ส.แฟรนไชส์ไทย ชี้ความนิยมกาแฟโบราณถุงกระดาษ เกิดจากความลงตัวของการหยิบความคุ้นเคยของคนไทยมาใส่ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงลงทุนต่ำ แนะไม่หยุดพัฒนา ต่อยอดกระแสนิยมให้ยั่งยืน
นางสาวสมจิตร ลิขิตสถาพร นายกสมาคมแฟรนไชส์ไทย กล่าวว่า ธุรกิจกาแฟโบราณถุงกระดาษที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งกับทางฝั่งของแฟรนไชซอร์ และแฟรนไชซี รวมถึงผู้ประกอบการทั่วไปที่สนใจจะลงทุนทำการค้าในธุรกิจแฟรนไชส์ในอนาคตด้วย
“ธุรกิจหลายๆอย่างที่อยู่ในความคุ้นเคยของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟโบราณ ขนมครก กล้วยทอด ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย หรืออะไรก็แล้วแต่ ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกพัฒนาต่อยอดอะไร มันก็ขายของมันได้เรื่อยๆ อย่างไรก็มีคนซื้อกินอยู่แล้ว จะสังเกตเห็นได้ว่า สิ่งของอะไรก็แล้วแต่ที่เราใช้อยู่ประจำ เพียงแค่มีการครีเอทอะไรลงไปนิดหน่อย คนก็ตอบรับแล้ว แต่ที่ผ่านมามันไม่ค่อยถูกครีเอทมากนัก ไม่จำเป็นต้องเป็นกาแฟ อาจจะเป็นกล้วยทอดก็ได้ แค่เพียงออกแบบแพ็คเกจจิ้งให้มันแปลกไป หรือการแต่งร้านให้มันดูแตกต่าง ก็จะต้องได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกับกาแฟ คือ มันมีกลุ่มผู้บริโภคอยู่แล้ว พอมันถูกคลิกขึ้นมานิดหนึ่ง ก็เลยรับการตอบรับอย่างดี" นายกฯ ส.แฟรนไชส์ กล่าว และเสริมต่อว่า
เมื่อทำไปแล้ว ผู้บริโภคเกิดความพึงพอใจ ส่งให้รายอื่นๆ เอาไปทำบ้าง เกิดการเลียนแบบกันได้ง่าย โดยในแง่ของภาพรวม เป็นผลดีนะ เพราะแสดงให้เห็นว่าคนไทยรู้จักครีเอท รู้จักคิดและปรับปรุงกิจการของตนเองให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ถ้าจะมองให้ลึกลงไปจริงๆแล้ว มันจะต้องมีการครีเอทแบบไม่หยุดนิ่ง คือ ในตอนนี้เรื่องถุงก็สร้างความแปลกและช่วยกระตุ้นเรื่องยอดขายได้จริง แต่ถ้าทุกเจ้าหันมาทำถุงกระดาษเหมือนกันไปหมด มันก็ต้องมีระยะเวลาของมัน
นางสาวสมจิตร กล่าวด้วยว่า เมื่อกระแสไปถึงจุดสูงสุดแล้ว ก็จะต้องเริ่มลดระดับ และลงมาเรื่อยๆ พอมันลงมาเรื่อยๆ จำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา จะหยุดนิ่งไม่ได้ เพื่อรักษาระดับยอดขายของธุรกิจเอาไว้ให้ได้ตลอด
ส่วนสาเหตุที่แฟรนไชส์ถุงกระดาษ แจ้งเกิดและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เป็นเพราะใช้เงินในการลงทุนไม่มาก และน้ำชงก็ยังเป็นวัฒนธรรมการกินที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน
“ปัจจัยความสำเร็จอย่างแรก ก็คือ ธุรกิจนี้ลงทุนไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะใครๆก็อยากเป็นเจ้าของกิจการ อยากออกมาทำอะไรเอง ไม่อยากเป็นลูกน้องใคร อันนี้มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว พอมีอะไรที่เข้ามาตอบสนองความต้องการตรงนี้มันก็จุดติดง่าย เช่นเดียวกับการขายแฟรนไชส์กาแฟโบราณ คนก็เห็นว่าทำง่าย ลงทุนไม่เยอะ"
"คนที่จะซื้อเฟรนไชส์ ก็ต้องมองหาปัจจัยความสำเร็จของธุรกิจ มันคงไม่ใช่แค่เรื่องถุงกระดาษ มีปัจจัยอื่นหลายอย่าง เรื่องทำเล มีลูกค้าเดินผ่านเยอะไหม แข่งขันกันเรื่องรสชาติว่ามันอร่อยสู้เขาได้หรือเปล่า แถวนั้นมีคู่แข่งเปิดร้านอยู่แล้วไหม คนที่มาซื้อเฟรนไชส์ก็คงต้องวิเคราะห์ด้วย ไม่ใช่ว่าเห็นเขาทำสำเร็จก็อยากทำบ้าง จะไปพึ่งพาคนที่เป็นแฟรนไชซอร์อย่างเดียวไม่ได้ ส่วนทางฝั่งของแฟรนไชซอร์ หรือคนขายแฟรนไชส์เอง เราก็ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ในการขยายแฟรนไชส์ของแต่ละคนอยู่ตรงไหน แต่การที่จะประสบความสำเร็จได้มันก็ขึ้นอยู่กับระบบของธุรกิจ อย่างเช่น การช่วยลูกค้าเลือกทำเลขาย ระบบการขนส่งสินค้า การให้การสนับสนุนในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ หรือการประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค"
ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่าในการแข่งขัน เมื่อเลยจุดพีค มันจะค่อยๆดร็อป แบรนด์ไหนที่ขาดการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะอยู่ไม่ได้ และค่อยๆถูกกลืนหายไปในตลาด ก็อาจจะเหลือแค่คนที่เป็นตัวจริงเสียงจริงไว้ มันก็เป็นธรรมชาติของธุรกิจ
แต่ทั้งนี้ กาแฟไทยไม่ใช่กระแส แต่เป็นวัฒนธรรมการกินของเรา อยู่กับวิถีชีวิตของเราอยู่แล้ว มันจะไม่ได้หายไปหรอก แต่มันก็อาจจะเปลี่ยนรูปแบบไป ในวันนั้นข้างหน้าถุงกระดาษอย่างจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา ก็ต้องมีคนคิด ครีเอทอะไรใหม่ๆเข้ามาแทนที่เพื่อกระตุ้นตลาด แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด ก็คือ คนไทยชอบทำอะไรตามความรู้สึก ไม่ค่อยชอบศึกษาข้อมูล โดยเฉพาะทางฝั่งของแฟรนไชซี อยากจะให้ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนการตัดสินใจ จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดในภายหลัง” นางสาวสมจิตร กล่าว
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *