“โรลเวย์” บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นลงทุนในไทย พุ่งเป้าพัฒนาระบบการผลิตสู่มาตรฐานสากล ชูกิจกรรม CF โดย กสอ.พาเข้าสู่ ISO 9001 : 2008 แจงยกระดับด้านบริหาร ดึงศักยภาพพนักงาน และลดความผิดพลาดในการทำงาน เชียร์ SMEs เข้าร่วม
พิมลพรรณ ทาเคดะ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส บริษัท เวิร์ลโคเกียว (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายประตูผ้าใบม้วน เปิด-ปิด อัตโนมัติ ความเร็วสูง ภายใต้เครื่องหมายการค้า “โรลเวย์” เปิดเผยว่า บริษัท เวิร์ล โคเกียว (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2551 เพื่อรองรับตลาดในประเทศไทย และเพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าภายในประเทศ รวมถึงภูมิภาคอาเซียน โดยบริษัทแม่ตั้งอยู่ที่เมืองไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น ในการดำเนินธุรกิจนั้นได้มีการจัดตั้งโรงงานผลิตขึ้นในประเทศไทย ภายใต้เทคโนโลยีและมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้สินค้ามีคุณสมบัติเฉพาะของระบบการทำงานในรูปแบบของประตูผ้าใบม้วนเปิด-ปิดอัตโนมัติความเร็วสูงที่ม้วนจากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบน และสามารถผลิตได้ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่พิเศษตามความต้องการของลูกค้า อีกทั้งยังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งและซ่อมบำรุงกระจายครอบคลุมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทมีเป้าหมายที่จะยกระดับการผลิตให้ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพสากล ISO 9001 : 2008 เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า เพราะจะทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายสูงขึ้น ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงได้เข้าร่วมกิจกรรมบริการเงินสมทบจ้างที่ปรึกษาเพื่อปรับปรุงการผลิต การจัดการ การตลาด และการบริการ (Consultancy Fund : CF) ที่ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม โดยได้ยื่นขอรับบริการด้านการวางระบบบริหารงานคุณภาพสากล ISO 9001:2008
พิมลพรรณกล่าวต่อไปว่า จากการเข้าร่วมกิจกรรม CF ได้ส่งผลให้เรามีความพร้อมในการยื่นขอระบบบริหารงานคุณภาพสากล ISO 9001 : 2008 อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าการยกระดับการบริหารของบริษัททุกอย่างได้เกิดการพัฒนาเป็นไปตามระบบบริหารงานคุณภาพสากล ISO 9001 : 2008 และที่สำคัญพนักงานทุกคนในบริษัทฯ มีส่วนร่วมในการทำงาน ทำให้งานมีประสิทธิภาพ มีระบบแบบแผนมากขึ้น และมีขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน โดยอ้างอิงการปฏิบัติงานตามผังองค์กรที่วางไว้
นอกจากนั้น ความผิดพลาดในการทำงานลดลง การทำงานง่ายขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงและผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมากขึ้น และเมื่อเกิดกรณีมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น สามารถทวนสอบได้สะดวก รวดเร็ว ชัดเจน โดยการวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาและป้องกันการเกิดซ้ำได้ตรงจุด เนื่องจากมีการบันทึกผลการปฏิบัติงานที่ถูกต้องไว้อย่างชัดเจน สิ่งที่ได้จากกิจกรรม CF ได้ทำให้ระบบงานของบริษัทมีการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
พิมลพรรณกล่าวด้วยว่า กิจกรรม CF ช่วยให้องค์กรได้รับความรู้ใหม่ๆ ทำให้เกิดการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้มีโอกาสในการยกระดับและปรับปรุงประสิทธิภาพองค์กรของตนเอง อีกทั้งยังสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการจัดจ้างที่ปรึกษาได้ จึงอยากขอเชิญชวนผู้ประกอบการ SMEs ทุกท่านให้เข้ามาขอรับบริการในกิจกรรม CF เพื่อเพิ่มจุดแข็งให้ธุรกิจ อันจะส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันในสภาวะเศรษฐกิจ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
