ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย ที่สามารถทำรายได้ให้กับประเทศในลำดับต้นๆ ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจหลายประการ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ภาคการท่องเที่ยวถือเป็นภาคเดียวที่ยังมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขยายตัวตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนและมาเลเซีย ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนธันวาคม 2557 มีจำนวน 2,841,333 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณการเริ่มต้นที่ดีของการท่องเที่ยวไทย
หน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างเร่งทำการตลาดประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยอย่างเข้มข้น ทั้งจัดกิจกรรมภายในประเทศ และทำการตลาดในประเทศที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญของไทย ภายใต้แคมเปญ “ปีท่องเที่ยววิถีไทย 2558 หรือ 2015 Discover Thainess” เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมไทย
นอกเหนือจากทำการตลาดในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก ยังได้ขยายไปยังจังหวัดท่องเที่ยวรอง ซึ่งจากการจัดทำแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยเชิงรุกนั้นคาดว่าจะช่วยจูงใจให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นหนึ่งในปลายทางท่องเที่ยวอันดับต้นๆ
อิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) แจ้งผลดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 1/2558 เท่ากับ 99 ซึ่งเป็นระดับปกติ ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 ปี 2557 สะท้อนให้เห็นสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศได้เข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนในไตรมาสที่ 2/2558 เท่ากับ 101 ซึ่งเป็นการคาดการณ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีผลจากสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวก็ตาม
ขณะเดียวกันท่ามกลางเทศกาลท่องเที่ยว และวันหยุดยาวหลายช่วง ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดในช่วงวันจักรี (4-6 เม.ย) เทศกาลสงกรานต์ (11-15 เม.ย) วันหยุดฉัตรมงคล (1-5 พ.ค) คาดว่าจะกระตุ้นเม็ดเงินให้สะพัดขึ้นในช่วงวันหยุดยาวนี้จากนักท่องเที่ยวไทย
ภาคธุรกิจท่องเที่ยวได้วางเป้าหมายรายได้ไว้ประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท โดยคาดหวังว่าจะเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวในประเทศ 800,000 ล้านบาท และจากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณกว่า 1.4 ล้านล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 27.96 ล้านคน ซึ่งจะเพิ่มขึ้นร้อยละ12.83 จากปี 2557
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย ญี่ปุน เกาหลี อินเดีย ก็มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ประมาณการว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจากจีน5.67 ล้านคน ซึ่งจะเพิ่มจากปีที่แล้วร้อยละ 23.14 และน่าจะเป็นปีแรกที่มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวในไทยเกิน 5 ล้านคน
แต่นักท่องเที่ยวจากยุโรป โดยเฉพาะจากรัสเซีย กลับมีจำนวนลดลงมากถึง 50% ทั้งที่นักท่องเที่ยวรัสเซียเคยเป็นดาวรุ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่หลังเศรษฐกิจของรัสเซียชะลอตัวและจากการที่ค่าเงินรูเบิลอ่อนลง ตั้งแต่ปลายปี 2557 ทำให้นักท่องเที่ยวจากฝั่งยุโรปลดลงอย่างชัดเจน ส่งผลให้รายได้จากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียหายไปประมาณ 16,500 ล้านบาททีเดียว
อัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยในปีนี้ไม่น้อย แม้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนจะเป็นตลาดที่ค่อนข้างอ่อนไหว ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก คือ ความเชื่อมั่นในสถานการณ์ความสงบ ความปลอดภัย และนโยบายของประเทศจีนในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ภาครัฐได้หามาตรการรับมือกับคลื่นนักท่องเที่ยวจีน เพื่อช่วยลดผลกระทบจากนักท่องเที่ยว กับความเป็นเจ้าบ้านที่ดี เพื่อรักษาความสัมพันธ์ของประเทศ ด้วยการให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวรวมถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวพึงปฏิบัติ ในรูปแบบแผ่นพับหรือซีดี บนพื้นฐานของความชัดเจนและความเป็นมิตร โดยให้ทุกฝ่ายยอมรับและเข้าใจข้อมูลและกฎเกณฑ์ต่างๆ
ประเด็นสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวไทยในระยะยาว อยู่ที่การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่ง สทท.ได้จัดทำโครงการสำคัญ 4 โครงการ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ได้แก่ 1.โครงการ Digital Economy for Tourism ที่จะร่วมกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (SIPA) เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว 2. โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามความสนใจเฉพาะ (Special Interest Tourism) โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ อาทิ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวชุมชน และการท่องเที่ยวกลุ่มประเทศมุสลิม (Halal Tourism)
3.โครงการกำหนดมาตรฐานและพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้แรงงานไทยมีโอกาสเข้าสู่ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งในไทยและอาเซียนให้มากที่สุด และสุดท้าย คือโครงการพัฒนาเครือข่ายสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ทั้งในระดับภูมิภาค ระดับชาติ และนานาชาติ เพื่อระดมความรู้ความเชี่ยวชาญจากผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยร่วมกันทั้งประเทศ
สทท. ได้เสนอมาตรการสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวไทยในปีนี้ โดยขอการสนับสนุนจากรัฐบาลผ่านที่ประชุม กรอ. ใน 3 เรื่องคือ 1. การพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว 2. การยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวในตลาดที่มีการเติบโตสูง โดยมุ่งเน้นกลุ่มคุณภาพ 3. การให้วีซ่าประเภทเข้าออกหลายครั้ง (Multiple Entry Visa) แก่นักท่องเที่ยวกลุ่มเดียว
ความมุ่งหมายของผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อเตรียมรับมือการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นนี้ สะท้อนได้จากการที่หลายประเทศหันมาให้ความสำคัญกับภาคการท่องเที่ยวมากขึ้น เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยดึงรายได้เข้าประเทศได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคู่แข่งสำคัญอย่าง “ญี่ปุ่น” ที่หันมาใช้การท่องเที่ยวเป็นแม่เหล็กดูดเงินจากต่างประเทศ ขณะกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ผ่านมาตรการผ่อนปรนวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งไทย ตั้งแต่กลางปี 2556ซึ่งเห็นผลตอบรับที่ชัดเจนมาก
การหาตลาดใหม่ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกระตุ้นอุตสาหกรมท่องเที่ยวไทย มาชดเชย เช่น มุ่งขยายฐานนักท่องเที่ยวจากตลาดใหม่ๆ ในภูมิภาคละตินอเมริกา ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตดีขึ้นเรื่อยๆ อย่าง เม็กซิโก โคลัมเบีย และชิลี ตะวันออกกลาง เสริมทัพการเพิ่มนักท่องเที่ยวจากเมืองรองในตลาดหลักอย่างบราซิล สหรัฐฯ และแคนาดา นอกจากนี้กระแสนิยมเอเชียในภูมิภาคอเมริกาก็กำลังมาแรง ทำให้นักท่องเที่ยวสนใจแหล่งท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้มหาศาล และเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างดี ท่ามกลางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวในเวทีโลกที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะบรรลุถึงเป้าหมายยอดรายได้ที่คาดการณ์ไว้หรือไม่คงต้องรอดู