xs
xsm
sm
md
lg

จัดไป “พริตตี้หนุ่มชุดไทย” มัดใจสาวแท้-สาวเทียม ไอเดีย “ตำถาดอาบทรัพย์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายเจริญศักดิ์ โพธิ์ศรีชัย เจ้าของร้าน (ขวา) ( ชุดลิเก)
ใครผ่านไปผ่านมาย่านตลาดนัดสวนจตุจักรคงจะสะดุดตากับร้านตำถาด ชื่อว่า “ตำถาดอาบทรัพย์” เพราะพนักงานของทางร้านในเครื่องแต่งกายชุดลิเก และชุดไทย ที่ถูกออกแบบมาเรียกความสนใจจากลูกค้า โดยเฉพาะสาวๆ ทั้งสาวแท้ สาวเทียม จนแวะเวียนกันเข้าไปแชะรูปกันอย่างไม่ขาดสาย เพราะไม่ใช่แค่ชุดที่เหล่าพนักงานสวมใส่เท่านั้น แต่หน้าตาของหนุ่มๆ ที่ถูกเรียกว่า พริตตี้ นั้นเข้าขั้นว่า หน้าตาดี เรียกแขกได้เลยทีเดียว

นายเจริญศักดิ์ โพธิ์ศรีชัย หรือ “คุณโทนี่” เจ้าของร้าน เล่าถึงที่มาของร้านส้มตำถาดอาบทรัพย์ของตนเองว่า เกิดมาจากความต้องการที่จะดึงดูดลูกค้าให้เข้ามากินส้มตำที่ร้าน ก็คิดอยู่หลายวิธี แต่อย่างหนึ่งที่มองเห็นคือ ตลาดนัดสวนจตุจักร เป็นแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เราก็เลยต้องการจะสื่อความเป็นไทย เพิ่มเติมเข้าไปมากกว่าส้มตำอาหารไทยที่ต่างชาติเองก็ชื่นชอบอยู่แล้ว ครั้งแรกมองไปที่ชุดไทยในแบบโปงลางสะออน และก็พัฒนามาเป็นชุดลิเก เพราะเครื่องทรงลิเกชัดเจนเรื่องความเป็นไทย และดึงดูดสายตาลูกค้าได้ดี

ถามว่าทำไมจะต้องเลือกเด็กหนุ่มหน้าตาดีมาเป็นพนักงานของร้าน “คุณโทนี่” บอกว่า ส้มตำเป็นอาหารที่ชื่นชอบของบรรดาสาว เรียกว่า 80% เป็นลูกค้าผู้หญิง จึงเลือกพริตตี้เป็นผู้ชายมาเป็นพนักงานของทางร้าน

“ค่าตัวก็ไม่ได้สูงอะไร ช่วงแรกเพียงแค่วันละ 2,000 บาทเท่านั้นเอง จ้างมาวันแรกจำนวน 14 คน ปรากฏว่า วันนั้นขายส้มตำได้ 80,000 บาท ไม่อยากเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ แต่พอหักค่าตัวพนักงาน และค่าใช้จ่ายอย่างอื่น เหลือเงินประมาณ 10,000 กว่าบาท ก็ย้อนกลับไปถามว่า คุ้มไหม ก็บอกว่ามันคุ้มอยู่กับการเปิดตัวอย่างอลังการ เพราะชื่อของร้านเราได้ไปปรากฏอยู่บนโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก และสิ่งที่ตามมาคือคนในโลกโซเชียลรู้จักเราเพิ่มมากขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว และสิ่งที่ตามมาอย่างไม่คาดคิดก็คือสื่อต่างๆ โดยเฉพาะรายการทีวี ที่เป็นรายการดังๆ ต่างก็มาขอถ่ายทำ และเชิญเราไปสัมภาษณ์ ทำให้ร้านส้มตำถาดอาบทรัพย์เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน “

คุณโทนี่เล่าว่า โดยส่วนตัวเป็นคนทำอะไรก็จะทำจริงจัง และต้องทำให้ประสบความสำเร็จ ตั้งเป้าไว้ว่าอย่างไรก็จะต้องเดินไปตามความฝันนั้นให้ได้ เพราะมาจากครอบครัวที่ยากจน เราจึงมีความฝันมากกว่าคนอื่นๆ ครอบครัวเป็นคนชนบท อยู่ในอำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด เข้ามากรุงเทพฯ ก็มายึดอาชีพขายของริมถนน รับนาฬิกามาปูผ้าขายเรือนละ 100 บาท และก็ค่อยขยับขยายมาเรื่อย รับนาฬิกา และกระจายให้คนอื่นๆ มาช่วยกันขาย ยังมีสินค้าอื่นๆ ขายของเล่น ขายทองชุบ ทองเค เรียกว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงขาขึ้น เรียกเงินในกระเป๋าลูกค้าได้ไม่ยาก จนร่ำรวย มีบ้าน มีรถหรูขับ มีเงินหลายล้านบาท

หลังจากนั้นชีวิตมาพลิกผัน มาเปิดร้านขายอุปกรณ์สูบบุหรี่ ซึ่งค่าเช่า บวกค่าน้ำค่าไฟเดือนละ 50,000 บาท บวกค่าพนักงาน ทำให้แต่ละเดีอนต้องมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 70,000 บาท ยิ่งทำก็ยิ่งเข้าเนื้อ จนเงินค่อยเริ่มหมดไป มองว่าถ้าทำต่อไปคงจะหมดตัวแน่จึงหันมาลองคิดทำส้มตำขาย เนื่องจากส้มตำเป็นอาหารที่เราถนัดอยู่แล้ว ประกอบกับเป็นอาหารที่กำไรดี เรื่องฝีมือคิดว่าสู้คนอื่นๆ ได้แน่นอน เลยตัดสินใจเปิดร้านส้มตำ แต่ถ้าเปิดธรรมดา ตอนนั้น ไม่มีพริตตี้ขายได้วันละ 5,000 บาท ถึง 6,000 บาท กำไรก็ไม่กี่พันบาท หักค่าเช่าแล้วก็ไม่เหลืออะไรเท่าไร ก็เลยเกิดไอเดียจ้างพริตตี้มาเป็นพนักงานและช่วยเรียกลูกค้า รายได้เพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัว แม้ค่าใช้จ่ายสูง แต่รายได้สูงด้วย หักค่าใช้จ่ายแล้วคุ้ม ก็เลยตัดสินใจจ้างพริตตี้แต่งชุดไทย และชุดลิเก มาเป็นพนักงาน

สำหรับร้านตำถาดของคุณโทนี่ เปิดให้บริการมาได้จนถึงขณะนี้ก็เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน เคยมีรายได้สูงสุดถึงวันละ 100,000 บาท ช่วงที่ได้ออกรายการทีวี แต่พอมาในระยะหลัง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจ และอากาศที่ร้อนในช่วงนี้ ทำให้ร้านตำถาดอาบทรัพย์มีรายได้ลดลง พนักงานที่จ้างมาขายเป็นพริตตี้ เหลือ 4 คนถึง 5 คนเท่านั้น ค่าจ้างเหลือวันละ 1,000 บาท ไม่รวมทิปที่ลูกค้าให้ ซึ่งนำมารวมแล้วแบ่งกันก็จะได้ค่าจ้างกันคนละประมาณ 1,500 บาท ซึ่งพนักงานพริตตี้ที่จ้างมาช่วยขายนั้นจะมีการสลับสับเปลี่ยนกันมาทุกอาทิตย์ เพื่อสร้างสีสัน และความแปลกให้แก่ลูกค้าแวะเวียนมาชิม

ส่วนเมนูของทางร้านจะเป็นเมนูตำถาดเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีเมนูเสริมบ้างก็เพียงไก่ทอด หมูย่าง ฯลฯ โดยเมนูตำถาด ประกอบด้วย ตำถาดทะเล ตำป่า ตำไทย ตำปลาร้า ฯลฯ ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 160 บาท 180 บาท ไปจนถึง 270 บาท ปัจจุบันทางร้านมีรายได้ต่อวันประมาณ 40,000 บาท ถึง 50,000 บาท

คุณโทนี่ทิ้งท้ายไว้ว่า อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของร้านอาหารก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของรสชาติ ซึ่งเราเองมั่นใจว่ารสชาติของเราต้องดีก่อน ส่วนพริตตี้ หรือจุดขายอื่นๆ เพียงสร้างความน่าสนใจให้ทางร้านในเบื้องต้น แต่การทื่ลูกค้าจะกลับมากินอีกครั้งก็คงต้องอยู่ที่รสชาติแล้ว แม้แต่ต่างชาติเองก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน คือเขามากินรสชาติมากกว่า

สนใจเรื่องราวของร้านตำถาดอาบทรัพย์ ก็เข้าไปแวะทักทายกันได้ที่ www.facebook.com/ ส้มตำถาดอาบทรัพย์


* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น