ถ้าเอ่ยถึง “เต้าหู้” อาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นทางเลือกของคนหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ สูตรการทำเต้าหู้ ของแต่ละแห่งแตกต่างกันออกไปแต่ถ้ามีโอกาสเดินทางไป ยังอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี แล้วละก็ สิ่งที่หลายคนต้องซื้อติดไม้ติดมือ กลับมาเป็นของฝากคนทางบ้าน นอกจากของดีต่างๆ ที่มีมากมาย ในวันนี้ หลายคนต้องนึกถึง “เต้าหู้ดำ” ของดีที่มีเพียงแห่งเดียวของเมืองไทย
สำหรับสูตรต้นตำรับ ก็ต้องยกให้กับ “เต้าหู้ดำแม่เล็ก” เรียกได้ว่า ถ้ามาโพธาราม และถามหาเต้าหู้ดำแม่เล็ก คนทั้งตลาดรู้จักกันดี และบอกทางไปซื้อได้แบบไม่ต้องกลัวหลงทางแต่อย่างใด ปัจจุบัน เต้าหู้ดำของโพธาราม นั่นมีให้เลือกชิมกันเพียง 2 ราย เท่านั้น และก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็เป็นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงกัน แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลกินเจก็อาจจะได้เห็นหน้าใหม่มือสมัครเล่นออกมาขายกันอยู่หลายราย
นางเซี่ยมจู แซ่ฉั่ว หรือ แม่เล็ก เจ้าของสูตรเต้าหู้ดำของโพธาราม เล่าว่า ที่มาของเต้าหู้ดำเกิดขึ้นมาจากเดิม มีพ่อค้าในตลาด ทำเต้าหู้ดำขายมาก่อน แต่เขาต้องการเลิกกิจการ ในสมัยนั้นประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา ตนเอง มีอาชีพขายถุงงอก เต้าหู้ เส้นก๋วยเตี๋ยว อยู่ในตลาดเช่นกัน และเห็นว่า เราก็ขายเต้าหู้อยู่แล้ว ก็เลยลองนำสูตรเต้าหู้ดำของพ่อค้าคนก่อนมาลองทำขาย เพราะเห็นว่าไม่มีใครทำ ซึ่งก็ไม่ได้ขายดีอะไร แค่พอขายได้ แต่อาศัยว่า เราทำเพียงรายเดียว จึงได้ทำต่อมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีลูกชาย คือ “นายณรงค์ สุธีพงศ์สิทธิ์” มารับช่วง ทำหน้าที่สำคัญนี้ต่อ
ด้านนายณรงค์ เล่าว่า สำหรับสูตรการต้มเต้าหู้ดำนั้น เป็นสูตรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่เล็ก โดยไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอะไร โดยตนเอง จะทำหน้าที่ต้มเต้าหู้ดำช่วยแม่เล็ก มาตั้งแต่ต้น ดังนั้นสูตรต่างจึงเป็นสูตรดั้งเดิม โดยส่วนผสมที่ใช้ประกอบไปด้วย ผงพะโล้ และน้ำตาลทราย เกลือทะเล อบเชย โป๊ยกั๊ก ซึ่งเทคนิคการต้มอยู่ที่การใช้ไฟปานกลางและใช้เวลาในการต้มนานถึง 3 วัน โดยจะไม่มีการใส่สารกันบูดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของเต้าหูดำ แม่เล็ก คือ การเลือกเต้าหู้คุณภาพดีจากโรงงานที่สั่งซื้อเป็นประจำ เพราะเป็นเต้าหู้ที่ใช้ถั่วเหลือง 100% ไม่มีส่วนผสมของแป้ง เหมือนกับโรงงานเต้าหู้อื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมา เคยมีโรงงานเต้าหู้หลายแห่ง เคยทดลองนำเต้าหู้มาให้เราทดลองต้ม แต่ก็ไม่ได้รสชาติอย่างที่ต้องการ ต้องเปลี่ยนมาใช้เต้าหู้รายเดิม แม้ว่าเต้าหู้แผ่นจะเล็กกว่าโรงงานอื่นๆ แต่ได้เต้าหู้ดำที่มีรสชาติที่ต้องการ
ส่วนรสชาติของเต้าหู้ดำ จะออกหวานเค็ม เหมือนกับพะโล้ สามารถกินเปล่าได้เลย หรือ ถ้าต้องการนำไปปรุงอาหารเพิ่มก็ได้ โดยทางร้านมีเมนูแนะนำให้แก่ลูกค้า ได้แก่ ยำเต้าหู้ดำ เต้าหู้ดำผัดกระเพรา แกงป่าเต้าหู้ดำ เต้าหู้ดำผัดถั่วงอก และพะโล้ ลูกค้าบางคนก็ขอน้ำที่ต้มเต้าหู้ เพื่อนำกลับไปทำพะโล้ โดยทางร้านก็ไม่ห่วงถ้าลูกค้าอยากได้น้ำ เพราะน้ำที่เหลือไม่ได้นำไปต้มต่อ เพราะทำให้รสชาติของเต้าหู้ดำเปลี่ยนไปจากสูตรดั้งเดิม การทำแต่ละครั้งปรุงรสและทำน้ำใหม่ทุกครั้ง
ทั้งนี้ แต่เดิมทำขายและเป็นที่รู้จักเฉพาะในจังหวัดราชบุรี และใกล้เคียง แต่หลังจากที่มีรายการโทรทัศน์ และนิตยสารและหนังสือ รวมถึงทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ได้นำเรื่องราวเต้าหู้ดำไปนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ และพานักท่องเที่ยวมาซื้อที่ร้าน ทำให้ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เต้าหู้ดำของร้านแม่เล็กกลับมาขายดีเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว จากเดิมวันละ 50-100 ก้อนกลายเป็นวันละ 200 - 300 ก้อน สำหรับวันธรรมดา และถ้าเป็นวันหยุดพิเศษ ก็ขายได้มากถึง 500 - 700 ก้อน และถ้าเป็นช่วงเทศกาลกินเจ 4-5 วัน สามารถขายเต้าหู้ได้มากถึง 20,000-30,000 ก้อน เลยทีเดียว
โดยลูกค้ามาจากต่างจังหวัดในหลายพื้นที่ ส่วนหนึ่งเกิดมาจากการบอกกันแบบปากต่อปาก เมื่อมาท่องเที่ยวและผ่านมาทางอำเภอโพธาราม ก็จะแวะซื้อเป็นของฝากกลับไปรับประทานที่บ้าน โดยอายุการเก็บรักษาใส่ตู้เย็นสามารถเก็บได้นานถึง 10 วัน ส่วนถ้าอยู่ข้างนอกเหมือนกับอาหารทั่วไป อยู่ได้ 1-2 วันเท่านั้น ส่วนราคาขายแผ่นละ 16 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ปรับขึ้น ตามราคาเต้าหู้และต้นทุน การผลิตที่เพิ่มขึ้น ทั้งส่วนผสมและราคาก๊าซหุงต้ม และถ่านที่เพิ่มขึ้น ทางร้านจะเปิดขายกันตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปจนถึง 3 ทุ่ม รอเวลาให้กับลูกค้าที่เดินทางมาไกล และตั้งใจมาซื้อเต้าหู้ดำก็จะได้กลับไป
โทร.032-231-429