xs
xsm
sm
md
lg

นักธุรกิจร้อยละ 86.4 ค้าน พ.ร.บ.นิรโทษ ชี้ผลงานชิ้นโบดำ รบ.ปู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เกียรติอนันต์  ล้วนแก้ว
ศูนย์วิจัย ม.ธุรกิจบัณฑิตย์เผยผลสำรวจความคิดของนักธุรกิจระดับเอสเอ็มอีต่อ พ.ร.บ.นิรโทษฯ ฉบับสุดซอย ระบุร้อยละ 86.4 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 85.5 เชื่อความวุ่นวายทางการเมืองจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเศรษฐกิจไทย ร้อยละ 41.2 ชี้เป็นผลงานชิ้นโบดำ แถมร้อยละ 90.4 จะไม่เลือก ส.ส.ที่ลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ด้าน ดร.เกียรติอนันต์ชี้ พ.ร.บ.นี้เป็นฟางเส้นสุดท้ายของความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาล หากดึงดันจะลากประเทศลงเหว

ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า จากที่ศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ทำการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับ “พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย” โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นนักธุรกิจทั่วประเทศจำนวน 1,194 คน ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 3 พฤศจิกายน 2556

เมื่อสอบถามว่าเห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย หรือไม่? ร้อยละ 86.4 ไม่เห็นด้วย 7.7 เห็นด้วย และอีก 5.9 ไม่ออกความเห็น

สำหรับคำถามที่ว่า ท่านทราบหรือไม่ว่า ส.ส.ในพื้นที่ของท่านได้ลงคะแนนเสียงรับหรือไม่รับ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ร้อยละ 90.4 ทราบ ร้อยละ 9.6 ไม่ทราบ เมื่อสอบถามต่อไปว่า หาก ส.ส./ส.ว. ในพื้นที่ของท่านลงคะแนนรับ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ท่านจะเลือก ส.ส./ส.ว. ท่านนี้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ร้อยละ 80.4 ไม่เลือก 16.7 เลือก และอีก 2.9 ยังไม่ตัดสินใจ

ทั้งนี้ ต่อคำถามว่า ท่านคิดว่าอะไรเป็นปัญหาสำคัญที่สุดของประเทศที่รัฐบาลควรแก้ไขก่อนเป็นอันดับแรก ร้อยละ 25.7 ระบุว่า คอร์รัปชัน 24.9 ค่าครองชีพ 19.7 ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว 15.3 ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อย 10.1 การกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม 2.3 พ.ร.บ. นิรโทษกรรม และอีก 2.0 เป็นเรื่องอื่นๆ

เมื่อให้แสดงความเห็นต่อกับคำกล่าวที่ว่า “การคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จนนำมาสู่ความวุ่นวายทางการเมืองจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเศรษฐกิจไทย” ร้อยละ 85.5 ไม่เห็นด้วย 13.3 เห็นด้วย และอีก 1.2 ไม่มีความเห็น

ดร.เกียรติอนันต์กล่าวต่อว่า จากการสอบถามว่าอะไรเป็นผลงานชิ้นโบดำของรัฐบาลชุดนี้ ร้อยละ 50.4 ระบุว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 41.2 การจำนำข้าว 4.0 ค่าแรง 300 3.1 โครงการบริหารจัดการน้ำ และอีก 1.3 เป็นเรื่องอื่นๆ

ดร.เกียรติอนันต์เผยด้วยว่า นักธุรกิจมีความตื่นตัวในเรื่องนี้มากไม่แพ้ภาคส่วนอื่นของสังคม รัฐบาลควรเปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพราะสำหรับคนไทยจำนวนไม่น้อย พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่จะทำลายความเชื่อมั่นและศรัทธาที่มีต่อรัฐบาล หากยังดึงดันเดินหน้าต่อไปผลเสียที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่แค่คะแนนนิยมที่หายไป แต่ยังหมายถึงการลากประเทศชาติลงเหวด้วย หากรัฐบาลเห็นความสำคัญของประชาชนจริงก็ควรจัดลำดับความเร่งด่วนเสียใหม่ เร่งแก้ปัญหาค่าครองชีพและปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวให้ได้เสียก่อนจะดีกว่า

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น