด ซึ่งสำคัญมาก เพราะสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์จุดบกพร่องและนำมาปรับลดให้เป็นไปตามเป้าหมาย” สุวรัตนากล่าว และเสริมด้วยว่า
นอกจากนี้ค่าการตลาดที่ลดลง บริษัทยังสามารถนำไปจัดทำ CSR เพื่อใช้ในการช่วยเหลือสังคมและดำเนินการกิจกรรมต่างๆ ให้พนักงานมีส่วนร่วม เป็นการสร้างความสามัคคีและมีความรักในองค์กร รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยเพิ่มหลักสูตรการอบรมต่างๆ อีกด้วย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *