กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี เผยถึงแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หลังประชุมร่วมนายกฯ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการเพิ่มเติม เช่น ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ รมว.อุตฯ รมว.พาณิชย์ ส.อ.ท. และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ว่า นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการ ได้รายงานจะเชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาเป็นกรรมการเพิ่มเติม เช่นผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ รมว.อุตสาหกรรม รมว.พาณิชย์ที่จะทำงานร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินต่างๆ ธนาคารต่างประเทศที่ประกอบการในไทย สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการปิดกิจการในภาคอุตสาหกรรมบางแห่ง พบว่าหลายรายเป็นเรื่องการหยุดประกอบกิจการก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นภาวะทั่วไปในการหยุดกิจการไม่ว่าจะมีผลจากค่าแรงหรือไม่ แต่ก็มีหลายรายที่กำลังขยายกิจการใหม่ สิ่งเหล่านี้ก็เกิดควบคู่กันไป แต่ขณะนี้จากข้อมูลยังไม่พบสัญญาณผิดปกติใดๆ แต่ยังต้องเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
พร้อมกันนี้ยังได้หารือกันถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ธุรกิจเอสเอ็มอีด้านการส่งออก โดยได้สอบถามถึงสาเหตุการแข็งค่าของเงินบาทเกิดจากอะไร ซึ่ง ธปท.รายงานว่าเกิดจากเงินทุนไหลเข้าในช่วงสั้นๆ โดยเฉพาะช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาและมีความเสี่ยงเพราะเงินทุนเหล่านี้แม้จะมาถือตราสารระยะยาว แต่หากนักลงทุนต้องการขายออกก็มีสิทธิ์ทำได้ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ค่าเงินแข็งและยังไม่มีหลักประกันว่าเงินทุนเหล่านี้จะอยู่ในระยะยาว
ขณะที่สภาพัฒน์ได้ชี้แจงถึงทิศทางที่รัฐบาลได้วางแผนไว้ซึ่งเป็นมาตรการระยะปานกลางและยาว เช่น การส่งเสริมให้ไปลงทุนในต่างประเทศซึ่งที่ประชุมมีข้อสังเกตว่าอาจจะทวนกระแสการแข็งค่าของเงินซึ่งอาจไม่ใช่มาตรการที่ดีพอ ดังนั้นจึงเห็นว่าควรจะหารือเฉพาะในส่วนที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์และนักการเงินว่าจำเป็นจะต้องดำเนินนโยบายทางการเงินอะไรหรือไม่ที่จะดูแลการไหลเข้าของเงินทุนที่เรียกว่ามีความเสี่ยง
“ยืนยันได้ว่ารัฐบาลไม่มีความคิดที่จะใช้มาตรการควบคุมการไหลเข้าออกของเงินเด็ดขาด รวมถึงไม่คิดใช้มาตรการภาษีที่จะกระทบต่อระบบอัตราผลตอบแทนไม่ว่าจากการลงทุนหรือเงินปันผล เพราะเราเป็นประเทศเปิด ที่ประชุมจึงมอบหมายให้ผมเรียกประชุมร่วมกับผู้ว่าฯ ธปท. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ต่อไป แต่ขอย้ำว่าสิทธิในการตัดสินใจที่เกี่ยวกับนโยบายการเงินเป็นเรื่องของ ธปท.และ กนง.” นายกิตติรัตน์กล่าว
นายกิตติรัตน์ย้ำว่า นายกฯ และที่ประชุมเป็นห่วงเรื่องค่าเงินบาทอยากเห็นเสถียรภาพ การที่เงินบาทแข็งค่ามากในสองสามวันที่ผ่านมาและทำท่าอ่อนตัวลงจะต้องดูเรื่องของการเก็งกำไร โดยนายกฯ เป็นห่วงว่าภาคธุรกิจจะได้รับผลกระทบไปด้วย