ไก่แจ้ สัตว์เลี้ยงที่อยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน จากเดิมในอดีตกาลคนมักจะติดภาพของไก่แจ้ ว่า เป็นไก่วัด แต่ความสวยงาม สีสันและรูปร่างลำตัวกะทัดรัด กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีการจัดประกวดประชันความสวยงาม และการันตีกันด้วยรางวัลระดับประเทศกันเลยทีเดียว
และจากที่มีการจัดประกวดไก่แจ้ กันบ่อยครั้ง ทำให้นักล่ารางวัล เจ้าของไก่แจ้จากฟาร์มต่างๆ หันมาพัฒนาสายพันธุ์ จนทำให้ปัจจุบันไก่แจ้ มีความหลากหลายของสายพันธุ์ และมีความสวยงามมากขึ้น จนเหล่าบรรดาคนรักชื่นชอบการเลี้ยงสัตว์อดไม่ได้ที่จะซื้อไก่แจ้มาเลี้ยงไว้ดูแล่น
ด้วยเหตุนี้เอง จึงเกิดฟาร์มไก่แจ้ในเมืองไทยเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้น เป็นฟาร์มเลี้ยงเล็กๆ ฉายาในวงการประกวด รู้จักกันดีในชื่อของฟาร์มไก่แจ้ “ป้อม วัดไร่ขิง” ของ “ปัญญา ตาพล” หรือคุณป้อมได้ใช้พื้นที่ บนอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เปิดเป็นที่เลี้ยงและเพาะพันธุ์ไก่แจ้ จำนวนกว่า 50 ตัว
ปัญญา เล่าว่า ชื่นชอบไก่แจ้ เพราะเห็นมาตั้งแต่เด็ก เพราะตนเองมาจากครอบครัวที่มีบ้านอยู่ในชนบท ซึ่งเกือบทุกบ้านเลี้ยงไก่แจ้ไว้ภายในบ้าน แต่ที่ตัดสินใจมาเลี้ยงจริงจัง และเป็นอาชีพ เมื่อประมาณ 8-9 ปี แต่เดิมก่อนหน้าจะมาเลี้ยงไก่แจ้ ก็เลี้ยงไก่ชนมาก่อน เมื่อ 20 ปีที่ผ่าน ส่วนไก่แจ้มาเลี้ยงที่หลัง เพราะชื่นชอบในสีสัน สวยงามและอยากทดลองเพาะไก่ของตัวเองส่งเข้าประกวดสักครั้ง เลยตัดสินใจ ซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์มา 1-2 คู่ และทดลอง เพาะและพัฒนาสายพันธุ์ แบบลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง โดยศึกษาจากผู้ที่รู้เรื่องราวไก่แจ้ ขอคำแนะนำจนสามารถพัฒนาสายพันธุ์ ไก่แจ้ “สีลายดอกหมาก” ออกมาตรงตามสเปคที่สามารถส่งเข้าประกวดได้ จึงได้ตัดสินใจส่งเข้าประกวด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็พัฒนาสายพันธุ์ไปเรื่อยๆ ทั้งจำหน่าย และส่งเข้าประกวดบ้าง
สำหรับไก่แจ้ที่นิยมเลี้ยง มี 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ไทย และพันธุ์สากล ส่วนสีสันนั้นมีการพัฒนาสายพันธุ์ ในกลุ่มนักประกวด และ การตลาด จนทำให้ปัจจุบัน ไก่แจ้มีสีสันให้เลือกมากถึงกว่า 26 สี แต่สีที่สร้างชื่อให้แก่“ป้อม วัดไร่ขิง” ก็ต้องยกให้ไก่แจ้ สายพันธุ์สีดอกหมาก ลักษณะลำตัวเป็นสีดำ หงอน เหนียง ติ่งหู สีแดงสด สีขนหัว เป็นสร้อยคอ ขนระย้าสีดำ ขลิบด้วยสีขาวปนสีเงิน ขนหน้าอกเป็นสีดำขอบสีเงิน เป็นลายข้าวหลามตัด ส่วนรูปร่างของไก่แจ้ที่สวยงาม จะต้องขาสั้น รูปร่างสันทัด อกใหญ่ หลังสั้น กระเบนหางใหญ่ และหางบาน ระย้าดกและยาว หางตั้งตรง หัวโต จักรหงอนลึก
ปัญญา บอกกับทีมงาน "SMEsผู้จัดการ" ว่า ฟาร์มของเขาจะพัฒนาสายพันธุ์เอง ดังนั้น ไก่แจ้ที่เกิดขึ้น จะคัดเลือกไก่แจ้ที่สวยงามไว้จำหน่ายเอง ส่วนไก่ที่ไม่ตรงตามมาตรฐาน ก็จะคัดและส่งจำหน่ายให้พ่อค้าคนกลางรับไปจำหน่ายในราคาถูกๆ ซึ่งอยู่ที่ตัวละไม่เกิน 200 บาท พ่อค้าที่ซื้อไปส่วนหนึ่งขายให้คนที่นำไปทำอาหาร หรือ คนที่ต้องการไก่แจ้ ที่ราคาไม่สูงไปเลี้ยง แหล่งจำหน่ายไก่ราคาถูกเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร
โดยไก่ที่ได้จากการเพาะ ทางคุณป้อม บอกว่า เขาจะได้ไก่แจ้คุณภาพดี ตรงสเปค เพียงครึ่งหนึ่ง หรือไม่ถึงครึ่ง ส่วนที่เหลือ ก็จะเป็นไก่ที่ไม่ได้ คุณภาพเกือบครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือ ครึ่งหนึ่งต้องมาคัดไก่ที่คุณภาพดี ระดับ A และไก่คุณภาพกลาง ทำให้ราคาจำหน่ายแตกต่างกันไปด้วย โดยราคาเริ่มต้นที่คู่ละ 1,000 บาท ไปจนถึง 2,000 บาท หรือ บางครั้งอาจจะมีราคาสูงไปจนหลักหลายพันบาท หรือ หลักหมื่นบาท ก็มี ถ้าไก่ได้รับรางวัลการประกวดในเวทีใหญ่ และเป็นสีที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มนักสะสม เพาะพันธุ์ยาก ราคาก็จะสูง
“ส่วนเวทีการประกวดไก่แจ้ในปัจจุบัน มีการจัดประกวดกันอยู่หลายเวที แต่ส่วนใหญ่ในวงการจะรู้จักกันหมด เมื่อมีการประกวด ก็จะชวนกันไป และถ้าในฟาร์มตัวเองมีไก่สวยๆก็จะจัดส่งไก่ของตัวเองเข้าประกวด ส่วนฟาร์มของผมที่ส่งเข้าประกวด ก็จะเป็น สีลายดอกหมาก เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ผมถนัด และผมเริ่มต้นเลี้ยงพัฒนาสายพันธุ์นี้มาตั้งแต่แรก ที่สำคัญสร้างชื่อให้กับผม ปัจจุบันคนที่นึกถึง “ป้อม วัดไร่ขิง” ก็ต้องนึกถึง ไก่แจ้สายพันธุ์สีลายดอกหมาก”
นอกจากไก่แจ้ สายพันธุ์ สีลายดอกหมาก ทางฟาร์ม คุณป้อม ก็ยังมีไก่แจ้ สายพันธุ์ อื่นๆ เช่น ไก่แจ้สีกระดำ หรือ ลายข้าวตอก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่สร้างชื่อให้กับป้อม วัดไร่ขิง ผลิตออกมาเท่าไรก็ขายได้เกือบหมด บางครั้งต้องสั่งจองกันทีเดียว และทางฟาร์มก็ยังมีไก่แจ้สายพันธุ์ไทยสีดำ จุดเด่นคือ ดำทั้งตัวทุกส่วน กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด หรือ ไก่แจ้พันธุ์ทั่วไป ซึ่งนิยมเลี้ยง เช่น ไก่แจ้ สีขาวทางฟาร์มก็มีเช่นกัน แต่เป็นไก่แจ้สีขาว หงอนดำ แต่ที่เลี้ยงทั่วไปจะเป็นไก่แจ้สีขาวหงอนแดง หรือ ถ้าคนที่ชื่นชอบสีเยอะ ก็จะมีไก่แจ้สีเบญจรงค์ เป็นต้น ปัจจุบัน คุณป้อมจะมีไก่แจ้ที่เลี้ยงไว้จำนวน 50-60 ตัว มี 5-6 สายพันธุ์
ทั้งนี้ คุณป้อมเอง ไม่ได้เลี้ยงไก่เป็นอาชีพหลัก เพียงอย่างเดียว เพราะยังมีร้านอาหารตามสั่ง ซึ่งเป็นรายได้หลัก ส่วนการเลี้ยงไก่ นั้นเป็นความชอบส่วนตัว แต่ก็สร้างรายได้ให้ไม่น้อย เพราะในแต่ละเดือนจะมีรายได้จากการขายไก่เดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท หรือ ไ่ก่ประมาณ 10 คู่ ซึ่งในส่วนของการลงทุน ป้อม แก่ชี้แจงว่า ไม่ได้ลงทุนอะไรกับตรงนี้มากนัก ส่วนของกรงก็จะทำขึ้นมาเอง ตู้ฟักไข่ มาจากโอ่งดินเผา นำมาดัดแปลงและติดไฟให้ความอบอุ่น ทุกอย่างเน้นต้นทุนต่ำ เพื่อให้เหลือกำไรมากที่สุด
ส่วนใหญ่ลูกค้าจะสั่ง ว่าต้องการไก่แบบไหน และต้องรอ เพราะไก่ที่เรามีอาจจะไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ส่วนสายพันธุ์ที่ขายจำนวนมาก จะสีลายดอกหมาก เพราะได้สายพันธุ์ที่สีนิ่งแล้ว ส่วนลูกค้า มาจากการบอกต่อๆ กันในวงการ และจากการส่งไก่แจ้ เข้าประกวด และได้รับรางวัลบ่อย ๆ ส่วนช่องทางขาย ลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้ามาดูไก่ ที่ฟาร์ม ตึกแถว 3 ชั้น ข้างฟาร์มจระเข้ สวนสามพราน จังหวัดนครปฐม โทร.08-1583-5447
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *