Shabuku (ชาบู....กู) ร้านชาบูสัญชาติไทย ที่บริหารงานโดยทีมคนรุ่นใหม่อายุเพียง 19-27 ปี จุดขายอยู่ที่ราคาสมเหตุสมผล บวกกับคุณภาพ และจุดเด่นที่น้ำจิ้ม และน้ำซุปรสเด็ด ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ส่งให้ชาบูสัญชาติไทยรายนี้สามารถยืนหยัดแข่งขันกับร้านชาบูดังๆ และสามารถขยายสาขาแฟรนไชส์ได้ภายในระยะเวลาไม่นาน
หลายคนคงอยากรู้แล้วว่า ชาบู กู สัญชาติไทย ที่ว่าโดดเด่นนั้นอยู่ตรงไหน “ฉัตรทิพย์ แม้นหมาย” หุ้นส่วนผู้ก่อตั้ง “ชาบูกู สาขา แอมพาร์ค เล่าว่า ตั้งใจเปิดร้านชาบูที่แตกต่างจากที่มีอยู่ในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาที่ไม่แพง (บุฟเฟต์หัวละ 279 บาท) และวัตถุดิบที่คัดเลือกมาอย่างดีในแบบที่ไม่มีใครสามารถตั้งราคาแบบนี้ได้ และสูตรเด็ดอยู่ที่ “หมูกูเด้ง” เป็นหมูสับที่ทางร้านปรุงพิเศษและหมักตามสโลแกน “ถ้ากูไม่หมักแล้วใครจะหมัก”
ทั้งนี้ กล้าการันตีได้จากการที่ลูกค้าชาวญี่ปุน เจ้าของต้นตำรับชาบู ยังชื่นชม และแวะเวียนเข้ามากินกันบ่อยครั้ง ในส่วนของลูกค้าคนไทยเองจะได้กลุ่มในย่านนี้ ซึ่งเป็นนักเรียน นักศึกษา วัยรุ่น และถ้าเป็นวันหยุดได้กลุ่มครอบครัว ซึ่งลูกค้าคนไทยวัดได้จากยอดขายที่ลูกค้าประจำ และลูกค้าหน้าใหม่ แวะเวียนกันมาอย่างต่อเนื่อง
“ถ้าถามว่าอะไรคือความสำเร็จของชาบูกู คือ “ราคา” กับ “คุณภาพ” คือหัวใจสำคัญ เราใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพในราคาที่คนทุกกลุ่มจับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก นักเรียน นักศึกษา ลูกค้าทั่วไป ขอให้มาที่นี่ รับรองได้อร่อยแบบสบายกระเป๋าแน่นอน” ฉัตรทิพย์กล่าว
ฉัตรทิพย์บอกถึงการให้บริการของร้านชาบู กู ราคาของทางร้านจะมี 2 ราคา คือ เป็นบุฟเฟต์หัวละ 379 บาท ถูกกว่านี้ก็จะเป็นชุดเริ่มต้น บุฟเฟต์หัวละ 279 บาท ซึ่งตัว 279 บาทเป็นชุดบุฟเฟต์หมู แต่ 379 บาทจะมีทั้งหมู เนื้อ และอาหารทะเล ราคานี้จัดเต็ม 1 ชั่วโมงครึ่ง ไม่มีเซอร์วิสชาร์จ
สำหรับบุฟเฟต์ 279 บาท ไฮไลต์จะอยู่ที่ “หมูกูเด้ง” เป็นหมูสับที่ทางร้านปรุงพิเศษและหมักตามสโลแกน “ถ้ากูไม่หมักแล้วใครจะหมัก” เพราะพอหมักปั๊บ ปรุงปุ๊บ หมูที่ได้ก็มีความนุ่มลิ้น เคี้ยวแล้วเหมือนเด้งได้ และยังมีเมนูอาหารอื่นๆ ที่เป็นทางเลือกอีก 20 กว่าเมนู เช่น ไก่คาราเกะ เต้าหู้ปลา-ปูเกี๊ยวปลา ฯลฯ ... ส่วนราคา 379 บาท ก็จะพิเศษตรงที่จะเพิ่มอาหารทะเลขึ้นมา รวมถึงหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และยังมีเนื้อน่องสไลซ์ ซึ่งเป็นเนื้อน่องที่มีมันแทรกบางๆ แล้วก็มีเนื้อสันนอกให้จุ่มๆ จิ้มๆ ตามสไตล์ชาบู
