เอปสัน สรุปภาพรวมตลาดปีที่ผ่านมาคาดว่าจะเติบโตราว 15% และจะเติบโตต่อเนื่องไปอีกใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมเตรียมความพร้อมเข้าสู่เออีซี ที่จะช่วยให้สามารถทำตลาดในระดับภูมิภาคได้ง่ายขึ้น
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วงปี 2557 ของเอปสัน ประเทศไทย ว่า มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าในภูมิภาคที่ดูแล 17% ทั้งประเทศไทย เวียดนาม พม่า และกัมพูชา ในขณะที่เฉพาะตลาดประเทศไทยเติบโตขึ้น 15%
เมื่อพิจารณาแยกเป็นสินค้าในกลุ่มโปรเจกเตอร์ อิงก์เจ็ตพรินเตอร์ และพรินเตอร์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม มีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ จากการขยายเข้าไปยังกลุ่มระดับกลางบน อย่างองค์กรธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา และเอเจนซีต่างๆ
“กลุ่มสินค้าที่เติบโตสูงที่สุดคือ โปรเจกเตอร์ที่เติบโต 28% เป็นผลมาจากการที่มีตลาดหลายเซกเมนต์ โดยเฉพาะกลุ่มภาคการศึกษา และเอเยนซีโฆษณา ออแกไนเซอร์ ที่เลือกผลิตภัณฑ์ของเอปสัน จากจุดเด่นของเทคโนโลยี 3LCD กับสินค้าที่ครอบคลุม 6 ซีรีส์ ทำให้สามารถตอบสนองได้ครบทุกเซกเมนต์โดยรวมแล้วสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งเพิ่มขึ้นเป็น 35%”
ส่วนในกลุ่มอิงก์เจ็ตพรินเตอร์ มีรายได้เพิ่ม 25% จากการขยายตัวของ L ซีรีส์ หรือเครื่องแท็งก์แท้ของเอปสัน ที่มีการเติบโตในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นเป็นเท่าตัวจากปี 2556 เนื่องจากกิจกรรมสื่อสารการตลาดที่ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เอปสันยังครองตำแหน่งผู้นำในตลาดอิงก์เจ็ตพรินเตอร์ในด้านมูลค่า ทั้งจากประเภทซิงเกิลฟังก์ชัน และมัลติฟังก์ชัน ด้วยส่วนแบ่ง 36%
“แนวโน้มของตลาดเครื่องพิมพ์ที่ใช้หมึกความจุสูง ในปัจจุบันมีสัดส่วนสูงกว่าหมึกแบบเดิมแล้ว เพราะผู้บริโภคมองถึงค่าใช้จ่ายต่อแผ่นเป็นภาระที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 61% ในตลาดอิงก์เจ็ต และเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน”
ขณะที่กลุ่มพรินเตอร์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม ทำรายได้เพิ่มขึ้น 20% ด้วยการทำกลยุทธ์เฉพาะทางมากขึ้น อย่างตลาดพิมพ์ผ้าระบบดิจิตอล ที่เข้าไปสร้างประสบการณ์ใช้งานกับผู้ประกอบกการ และนักออกแบบไทยในโครงการ F-Academy
นายยรรยง กล่าวถึงทิศทางธุรกิจในปี 2558 ว่า เอปสัน ประเทศไทย ตั้งเป้าเติบโตอยู่ที่ 15% โดยกำหนดยุทธศาสตร์สำคัญทางธุรกิจไว้ 3 ด้าน ได้แก่ สินค้าที่มีมูลค่า, การจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าแบบไร้พรมแดน และการเพิ่มความชื่นชอบให้แก่แบรนด์ของเอปสัน
“ในด้านแรก สินค้าของเอปสันจะต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์ ชูจุดแข็งทางด้านต้นทุน การใช้งานที่ไม่สูง ฟังก์ชันครบ รองรับงานทุกประเภท และความคงทนใช้งานได้คุ้มค่าเป็นเวลานาน ทำให้ลูกค้าองค์กรทุกประเภทตัดสินใจลงทุนกับเทคโนโลยีของเอปสันได้ไม่ยากเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy) ตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้าสู่ความทันสมัย เพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยในทุกด้าน”
ในปี 2558 สินค้าไฮไลต์ของเอปสันจะประกอบด้วย อิงก์เจ็ตพรินเตอร์ ที่เน้นขยายเข้าไปสู่ตลาดกลางถึงบนมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการพิมพ์งานทางธุรกิจที่ต้องการหมึกที่มีความคงทน และคุณสมบัติพิเศษด้านการพิมพ์เพื่อเพิ่มคุณภาพของงาน และยังต้องรองรับการพิมพ์งานในปริมาณมากด้วยความเร็วสูงทัดเทียมกับเครื่องถ่ายเอกสาร
