รัฐบาลจับมือ 4 องค์กรจัดทำโครงการคูปองนวัตกรรมระยะที่ 2 เพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมภายใน 31 ต.ค. นี้
วันนี้ (14 ต.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการคูปองนวัตกรรม เพื่อยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถของเอสเอ็มอี ไทย ไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้ดำเนินการเข้าสู่ระยะที่ 2 แล้ว โดยระยะแรกได้เริ่มดำเนินการในปี 2553 - 2555 ที่ผ่านมา ได้รับเสียงการตอบรับเป็นอย่างดี สามารถพัฒนาแนวคิดและต้นแบบนวัตกรรมได้ถึง 277 โครงการ นับได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง รัฐบาลจึงได้ดำเนินโครงการต่อเนื่องในระยะที่ 2 (2555 - 2559) ภายใต้ความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
โดยรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 500 ล้านบาท ในรูปแบบคูปองนวัตกรรม ที่มีลักษณะเป็นเงินให้เปล่าแก่ เอสเอ็มอี สูงสุดโครงการละ 1,500,000 บาท มุ่งเน้นให้เกิดการใช้ประโยชน์ จากการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งเอสเอ็มอี ที่เข้าร่วม โครงการนอกจากจะได้รับการจัดสรรเงินทุนสนับสนุนแล้วยังจะได้รับองค์ความรู้และการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการพัฒนานวัตกรรมจนสำเร็จ โดยผู้ประกอบการ 1 ราย จะสามารถขอรับเงินสนับสนุนได้ไม่เกิน 2 โครงการ และแต่ละโครงการนั้นผู้ประกอบการจะต้องมีส่วนร่วมในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนานวัตกรรมคิดเป็นร้อยละ 25 ของมูลค่าทั้งหมดของโครงการ และดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ได้รับความสะดวกในการสมัครเข้าร่วมโครงการมากที่สุด จึงได้จัดให้มีช่องทางการลงทะเบียนผ่านทางออนไลน์นับตั้งแต่การลงทะเบียนและการยื่นข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับทุนสนับสนุน
ทั้งนี้ เอสเอ็มอี ที่สนใจเข้าร่วมโครงการจะต้องขึ้นทะเบียน เอสเอ็มอี ก่อนจึงจะสามารถยื่นข้อเสนอโครงการได้ ส่วนผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมโครงการระยะที่ 1 มาแล้วมีความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการในระยะที่ 2 ก็สามารถทำได้โดยต้องขึ้นทะเบียน และยื่นข้อเสนอโครงการใหม่เช่นเดียวกับผู้ประกอบการรายใหม่ เพื่อให้ สนช. จับคู่ที่ปรึกษาในการพัฒนาโครงการ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าข้อเสนอโครงการมีความเป็นไปได้ผู้ประกอบการจะต้องทำโครงการฉบับสมบูรณ์เพื่อขออนุมัติโครงการ และเมื่อโครงการได้รับการอนุมัติแล้วผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ก็จะได้รับเงินสนับสนุนในรูปแบบคูปองซึ่งจะสามารถเบิกค่าใช้จ่ายเป็นงวด ๆ ไปภายหลังจากที่ผู้ประกอบการได้มีการดำเนินการแล้วเสร็จตามกำหนดเวลา
“เอสเอ็มอี ถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และได้เน้นย้ำกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือสนับสนุนให้เอสเอ็มอี มีขีดความสามารถที่สูงขึ้น สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี เข้าร่วมโครงการ ลงทะเบียนและยื่นข้อเสนอโครงการภายในวันที่ 31 ต.ค. 2558 โดยผู้ประกอบการสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่ coupon.nia.or.th" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว