xs
xsm
sm
md
lg

เรียลิตีโชว์แดนปลาดิบถ่ายทำชีวิตโอทอปไทย สค.ปั้นแบรนด์ “พอดี” โกอินเตอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(สค.)
เรียลิตีโชว์แดนปลาดิบให้ความสนใจเข้ามาถ่ายทำวิถีชีวิตโอทอปไทยเผยแพร่ผ่านช่อง “โตเกียว เทเลบิ”โดย 2 นักแสดงชื่อดัง ยูโกะ และมากิ ถ่ายทอดงานจักสานชลบุรี และผ้าไหมบุรีรัมย์ ด้านกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเตรียมผลักดันแบรนด์ PORDI ยกระดับโอทอปพรีเมี่ยมสู่ตลาดโลก

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ทางรายการสารคดีกึ่งเรียลิตีของประเทศญี่ปุ่นทางช่อง “โตเกียว เทเลบิ” ติดต่อเพื่อขอถ่ายทำรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับสินค้าโอทอปของประเทศไทย โดยนำออกอากาศในประเทศญี่ปุ่น และได้นักแสดงญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง 2 คน ชื่อ น.ส.มิซูโนะ ยูโกะ กับ น.ส.ทะมะรุ มากิ มาร่วมเป็นพิธีกรในการดำเนินรายการ โดยทางกรมฯ ได้นำคณะไปถ่ายทำรายการที่โรงงานจักสานปราณี ในจังหวัดชลบุรี และกลุ่มที่ 2 มีมากิไปถ่ายทำรายการเกี่ยวกับผ้าไหม ที่บ้านตุ้มทอง จังหวัดบุรีรัมย์

“รายการดังกล่าวเป็นรายการแนวเรียลิตี ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่น ดำเนินเรื่องในลักษณะมาร่วมสืบค้น เสาะหา เปิดรับการใช้ชีวิตในวิถีความเป็นไทย และเรียนรู้วัฒนธรรมไทยแท้ในพื้นที่ผลิตสินค้าที่เป็นชนบท พื้นเมืองท้องถิ่นจริงๆ ซึ่งต้องดำเนินชีวิต ท่ามกลางการก้าวผ่านเข้าสู่การเริ่มต้นยุคแห่งเอเชียในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ซึ่งตัวละครได้ถ่ายทอดให้เห็นถึงองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ โดยเทียบเคียงกับวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นที่มีสินค้าโอทอปเชื่อมโยงผูกพันและเชื่อมต่อจากคนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งได้อย่างผสมกลมกลืน ซึ่งถือเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ วัฒนธรรมไทย และสินค้าไทยได้อย่างลงตัว”นางศรีรัตน์กล่าว

นางศรีรัตน์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กรมฯ มีโครงการโอทอปพรีเมียมที่เน้นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการออกแบบและพัฒนาต่อยอดสินค้าดีเด่น โดยได้ริเริ่มใช้แบรนด์ “พอดี” (pordi) ซึ่งเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอปทั่วประเทศ ให้ความรู้ในการพัฒนาสินค้าในกลุ่มของขวัญ ของชำร่วย ของตกแต่งบ้าน ของเล่น เครื่องเขียนสำหรับตลาดส่งออกที่เริ่มมาบ้างแล้ว แต่เพิ่งเริ่มต้น และจะใช้เป็นแบรนด์ pordi ในการนำโอทอปออกสู่ตลาดโลก

ในงานโอทอปที่ผ่านมา กรมฯ ได้จัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจมีคำสั่งซื้อทันที และตลอดปีนี้คาดว่าจะมีคำสั่งซื้อราว 450 ล้านบาท และยังมีช่องทางตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อี-คอมเมิร์ซ) ที่กรมฯ สนับสนุนให้เกิดการค้าผ่านระบบออนไลน์เกิดขึ้นอีกด้วย ซึ่งสินค้าที่ได้รับความสนใจ เช่น เครื่องครัว เครื่องใช้สำหรับร้านอาหารและโรงแรม อาหารสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อาหาร สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มน้ำผลไม้ เครื่องใช้สำนักงาน ผลไม้แปรรูป เป็นต้น” นางศรีรัตน์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น