ขณะที่พรินเตอร์ธุรกิจ จะเน้นรุ่นพกพา และสามารถทำงานผ่านการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายทั้งแลน และคลาวด์ รวมถึงเครื่องพิมพ์ฉลาก หรือลาเบลพรินเตอร์ความเร็วสูง ที่จะขยับเข้าสู่ตลาดองค์กรมากยิ่งขึ้น พร้อมไปกับการเริ่มทำตลาดเครื่องถ่ายเอกสารในประเทศไทย หลังจากที่เริ่มทำตลาดในญี่ปุ่นมาแล้วประมาณ 8 เดือน ทำยอดจำหน่ายไปกว่า 3 พันเครื่อง ทำให้เชื่อว่าการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยจะสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้
“เอปสันรู้ว่าตลาดเครื่องถ่ายเอกสารมีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่เชื่อว่าด้วยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ และรูปแบบการทำตลาดที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเช่าใช้ คิดตามจำนวนงานพิมพ์ และซื้อขาดจะทำให้ลูกค้าเลือกใช้งานเพราะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายต่อแผ่นได้หลายเท่า”
ส่วนของโปรเจกเตอร์ เอปสัน จะมีเครื่องไฮเอนด์ความสว่างสูงกว่า 10,000 ลูเมนส์ และอินเตอร์แอ็กทีฟโปรเจกเตอร์ออกสู่ตลาดมากขึ้น สำหรับพรินเตอร์เพื่อการพาณิชย์ และอุตสาหกรรมมีไฮไลต์ที่เครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลสำหรับผ้าแบบม้วน และยังมีแนวทางรุกตลาด CAD/CAM สำหรับงานออกแบบชิ้นส่วนแบบจำลอง และเครื่องจักร
สำหรับยุทธศาสตร์ด้านการจัดจำหน่าย และกระจายสินค้า เอปสัน ประเทศไทย ต้องการเชื่อมทุกตลาดภายใต้การดูแลของบริษัทฯ เข้าเป็นตลาดใหญ่ตลาดเดียว โดยใช้จุดแข็งของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้เพื่อกระจายสินค้าไปสู่ตลาดโดยรอบ
โดยการเปิด AEC จะเอื้อประโยชน์ด้านภาษีนำเข้าลดลง บวกกับการเปิดโครงการ “ระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” หรือ GMS Economic Corridors ที่เชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมระหว่างเมืองสำคัญในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง จะทำให้การกระจายสินค้าของเอปสันเป็นแบบไร้พรมแดน สินค้าจะไปถึงมือลูกค้าในแต่ละประเทศได้สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งยังมีราคาที่ถูกลง ตลาดและโอกาสในการ ขยายตัวของเอปสันในภูมิภาคนี้จึงยังเปิดกว้างอยู่อีกมาก
“ด้วยการขนส่ง ภาษี และวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน ช่วยให้ เอปสัน ประเทศไทย ทำตลาดได้สะดวกขึ้น ภายใต้การบริหารจากเมืองไทย ครอบคลุมอินโดจีนทั้งหมด จากเดิมที่มีทีมแยกไปดูแลในภูมิภาคอินโดจีน”
ยุทธศาสตร์สุดท้าย คือ การสร้างความชื่นชอบในแบรนด์เอปสันซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน และในปีงบประมาณ 2558 ที่จะเริ่มในเดือนเมษายนนี้ จะเป็นการก้าวสู่ปีที่ 25 ของการก่อตั้งเอปสัน ประเทศไทย บริษัทฯ จึงได้กำหนดกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์โดยมุ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนร่วมกับธุรกิจของเอปสันทุกฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนจำหน่าย ลูกค้า และสังคม
“ยุทธศาสตร์ทั้ง 3 ด้านที่กล่าวมาเป็นกลไกสำคัญที่จะสร้างธุรกิจของเอปสัน ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย แต่ทั้งภูมิภาคนี้ให้เติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตในปี 2558 ไว้ที่ 15% และต้องการจะรักษาระดับการเติบโตเช่นนี้ไปอีก 3 ปีข้างหน้า”
Company Related Link :
เอปสัน