xs
xsm
sm
md
lg

7 เทคนิคการสร้างโอกาสให้ตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ ebiz โดยนายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย
ผมเริ่มสังเกตเห็นถึงพฤติกรรมบางอย่างของตัวเองว่า ทำไม “โอกาส” (Opportunity) มันมักเข้ามาหาผมเสมอ ? ผมเริ่มสังเกตว่า ผมเป็นคน “สร้างโอกาสให้กับตัวเอง” (Create Opportunity) งานหลายอย่าง หรือโอกาสหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับผม พอมานั่งนึกๆ ดูแล้ว มันเกิดจากการที่ “ผมสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง” ไม่ได้เกิดจากโชคดีหรืออย่างไร

เช่น การที่ผมได้ดีลกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Rakuten หากย้อนกลับไปปี 2007 เป็นปีที่ผมได้มีโอกาสได้รู้จักกับบริษัท E-Commerce ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น และหลังจากนั้นทุกอย่างก็ดูเงียบไป ผมจึง “สร้างโอกาส” ให้ตัวเอง ในการที่จะได้ร่วมงานกับเขา โดยการบินไปญี่ปุ่นไปหาเขา นำเสนอตัวเรา เปิดโอกาสตัวเรา

ในการไปครั้งนั้น ผมได้เจอกับทาง CEO ของเขา และแสดงความตั้งใจว่า เราอยากจะร่วมธุรกิจกับเขา ในปี 2009 เค้าก็กลับมาอีกครั้งและปิดดีลการร่วมมือนี้ลงได้ หากผมยังคงนั่งรอเค้ามาหา รอว่า เค้าจะติดต่อมา ผมคงไม่ได้โอกาสนี้ครับ

ตัวอย่างง่ายๆ ของนิสัยของการสร้างโอกาสของผม คือ “การรอแท็กซี่”

ผมเป็นคนนึงที่นั่งแท็กซี่บ่อยมาก (รวมถึงนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง) เวลาผมรอแท็กซี่ในจุดที่คนเยอะๆ หารถยากๆ ผมจะไม่ยืนรอตรงนั้น ผมจะเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงจุดที่มีทางแยก จุดที่เราจะมีโอกาสได้แท็กซี่มากกว่ายืนอยู่ตรงทางเดียว การเดินไปรอตรงทางแยก หรือตรงซอยเป็นการเพิ่มโอกาสได้รถเพิ่มมาอีก 1 ช่องทางให้กับตัวเราเอง และหลายๆ ครั้งที่ผมเดินไปไกลมาก แต่ผมก็ได้รับโอกาสนั้นมากขึ้นเช่นกัน

ผมมักไม่ชอบการ “อยู่นิ่งๆ อยู่เฉยๆ” (Stay Still) และรอให้โอกาสมันมาหาเรา เพราะมันจะเกิดขึ้นได้ช้า หรือต้อง “รออีกนานเท่าไรไม่รู้” ผมชอบที่จะ “ออกไปหา และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา” เพราะผมเชื่อมั่นเสมอว่า “โอกาสมีอยู่เสมอ หากเรารู้จักสร้างมันขึ้นมา” อย่ารีรออะไร คิด หาทาง สร้างโอกาสให้ตัวเองได้เยอะมากขึ้น

7 กฎและเทคนิคการสร้างโอกาสให้ตัวเราเองที่ผมใช้ประจำ

1.อย่ารอคอย (Do not Wait)

การรอคอยโดยไม่มีเป้าหมาย โอกาสมันคงจะไม่มาหาเราหรอก การหยุด คือ การถอยหลัง จงไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

2.อย่าหยุดคิด (Don’t Stop Thinking)

จงคิด คิด คิด คิด คิด และคิด หากคิดไม่ออกมองโอกาสไม่เห็น จงปรึกษาคนอื่นๆ รอบๆ ตัวคุณ มีคนอีกเป็นร้อยเป็นพัน รวมถึงในโลกออนไลน์มีคนอีกนับล้านๆ คน เพียงแค่คุณเปิดโอกาสไปสอบถาม พูดคุยกับคนรอบตัวคุณ โอกาสของคุณก็จะเปิดออก ผมเชื่อเสมอว่า “ทุกอย่างมีทางออกและมีคำตอบ” ดังนั้น คนส่วนใหญ่ที่คิดไม่ออก หรือคนที่ยอมแพ้ เพราะมักมองอะไรสั้นเกินไป และมองรู้จักใช้คนรอบตัวน้อยเกินไป

ช่วงเวลาที่ผมคิดได้ดี คิดได้สนุกที่สุด คือ ตอนขับรถคนเดียว และตอนอาบน้ำ หากคิดอะไรออกปุ๊ปจงรีบจดลงทันที ผมมักจะจดลงมือถือเป็นประจำ (ผ่านโปรแกรม Evernote)

3.หยุดคิดว่า “ทำไม่ได้” (We can do it)

เพราะหากว่าคุณคิดว่าทำไม่ได้ ทุกอย่างจะหยุดตรงนั้นทันที โอกาสจะหายไปทันที จงคิดว่า เราทำได้ ทำได้ ทำได้ และทำได้ อย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า เราทำไม่ได้ (อันนี้สำคัญมาก) เมื่อเราคิดว่า ทำได้ และเอาสิ่งที่เราคิดมามันก็จะเกิดโอกาสครับ

เทคนิคผม คือ เมื่อใดก็ตามที่ผมคิดว่า “ทำไม่ได้หรอก” ผมจะหยุดความคิดตัวเองตอนนั้นทันที แล้วเริ่มไปปรึกษาคนอื่นๆ แทน แล้วกลับไปข้อ 2

