ปรับตัวตลอดเวลา และหมั่นสร้างความแปลกใหม่ให้สินค้า เพื่อฉีกหนีคู่แข่ง กลายเป็นสูตรสำเร็จของกางเกงยีนส์สำหรับเด็ก สัญชาติไทยแท้ ยี่ห้อ “Deeper” ที่เริ่มต้นจากเป็นช่างรับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้าผู้ใหญ่ ค่อยๆ ผันตัวมาสู่ผู้ผลิตสินค้าภายใต้ดีไซน์ และแบรนด์ของตัวเอง โดยพยายามสร้างสรรค์สินค้าใหม่ไม่ซ้ำใครออกสู่ตลาด เช่น กางเกงยีนส์เด็กที่มีดีไซน์เหมือนผู้ใหญ่ เสื้อสายเดี่ยว เสื้อลายดอก เป็นต้น รวมถึง ล่าสุดเป็นกางเกงยีนส์ขาสั้นจู๋ สำหรับเด็กเล็ก ที่ใส่แล้วดูสวยงาม แถมยังซ่อนความเปรี้ยวซ่าน่าเอ็นดูไว้ด้วย
นาถยา แก้วเรือง ทายาทธุรกิจกางเกงยีนส์ ยี่ห้อ “Deeper” เล่าว่า คุณพ่อ (เผด็จ แก้วเรือง) ยึดอาชีพช่างตัดเย็บเสื้อและกางเกงมาก่อนที่เธอจะเกิดเสียอีก นับถึงปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 20 ปี เดิมจะรับจ้างตัดเย็บเสื้อโหลตามแบบที่ลูกค้าโรงงานกำหนดและส่งมาให้ แทบทั้งหมดเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของผู้ใหญ่
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคุณพ่อไม่ต้องการเป็นเพียงแค่ผู้รับจ้างผลิตตลอดไป เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาเป็นผู้ผลิตและขายด้วยตัวเอง ซึ่งเวลานั้น เริ่มต้นจากทำกางเกงยีนส์สำหรับผู้ใหญ่
“หมิว (ชื่อเล่นของนาถยา) จำได้ว่า คุณพ่อมักพูดเสมอว่า อยากทำเองขายเอง ซึ่งตอนนั้น กางเกงยีนส์ในเมืองไทยกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยเฉพาะยี่ห้อดังของต่างประเทศ วัยรุ่นไทยแทบทุกคนต้องอยากมีใส่ทุกคน ดังนั้น ที่บ้านก็เลยตัดกางเกงยีนส์ออกมาขายด้วยเช่นกัน เริ่มจากทำเป็นกางเกงยีนส์ 5 ส่วนสำหรับผู้หญิง แล้วไปเช่าหน้าร้านขายที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ซึ่งแรกๆ ก็ขายดีมาก ถึงขนาดทำไม่ทันขายเลยทีเดียว”
ทว่า ด้วยกระแสตลาดกางเกงยีนส์เติบโตอย่างสูงในเวลานั้น ทำให้มีผู้ผลิตรายอื่นๆ จำนวนมากแห่เข้ามาผลิตกางเกงยีนส์ด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น แทบทั้งหมดจะยึดดีไซน์เหมือนกางเกงยีนส์ยี่ห้อดังต่างประเทศคล้ายกันไปหมด จนในที่สุด นำมาสู่ภาวะสินค้าเกลื่อนตลาด ขายกันไม่ออก ต้องยอมตัดราคาขายถูกสู้กันเอง ที่สุดแล้ว ผู้ผลิตค่อยๆ ล้มหายตายจากไปทีละราย และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เช่นเดียวกัน ธุรกิจของครอบครัว “แก้วเรือง” ตกอยู่ในสถานการณ์ย้ำแย่ไม่ต่างจากรายอื่นๆ กางเกงยีนส์ที่ทำออกมาขายได้ยากมาก แต่ด้วยการปรับตัวทางธุรกิจ นำมาสู่แนวคิด เลือกที่จะสร้างความต่าง หนีจากทำกางเกงผู้ใหญ่ หันมาทำเป็นกางเกงยีนส์สำหรับเด็กแทน กลายเป็นจุดตัดสำคัญที่ช่วยพลิกวิกฤตจากธุรกิจที่กำลังจะล้มตายให้กลับมายืนได้อย่างแข็งแรงกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“ช่วงนั้น ที่บ้านลำบากมากจริงๆ ต้องเอากางเกงยีนส์ไปเร่ขายตามตลาดนัด งานวัดต่างๆ แต่ก็ขายไม่ดีเลย เพราะการแข่งขันสูงมาก ทุกรายสินค้าเหมือนกันไปหมด ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ สมมติตัวเลขว่า เคยขายได้กำไรวันละ 100 บาท ตอนนั้น กลับเป็นว่า แต่ละวันหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าเช่า ค่าคนงานแล้ว กลายเป็นขาดทุนวันละ 300-400 บาท ทำให้ครอบครัวเราลำบากมาก” นาถยา เล่าถึงช่วงวิกฤตธุรกิจ ตามด้วยเผยถึงเหตุการณ์สำคัญนำมาสู่การพลิกฟื้นธุรกิจได้สำเร็จ
“มีอยู่วันหนึ่ง พ่อก็มาชวนให้หมิวไปเดินเล่นรอบๆ ตลาดนัดสวนจตุจักรด้วยกันเพื่อหาไอเดียมาทำสินค้าใหม่ ซึ่ง บังเอิญพวกเราเดินไปเจอกางเกงทรงทหารของเด็กเล็ก ทำให้คุณพ่อเกิดไอเดียที่จะทำกางเกงยีนส์ของเด็กดูบ้าง ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในเมืองไทยยังมีไม่มาก จากนั้น คุณพ่อก็ลองทำแบบ และตัดเย็บ ซึ่งกว่าจะลงตัวก็ทำอยู่นานทีเดียว พอออกมาขาย ปรากฏได้ผลตอบรับดีอย่างไม่น่าเชื่อ จากที่เล่าให้ฟังว่า ช่วงแย่สุดๆ สมมติต่อวันขาดทุน 300-400 บาท กลับพลิกมาขากำไรวันละ 200-300 บาท ซึ่งดีกว่าตอนทำกางเกงยีนส์ผู้ใหญ่เสียอีก” ทายาทธุรกิจ เผย
จากประสบการณ์ที่รู้ดีว่า เมื่อสินค้าใดก็ตามได้รับความนิยมจะถูกทำซ้ำเลียนแบบมาออกแข่งจำนวนมาก บทเรียนดังกล่าว ได้ถูกมาใช้สอนใจ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาในอดีตกลับมาซ้ำรอยเดิมได้อีก ด้วยการสร้างสรรค์แบบดีไซน์ใหม่ๆ ตามแบบฉบับตัวเองที่คู่แข่งยากจะลอกเลียน หรือทำตามได้ ทั้งด้านของรูปทรงที่แม้จะเป็นกางเกงของเด็ก แต่ออกแบบ ดีไซน์ และตัดเย็บเหมือนของผู้ใหญ่ ทำให้สวมใส่สบาย และสวยงามเข้ารูป อีกทั้งแต่ละแบบจะเอกลักษณ์จากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แตกต่างกันไป เช่น เนื้อผ้า และอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งซิป กระดุม ป้ายหนัง ฯลฯ ล้วนเป็นเกรดคุณภาพ
นอกจากนั้น ไม่หยุดนิ่งสร้างสินค้าใหม่อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อหนีคู่แข่งออกไปเสมอ เช่น เสื้อยืดสีสดหลายรูปแบบ เสื้อสายเดียว กระโปรงยีนส์ ฯลฯ และล่าสุด คือ “กางเกงยีนส์ขาสั้นสุดๆ” ที่ประยุกต์มาจากกางเกงยีนส์ขาสั้นของสาววัยรุ่นที่กำลังเป็นที่นิยมขณะนี้ โดยปรับมาทำเป็นกางเกงยีนส์สำหรับเด็กๆ ซึ่งใส่แล้วดูน่าเอ็นดู แถมเข้ากับยุคสมัย
“การคิดออกสินค้าใหม่ของคุณพ่อ มักจะดูตามกระแสแฟชั่น แล้วเอามาประยุกต์ให้เหมาะกับสินค้าของเรา เวลาคุณพ่อไปต่างประเทศ ก็มักจะไปเดินดูแฟชั่นของเขา เพื่อหาไอเดียใหม่ๆ ส่วนกางเกงยีนส์ขาสั้นของเด็ก มาจากที่เห็นกางเกงยีนส์ของ “จ้ะ คันหู” ทำให้เกิดไอเดียว่า ถ้าประยุกต์ทำเป็นกางเกงยีนส์ของเด็ก ท่าจะน่ารักดี ซึ่งพอมาเป็นกางเกงของเด็กแล้ว แทนที่จะดูโป๊ ก็จะกลายเป็นน่ารักแทน”
สำหรับนาถยาแล้ว คลุกคลีและช่วยงานทางบ้านมาตั้งแต่ยังเล็ก โดยเฉพาะคุณพ่อถือเป็นไอดอลที่เธออยากจะก้าวเดินตามในทุกๆ ด้าน ทั้งการใช้ชีวิตส่วนตัว และเส้นทางอาชีพ ดังนั้น เธอจึงเลือกเรียนมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ในสาขาเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์สินค้าเพื่อเจาะจงจะมาช่วยต่อยอดอาชีพครอบครัว โดยที่ผ่านมา ได้ช่วยสร้างแบรนด์ของตัวเองว่า “Deeper” นอกจากนั้น ยังช่วยเสริมการตลาดรูปแบบใหม่ๆ ผ่านออนไลน์ที่ www.facebook.com/deeperjeans
ทายาทธุรกิจ เล่าให้ฟังด้วยว่า ปัจจุบัน ธุรกิจเป็นลักษณะกิจกรรมในครัวเรือน คนงานทั้งหมด รวมประมาณ 20 คน สินค้าที่ผลิตทั้งหมดมีรวมกันนับร้อยๆ แบบ กลุ่มลูกค้ามีทั้งในประเทศ และส่งออกต่างประเทศ ช่องทางตลาดมีทั้งขายปลีกและส่ง โดยมีหน้าร้านอยู่ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร โบ๊เบ๊ทาวเวอร์ และที่อินทรา สแควร์ โดยวางตำแหน่งสินค้าเป็นกลุ่มกลางบน ราคากางเกงยีนส์ขายาว ตั้งแต่ 390-520 บาท ส่วนกางเกงยีนส์ขาสั้น ตั้งแต่ 199-370 บาท ส่วนเสื้อยืดต่างๆ เริ่มต้นที่ตัวละ 100 บาท โดยมีขนาดให้เลือกนับ 10 ไซด์ ตั้งแต่ของเด็กวัย 6 เดือน จนไปถึงของวัยรุ่นอายุ 18 ปีเลยทีเดียว
ณ วันนี้ ถือได้ว่าธุรกิจกางเกงยีนส์ยี่ห้อ “Deeper” ของครอบครัว “แก้วเรือง” ปักหลักได้อย่างแข็งแกร่ง และด้วยแนวคิดที่จะไม่หยุดพัฒนา จากนี้ คงมีสินค้าใหม่ๆ มาสร้างสีสันให้วงการแฟชั่นไทยได้เสมอ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โทร.02-973-7648 หรือ www.facebook.com/deeperjeans