นอกจากนี้ จุดเด่นของชาบูกู นอกจากวัตถุดิบ ก็มี “น้ำซุป” กับ “น้ำจิ้ม” ที่นี่จะมีน้ำซุปทั้งหมด 4 น้ำซุปให้ลูกค้าได้เลือก คือ ซุปชาบูกู ซุปสุกียากี้ (ซุปดำ) ซุปน้ำใส และซุปต้มยำ โดย ซุปชาบูกู ถือเป็น signature ของทางร้าน เป็นซุปน้ำข้น น่าจะเป็นรสชาติอร่อยถูกปากคนไทย เพราะลูกค้าจะสั่งเยอะสุด รองลงมาคือ ซุปต้มยำ ส่วนน้ำจิ้มที่นี่จะมีให้ลูกค้าเลือกทั้งน้ำจิ้มสุกี้ และน้ำจิ้มพอนสึ ซึ่งน้ำจิ้มสุกี้จะออกเปรี้ยวผสมหวาน ส่วนพอนสึจะออกหวานๆ ซึ่งทั้งน้ำจิ้มทั้งสองสูตรนี้เป็นสูตรเฉพาะของทางร้านที่เขาคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับตัววัตถุดิบ และน้ำซุป
สำหรับ คนที่สนใจแฟรนไชส์ ปัจจุบันได้มีการขยายสาขาแฟรนไชส์ไปแล้วจำนวน 3 สาขา ราคาแฟรนไชส์เริ่มต้นที่ 250,000 บาท สัญญา 5 ปี ได้อุปกรณ์การขาย และตกแต่งร้านให้ครบ สื่อประชาสัมพันธ์ และองค์ความรู้ในการบริหารจัดการ โดยจะจัดอบรมให้ตั้งแต่พนักงานในครัว พนักงานต้อนรับ และเจ้าของกิจการควรที่จะต้องเข้าร่วมอบรมด้วย และมีเวลาที่จะมาดูแลกิจการด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ ยังได้นำระบบ POS (Point of Sale) มาใช้ เพื่อให้การบริหารการทำงาน การตรวจสอบการซื้อง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การแก้ไขปัญหารวดเร็ว เพื่อจะได้มีการวางแผนการตลาด และทำโปรโมชันร่วมกัน ส่วนลูกค้าแฟรนไชส์จะต้องซื้อจากทางเจ้าของแฟรนไชส์ คือ น้ำจิ้ม และน้ำซุป ที่ปรุงสูตรเข้มข้น เพื่อที่ซื้อไปแล้วก็จะนำไปผสมเองตามสูตรที่เราสอนให้ไป
ส่วนที่มาของ ชาบู กู มาจาก 2 พี่น้อง “นายเนติพัฒน์ อำภา” และ “มนพัฒน์ อำภา” และหุ้นส่วนอีก รวม 6 คน เป็นธุรกิจที่ทั้งสองเลือกทำตั้งแต่อยู่ในวัยเรียน ส่วนที่มาของชื่อ ชาบู กู มาจากทุกคนเห็นพ้องว่า เป็นชื่อที่จดจำได้ และสื่อถึงกลุ่มลูกค้าที่เปิดสาขาแรกที่เมืองเอก ใกล้มหาวิทยาลัยรังสิต จะได้กลุ่มลูกค้านักศึกษา หรืออีก 2 สาขาเปิดใกล้มหาวิทยาลัยเช่นกัน
สนใจ โทร. 08 5553 9888 , Line id = shabuku หรือเฟซบุ๊ก www.facebook.com/shabukubuffet
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *