สนช.จับมือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเปิดตัว “โครงการคูปองนวัตกรรมเพื่อยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถของ SMEs ไทย ไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ระยะที่ 2” เพื่อยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถของเอสเอ็มอีไทยไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ศาสตราจารย์ ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อนวัตกรรม และถือเป็นวาระแห่งชาติที่นำประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนไทย ดังนั้น คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) จึงได้มีมติมอบหมายให้สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดำเนินงานโครงการคูปองนวัตกรรมเพื่อยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถของเอสเอ็มอีไทยไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ภายใต้งบประมาณจำนวน 500 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพทั่วประเทศ”
สำหรับการดำเนินงานโครงการคูปองนวัตกรรมฯ ระยะที่ 2 เป็นความร่วมมือระหว่าง สนช. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ในการส่งเสริมและสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบอุตสาหกรรมของประเทศสู่การแข่งขันด้านนวัตกรรมในอนาคต อีกทั้งยังนำไปสู่การสร้างระบบการพัฒนาผู้ให้บริการงานนวัตกรรม เพื่อช่วยให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการพัฒนาโครงการนวัตกรรมให้สอดคล้องความต้องการของตลาดอย่างยั่งยืน สร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ด้าน ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ที่ผ่านมาเอสเอ็มอีไทยจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่พร้อมจะรับความเสี่ยงของการดำเนินโครงการนวัตกรรมด้วยตัวเอง เนื่องจากการขาดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาโครงการนวัตกรรมที่ดี และยังขาดตัวกลางในการเชื่อมโยงแหล่งความรู้กับภาคการผลิตที่ชัดเจน ดังนั้น โครงการคูปองนวัตกรรมฯ จึงถือเป็นแนวคิดใหม่ในการพัฒนาเพื่อก่อให้เกิดระบบพัฒนาโครงการนวัตกรรมสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย และจะเป็นการสร้างระบบผู้ให้บริการงานนวัตกรรม (innovation service provider หรือ ISP) ที่จะช่วยผลักดันและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยสามารถนำแนวคิดด้านนวัตกรรมไปปรับใช้ในธุรกิจของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม กลไกการสนับสนุนผ่านคูปองนวัตกรรมเป็นการร่วมรับความเสี่ยงและสร้างโอกาสให้แก่ภาคเอกชนสำหรับการลงทุนในธุรกิจนวัตกรรม โดยอาศัยการต่อยอดจากผลงานวิจัยและพัฒนาของภาครัฐ หรือการรังสรรค์แนวคิดนวัตกรรมจากภาคเอกชนเอง
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานโครงการคูปองนวัตกรรมระยะแรก ภายใต้งบประมาณ 120 ล้านบาท ที่ผ่านมามีโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจำนวน 277 โครงการ และจากผลการประเมินโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) พบว่า โครงการที่ได้รับการสนับสนุนสามารถก่อให้เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจได้ 4.95 เท่า ของงบประมาณที่ให้การสนับสนุน กล่าวคือ รัฐให้การสนับสนุนจำนวน 1 บาท สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 4.95 บาท นอกจากนี้ โครงการที่ได้รับการขยายผลจาก สนช.จนสามารถจัดจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้นั้น สนช.ได้ผลักดันให้ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเหล่านั้นเข้ามาลงทะเบียนในระบบบัญชีนวัตกรรมไทย เพื่อจัดจำหน่ายแก่ตลาดภาครัฐแล้วจำนวน 13 รายการ ได้แก่ PRO-R : อุปกรณ์กรองก๊าซ NGV/LPG สำหรับรถยนต์ โคโคบอร์ด : ผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร น้ำหวานดอกมะพร้าวอินทรีย์ และดินสอมินิ : หุ่นยนต์บริการดูแลผู้สูงวัย เป็นต้น
รองศาสตราจารย์ ดร.สมเจตน์ ทิณพงษ์ ประธานกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา สนช.ได้ให้การสนับสนุนและร่วมสร้างสรรค์โครงการนวัตกรรมแก่ผู้ประกอบการภาคเอกชนได้กว่า 1,115 โครงการ วงเงินสนับสนุนกว่า 941 ล้านบาท ซึ่งก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในธุรกิจใหม่ประมาณ 18,660 ล้านบาท สำหรับ “โครงการคูปองนวัตกรรมเพื่อยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถของ SMEs ไทยไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” ถือเป็นมาตรการสำคัญที่รัฐบาลกำหนดให้ สนช.ส่งเสริมนวัตกรรมให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี โดยตั้งเป้าในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เอสเอ็มอีไทยด้วยเทคโนโลยีไทยไม่น้อยกว่า 250 ธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม อันจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถแข่งขันในระดับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม
ขั้นตอนการขอรับการสนับสนุนผ่านคูปองนวัตกรรมฯ นั้น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะต้องเข้าไปลงทะเบียนที่ http://coupon.nia.or.th เพื่อยื่นขอรับการสนับสนุนเบื้องต้น เมื่อผ่านกระบวนการคัดเลือกแล้วจะได้รับรหัสโครงการเพื่อดาวน์โหลดแบบฟอร์มการเขียนโครงการฉบับเต็ม ทั้งนี้ โครงการที่เสนอจะต้องมีผู้ให้บริการงานนวัตกรรมประกอบในการขอรับการสนับสนุนด้วย ซึ่งรายละเอียดของ ISP สามารถดูได้ในเว็บไซต์ เมื่อโครงการฉบับสมบูรณ์ได้สมัครเข้าสู่ระบบผ่านทางเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว คณะกรรมการจะดำเนินการพิจารณาและแจ้งผลผู้ประกอบการด้วยอีเมล ซึ่งหากได้รับการอนุมัติทุนสนับสนุนก็สามารถมาทำสัญญากับ สนช.เพื่อดำเนินโครงการได้ทันที โดยโครงการดังกล่าวนี้สามารถเริ่มรับข้อเสนอโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2558 เป็นต้นไป
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *