xs
xsm
sm
md
lg

ปลูก “แก่นตะวัน” ทำ “ชา” จับเทรนด์สุขภาพ ฟันเงินแสน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ชาแก่นตะวัน แบรนด์ “แคนนูลิน”
“แก่นตะวัน” เป็นพืชหัวใต้ดินคล้ายมันฝรั่ง ที่อยู่ในตระกูลเดียวกับทานตะวัน ในประเทศไทยมีการปลูกมากว่า 20 ปีแล้ว โดยผลงานวิจัยหลากหลายแห่งทั้งใน และต่างประเทศล้วนรับรองและยืนยันว่าพืชชนิดนี้ มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายนานัปการ

ในแง่ความนิยมรับประทานนั้น ในช่วง 1-2 ปีหลังที่ผ่านมาในหมู่ผู้รักสุขภาพให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนด้านการผลิต มีกลุ่มวิสาหกิจระดับชุมชนหลายรายหันมาปลูกแก่นตะวันเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือ “โกวิท ปัญญาวงศ์” หนุ่มวัย 33 ปี อดีตมนุษย์เงินเดือนที่กลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิด จ.ชัยภูมิ บุกเบิกอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ปลูก “แก่นตะวัน” สำหรับนำผลผลิตไปแปรรูปเป็น “ชา” พร้อมดื่ม ภายใต้แบรนด์ “แคนนูลิน” (KANNULIN)

เขาเล่าว่า ทางบ้านประกอบอาชีพทำเกษตรกรรมปลูกมันสำปะหลัง อยู่ที่ ต.วังทอง อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ จนเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วคุณพ่อประสบปัญหาสุขภาพเป็นโรคเบาหวานและเกาต์ จึงกลับมาอยู่บ้านเกิดเพื่อมีเวลาดูแลคุณพ่ออย่างใกล้ชิด พร้อมช่วยดูแลการทำเกษตรให้ที่บ้านด้วย

“ก่อนหน้านี้การรักษาของพ่อใช้ยาแพทย์ปัจจุบันมายาวนาน ทำให้ไตทำงานหนัก รวมถึงกระเพาะเป็นแผล เลยเปลี่ยนมารักษาด้วยสมุนไพรต่างๆ อาการก็ไม่ดีขึ้น จนผมได้พบข้อมูลจากงานวิจัยของมหาวิทยาขอนแก่นถึง “แก่นตะวัน” ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นช่วยลดเบาหวาน ผมเลยศึกษาข้อมูล แล้วลองนำมาให้พ่อกิน ปรากฏว่าอาการดีขึ้นชัดเจน” เขากล่าว

ด้วยเหตุว่า แก่นตะวันเป็นพืชที่มีสรรพคุณดีหลายด้าน มีงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศรองรับ เหมาะกับเทรนด์รักสุขภาพของคนรุ่นใหม่ รวมถึงเห็นโอกาสของตลาดที่ปัจจุบันพืชชนิดนี้การแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่รับประทานง่ายยังน้อยมาก และส่วนใหญ่ขายเป็น “หัวสด” และมีทำเฉพาะกลุ่มชาวบ้าน ซึ่งการผลิตยังไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร ทำให้ได้ไอเดียจะนำแก่นตะวันมาแปรรูปเป็นน้ำชาพร้อมดื่ม

โกวิทเล่าว่า เบื้องต้นได้ปรับสภาพพื้นที่ดินให้เหมาะสม จากนั้นหาซื้อต้นกล้าแก่นตะวันมาลงแปลง โดยมีพื้นที่ปลูกประมาณ 200 ตารางวา ซึ่งการปลูกแก่นตะวันแต่ละรอบจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน วิธีการแปรรูป หลังจากขุดนำผลหัวแก่นตะวันขึ้นมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเริ่มตั้งแต่ล้างทำความสะอาด นำเข้าตู้แช่ประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งขั้นตอนนี้จะทำให้หัวแก่นตะวันเกิดรสหวานขึ้นเองตามธรรมชาติ ตามด้วยนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วตากแดดให้แห้ง จากนั้นนำไปอบไล่ความชื้น ก่อนจะบดเป็นผงเพื่อบรรจุซองไว้สำหรับดื่ม

ในความเป็นจริงแล้ว หนุ่มคนนี้เรียนจบมาด้านเศรษฐศาสตร์ ทว่า ความรู้ต่างๆ ทั้งการปลูกและแปรรูปแก่นตะวันนั้น เขาเผยว่าค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต ควบคู่กับศึกษาจากงานวิจัยของสถาบันการศึกษาต่างๆ ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก โดยการควบคุมคุณภาพนั้น ในส่วนของปลูก ดูแลไร่ด้วยตัวเอง ส่วนกระบวนการแปรรูปนั้นใช้วิธีนำวัตถุดิบหัวแก่นตะวันที่ปลูกได้ไปว่าจ้างโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้มาตรฐานสากล ทั้ง GMP และ HACCP เป็นผู้ผลิตให้ ดังนั้น ชาแก่นตะวันที่ผลิตขึ้นจึงมีมาตรฐานระดับส่งออก

เขาเผยด้วยว่า ใช้เงินลงทุนในอาชีพนี้ประมาณ 1 แสนบาท ส่วนใหญ่เป็นค่าบำรุงรักษาในการเพาะปลูกแก่นตะวัน ใช้เวลาเตรียมพร้อม ตั้งแต่ลงมือปลูกก่อนเริ่มแปรรูปสู่ตลาดจริงประมาณ 1 ปี โดยปัจจุบันสามารถปลูกได้ผลผลิตประมาณ 30 ตันต่อปี ส่วนการแปรรูป นำไปทำ 2 ลักษณะ ได้แก่ ทำเป็นชาซองพร้อมดื่ม ขายเป็นกล่อง หนึ่งกล่องบรรจุ 30 ซอง ราคา 350 บาท และแบบเป็นแคปซูป ขวดละ 450 บาท

ในด้านการทำตลาดนั้น เบื้องต้นอาศัยขายผ่านทางออนไลน์ ควบคู่กับออกงานแสดงสินค้าต่างๆ เช่น งานโอทอป และงานแสดงผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารต่างๆ โดยเริ่มวางตลาดเมื่อประมาณต้นปี 2558 ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งผลตอบรับนั้น เจ้าของแบรนด์ “แคนนูลิน” เล่าให้ฟังว่า เติบโตเฉลี่ยประมาณ 30% ต่อเนื่องทุกเดือน จากเดือนแรกขายได้หลักหมื่นบาท กระทั่งเดือนกรกฎาคม 2558 นี้ยอดขายกว่า 3 แสนบาทแล้ว

“สิ่งสำคัญที่ทำให้ยอดขายดีขึ้นโดยลำดับ มาจากเทรนด์รักสุขภาพของคนรุ่นใหม่ และคนทั่วไปเริ่มรู้จักคุณสมบัติของ “แก่นตะวัน” มากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับรสของชาแก่นตะวันจะมีรสหวานอ่อนๆ และไม่เผ็ดอย่างน้ำขิง ทำให้ดื่มได้ง่ายกว่าด้วย” โกวิท ระบุ

ในด้านการแข่งขันนั้น เขาเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ผลิตชาแก่นตะวันอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดเป็นกลุ่มผู้ผลิตระดับชุมชน ซึ่งการผลิตยังอาศัยภูมิปัญญาชาวบ้าน ไม่เข้ามาตรฐานสากล ขณะที่แบรนด์ “แคนนูลิน” ผลิตภายใต้โรงงานที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสูงสุด ดังนั้น การแข่งขันจึงไม่สูง เพราะกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคนละตลาดกัน

อย่างไรก็ตาม แผนการตลาดในอนาคตอีก 3-4 เดือนข้างหน้านี้เตรียมลงทุนเพิ่มประมาณ 3 ล้านบาท โดยกำลังทำเรื่องขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยอาศัยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ช่วยค้ำประกัน เพื่อเป็นทุนขยายการเพาะปลูกแก่นตะวันเพื่อจะนำผลผลิตมาทำเป็นสินค้าใหม่ คือ ขนมขบเคี้ยว หรือ “สแน็ก” จากแก่นตะวัน คล้ายกับมันฝรั่งทอดกรอบ แต่เปลี่ยนวัตถุดิบเป็นแก่นตะวันแทน ซึ่งจะตอบความต้องการของตลาดรักสุขภาพ และยังขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างยิ่งขึ้นด้วย

แนวคิดดังกล่าวของหนุ่มวัย 33 ปี คงจะส่งให้ “แก่นตะวัน” ขยายความนิยมเพิ่มขึ้นแน่นอน

รู้จักแก่นตะวัน
"แก่นตะวัน" เรียกได้หลายชื่อ ทั้ง "ทานตะวันหัว" และ "แห้วบัวทอง" มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Jerusalem artichoke บ้างก็เรียกว่า sunchoke ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์คือ Helianthus tuberosus L. เป็นพืชดอกในตระกูลทานตะวัน ซึ่งมีต้นกำเนิดในตอนใต้ของประเทศแคนาดา และตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีอากาศค่อนข้างหวานเย็น โดยแก่นตะวันมีความทนทานต่อสภาพภูมิอากาศ สามารถปลูกได้ดีในเขตร้อน และเขตกึ่งหนาวอย่างทวีปยุโรป ทำให้ต้นแก่นตะวันเป็นที่รู้จักในหลายๆ ภูมิภาค

ในหัวแก่นตะวันมีสารสำคัญ คือ "อินนูลิน" (Inulin) ซึ่งมีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่
-ลดน้ำตาลในเลือด (เบาหวาน)
-ลดความเสี่ยงความดันโลหิตสูง
-ลดความอ้วน
-ลดไขมัน คอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
-ช่วยระบบขับถ่าย
เป็นต้น
ข้อมูลจาก http://www.kannulin.com/


อ่านข้อมูลประกอบ อาหารเป็นยา : แก่นตะวัน ต้านโรคอ้วน

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


โกวิท ปัญญาวงศ์



บรรจุเป็นซอง แช่น้ำร้อนพร้อมดื่ม
หัวแก่นตะวัน
แช่น้ำร้อนประมาณ 3 นาที


กำลังโหลดความคิดเห็น