xs
xsm
sm
md
lg

“อาโก” ยกเครื่องกาแฟถุง ลูกครึ่งเข้มโบราณหอมสไตล์ชงเครื่อง (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แม้กาแฟโบราณใส่ถุงกระดาษในท้องตลาดจะมีอยู่จำนวนมากมายหลากหลายแบรนด์ ทว่า “เพ็ญพิมล ทองคำ” เห็นช่องว่างที่ทุกรายไม่ได้ใช้วัตถุดิบกาแฟแท้ 100% รวมถึงกระบวนการดูแลผู้ลงทุนแฟรนไชส์ยังขาดแบบแผนอย่างมืออาชีพ นำมาสู่แนวคิดที่อยากจะยกระดับกาแฟโบราณใส่ถุงกระดาษให้มีทั้งรสชาติและมาตรฐานสูงขึ้นใกล้เคียงกาแฟสด ภายใต้แบรนด์ “อาโก กาแฟโบราณ”


เพ็ญพิมล ทองคำ
เพ็ญพิมลเล่าว่า เคยทำงานประจำด้านการตลาดมากว่า 15 ปี ก่อนจะเปลี่ยนมาขายกาแฟสดอยู่ที่ตลาดนัดสวนจตุจักรอีก 5 ปีเต็ม กระทั่งเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วกระแสกาแฟโบราณใส่ถุงกระดาษได้รับความนิยมอย่างสูง ทำให้สนใจสำรวจตลาดกาแฟโบราณอย่างจริงจัง ควบคู่เข้าอบรมหลักสูตรธุรกิจแฟรนไชส์กับกระทรวงพาณิชย์

จากข้อมูลที่ศึกษาเห็นช่องว่างว่ากาแฟโบราณถุงกระดาษทุกรายที่อยู่ในท้องตลาดล้วนแต่ใช้วัตถุดิบที่มีส่วนผสมของกาแฟแท้แค่ 30% ที่เหลือผสมธัญพืชต่างๆ เช่น ถั่ว งา ข้าวโพด และเม็ดมะขาม เป็นต้น เพื่อให้ต้นทุนต่ำลง ทำให้รสชาติถูกตัดทอนลงไป จึงได้แนวคิดสร้างความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ โดยใช้กาแฟคั่วแท้ๆ 100% ควบคู่กับนำเทคนิคการชง “กาแฟสด” มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้เกิดเอกลักษณ์กาแฟรสเข้มข้นแบบโบราณ แต่มีกลิ่นหอมคล้ายกาแฟสดที่ชงด้วยเครื่อง

“ในตลาดกาแฟสด หากจะสร้างแบรนด์ขายแฟรนไชส์ คู่แข่งส่วนใหญ่ต่างเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ พัฒนาระบบไปไกลจนยากที่รายเล็กๆ อย่างเราจะตามทัน แต่สำหรับตลาดกาแฟโบราณ เห็นช่องว่างที่สามารถพัฒนาสินค้าให้เกิดความแตกต่างได้ ด้วยการสร้างมาตรฐานให้สูงขึ้น โดยใช้กาแฟคั่วแท้ๆ 100% พัฒนาสูตรขึ้นเอง คุณสมบัติพิเศษ แม้จะชงแบบถุงแต่สามารถสกัดความหอมออกมาได้เร็วและมากขึ้นคล้ายชงด้วยเครื่อง วัตถุดิบมาจากภาคใต้ พร้อมนำเทคนิคชงกาแฟสดมาใช้ เช่น ฟองนมใส่ลงไป ทำให้ได้กาแฟลูกครึ่ง รสเข้มแบบโบราณ และมีกลิ่นหอมอย่างกาแฟสด” เพ็ญพิมลเสริม

เธอระบุว่า ใช้เวลาพัฒนาสูตรนานกว่าครึ่งปี ภายใต้เงินทุนเบื้องต้นประมาณ 3 แสนบาท ใช้แบรนด์ “อาโก กาแฟโบราณ” เปิดตัวปลายปี พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา เบื้องต้นทดสอบขายเองอยู่ที่ย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี จนมียอดขายที่น่าพึงพอใจเฉลี่ยมากกว่า 100 แก้วต่อวัน จึงเริ่มปล่อยขายอาชีพกึ่งแฟรนไชส์ให้แก่ผู้สนใจ แบ่งรูปแบบการลงทุน 3 รูปแบบ ได้แก่ 14,999 บาท 26,999 บาท และ 38,999 บาท แตกต่างกันไปตามอุปกรณ์และวัตถุดิบที่ได้รับ

ทั้งนี้ กำหนดราคาขายปลีกทุกเมนูไว้ที่แก้วละ 25 บาท ราคาดังกล่าว เฉพาะต้นทุนวัตถุดิบอยู่ที่ 10 บาทต่อแก้ว ดังนั้นผู้ขายจะมีกำไรที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าพนักงาน ค่าเช่าพื้นที่ อื่นๆ ประมาณแก้วละ 15 บาท ค่าเฉลี่ยที่ผู้ลงทุนอาชีพนี้จะประสบความสำเร็จควรจะขายได้อย่างต่ำวันละ 100 แก้ว อัตราดังกล่าวจะทำให้ระยะเวลาคืนเงินลงทุนใน 2 เดือน ขณะที่เงื่อนไขหลักในการทำธุรกิจร่วมกันคือ ต้องรับวัตถุดิบหลักจากส่วนกลางเท่านั้น ได้แก่ ผงกาแฟ 5 ชนิด และภาชนะแก้วกับถุงกระดาษ

เพ็ญพิมลเผยด้วยว่า หลังเปิดขายแฟรนไชส์ “อาโก กาแฟโบราณ” ประมาณครึ่งปี ปัจจุบันมีสาขาประมาณ 50 แห่ง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่วนอัตราการเปิดแล้วต้องปิดอยู่ที่ประมาณ 30% ซึ่งปัจจัยหลักมาจาก “ทำเล” ไม่เหมาะสม

“ปัญหาสำคัญของคนอยากประกอบอาชีพขายค้า ทุกวันนี้หาทำเลดีๆ ได้ยากมาก หลายรายซื้อไปเปิดในจุดที่ไม่เหมาะสม ทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า ดังนั้น ผู้สนใจมาร่วมแฟรนไชส์จะต้องมีทำเลมานำเสนอเพื่อพิจารณาร่วมกันถึงความเป็นไปได้ นอกจากนั้น ต้องเป็นคนที่มีใจรักงานบริการ และคนลงทุนควรจะเป็นผู้ขายด้วยตัวเอง ซึ่งจะทำให้ประกอบอาชีพด้วยความเอาใจใส่ โอกาสจะสำเร็จเป็นไปได้สูงกว่าจ้างคนงาน” เธอกล่าว
นำเทคนิคตีฟองนมมาใช้ด้วย
นอกเหนือจากเรื่องวัตถุดิบใช้กาแฟ 100% อีกสิ่งที่แบรนด์นี้ต้องการสร้างเอกลักษณ์แตกต่างจากกาแฟโบราณใส่ถุงกระดาษเจ้าอื่นๆ คือ วางระบบดูแลแฟรนไชส์อย่างมืออาชีพ เพื่อให้แบรนด์เกิดความยั่งยืน และเติบโตไปพร้อมๆ กันระหว่างเจ้าของกับผู้ลงทุน

“จากที่อบรมหลักสูตรแฟรนไชส์กับกระทรวงพาณิชย์ ทำให้เห็นว่าทุกยี่ห้อที่ขายอาชีพกาแฟโบราณใส่ถุงกระดาษไม่มีรายใดเลยที่มีระบบแฟรนไชส์ถูกต้องรอบคอบ เน้นแค่ขายอุปกรณ์กับวัตถุดิบ และต้องการขยายสาขาจำนวนมากๆ ดังนั้น สำหรับ “อาโก กาแฟโบราณ” ต้องการจะยกระดับแบรนด์ให้เป็นแฟรนไชส์จริงๆ โดยมีหน่วยงานภาครัฐเป็นพี่เลี้ยงพัฒนาระบบ” เพ็ญพิมลเผย และกล่าวต่อว่า
ส่งผงกาแฟบรรจุซองให้แฟรนไชส์
ขณะนี้พยายามสร้างมาตรฐานการดูแลแฟรนไชส์อย่างเป็นแบบแผน เช่น กำหนดระยะห่างแต่ละสาขาไม่ให้แย่งลูกค้ากันเอง จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในท้องที่ให้แต่ละสาขาจัดทำแผนการตลาดจากส่วนกลางเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เช่น ใช้สื่อโฆษณาต่างๆ โดยเฉพาะออนไลน์ และออกงานอีเวนต์ เป็นต้น

รถเข็นแบรนด์ “อาโก กาแฟโบราณ”
ตั้งเป้าว่าในปี 2559 เมื่อมีจำนวนถึง 100 สาขาแล้วจะยกระดับให้เป็นแฟรนไชส์อย่างสมบูรณ์ เช่น รีแบรนด์ พัฒนาจากรถเข็นเป็นคีออสก์รูปแบบใหม่ สร้างทีมงานสำรวจพื้นที่ ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฯลฯ ตลอดจนมีระบบแฟรนไชส์มาตรฐานสากล เช่น มีการเรียกเก็บค่ารอยัลตี ค่าส่วนแบ่งการตลาด เป็นต้น

“ทุกวันนี้เรายังมีภาพเป็นกาแฟโบราณถุงกระดาษอยู่แล้ว แต่เมื่อมีจำนวนสาขามากระดับหนึ่งแล้ว และแบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เราต้องการจะพัฒนาตัวเองก้าวข้ามจากการเป็นกาแฟโบราณใส่ถุงกระดาษไปสู่กาแฟโบราณระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นช่องว่างตลาดระหว่างตลาดกาแฟโบราณกับกาแฟสดที่ยังสามารถเข้าไปเติมเต็มได้” เพ็ญพิมลเผยวิสัยทัศน์
เมนูต่างๆ





ติดต่อ โทร. 08-6793-9099, 0-2583-2608 หรือ www.อาโกกาแฟโบราณ.com , FB: อาโก กาแฟโบราณ และLINE ID :penpimol99

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น