4.จงคิดต่าง (Think Different)

อย่าคิดหรือทำในสิ่งที่ชาวบ้านเขาทำ ปัญหาหลายๆ อย่างแก้ไขไม่ได้ เพราะเราคิดแบบเดิมๆ
ไม่มีแนวทางใหม่ๆ จงกล้าคิดแปลก แตกต่าง ผ่าเหล่า คิดแบบออกไปนอกโลก หรือบางครั้งอย่าเอาเหตุผลมาใช้มากเกินไป ความแตกต่างจะทำให้เราสร้างอะไรใหม่ รวมถึงโอกาสใหม่ๆ เช่นเดียวกัน

5.ลงมือทำ (Just Do it)

ทำ ทำ ทำ ทำ และ ทำ การลงมือทำจริงๆ จะทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรอีกมาก และยิ่งคุณได้ทำมาก เรียนรู้มาก ประสบการณ์ของคุณก็จะเพิ่มมากขึ้น แน่นอนโอกาสมันก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน

จะสังเกตได้ว่า คนที่ลงมือทำ และทำอะไรเยอะๆ จะมีโอกาสมากกว่าคนที่ไม่ค่อยทำอะไร หลายคนชอบคิดแต่ไม่ลงมือทำ เทคนิคการลงมือทำ คือ สร้างโน้ตขึ้นมาไว้ในหน้าจอคุณ ที่คุณเห็นมันตลอดเวลา พอนึกอะไรออก ก็จดมันลงไป พอเรามีเวลาว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ก็จงเปิดโน้ตเหล่านั้นดู และนำสิ่งต่างๆ ที่คิดไว้ นำมาทำ (ผมทำอย่างนี้เป็นประจำ)

6.ทำทันที ที่ทำได้ (Do it now)

หากผมมีโอกาสที่จะทำอะไร ผมจะลงมือทำทันทีไม่มารีรอ เพราะการรอ ทำให้โอกาสหลายๆ อย่างมันหายไป และหลายๆ ครั้งเรามักจะลืมว่า เราควรทำอันนั้น อันนี้ ผมพบว่า หากเรารีรอที่จะทำอะไร โอกาสที่เราจะได้สิ่งนั้นจะลดลงไปทันที 50% นั้นหมายถึงสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจะหายไปทันที ดังนั้น จงลงมือทำทันที ทุกครั้งที่คุณทำได้ อย่าไปรอมัน

7.มองโลกในแง่ดี (Be Positive)

ทุกอย่างที่คุณทำไป หรือมันเกิดขึ้น มันจะออกมาดีหรือไม่ดี มันมีข้อดีในตัวมัน “จงมองมันในด้านดี แล้วคุณจะมองเห็นโอกาสมากกว่าการมองในแง่ร้าย” สิ่งที่ผิดพลาด คือ ประสบการณ์ที่คุณได้เรียนรู้ และทำให้รู้ว่า เราไม่ผิดพลาดอีก ยิ่งผิดมาก ยิ่งเรียนรู้มาก “จงอย่ากลัวการผิดพลาด”

ตัวอย่างของผม คือ ผมขับรถหลงเป็นประจำ และทุกครั้งที่ผมหลง ผมก็จะมองในแง่ดีว่า ที่ผมหลงมาในเส้นทางนี้ ผมได้เห็นอะไรใหม่ๆ ได้รู้จักเส้นทางใหม่ๆ ทำให้วันหลังผมจะได้ไม่หลงมาทางนี้ ผมก็จะตื่นเต้นมากๆ กับการหลงทางของผม ดูนั้นดูนี่ เห็นอะไรใหม่ๆ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และแน่นอนโอกาสมันจะแอบอยู่แถวๆ นี้แหละ

เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว ทั้งหมดที่ผมกล่าวมา มันคือ “ปัจจัยความสำเร็จของตัวผมเลย (Keys Success Factor)”

ลองมาไล่ดูขั้นตอนว่า เราสร้างโอกาสดีๆ ให้กับตัวเราได้อย่างไร

คิดเยอะ > คิดแตกต่าง > ไม่รอคอย > ลงมือทำ > ไม่กลัวผิดพลาด > มองโลกในแง่ดี > โอกาสดีเข้ามามาก

ต้องบอกเลยว่า ทั้งหมด มันคือสิ่งที่ผมปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา มันอาจจะไม่ 100% หรือตลอดเวลา แต่มัน คือ แนวทางหลักของผมในการใช้ชีวิต ซึ่งบอกได้เลยว่ามันจะทำให้โอกาสมันเกิดขึ้นมาได้มากขึ้น

สิ่งที่สำคัญ คือ อย่าปล่อยให้เราอ่านบทความนี้ไปแล้ว รู้สึกว่ามันดีเฉยๆ จงเอาสิ่งที่คุณได้จากการอ่านครั้งนี้ ไปวางแนวทางปฏิบัติกับชีวิตของคุณเอง มันต้องไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคุณ มันต้องทำเป็นนิสัย แล้วมันถึงจะเกิดผล เพราะหากคุณไม่ทำแบบนั้น มันก็จะกลายเป็นบทความที่อ่านแล้วเท่ๆ ดีๆ อันหนึ่งที่ผ่านสายตาคุณไปเท่านั้น และบทความอันนี้ของผมก็จะไม่ก่อประโยชน์อะไรให้กับชีวิตของคุณได้เลยครับ

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็จงลงมือปฏิบัติได้เลยครับ หรือคิดว่าบทความนี้ดี จงแชร์และแบ่งปันไปให้เพื่อนคุณ เพราะมันอาจจะเป็นประโยชน์กับเค้านะครับ

@@@ บทความโดย นิตยสาร SMEs PLUS @@@

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น