xs
xsm
sm
md
lg

“เพชรเก้ากะรัต” ข้าวโรงสีโกอินเตอร์ มรดกเงินล้านจากพ่อสู่ลูก (มีคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข้าวจากโรงสีข้าว “หจก.สุวิทย์ไรค์มิลล์”
เนื่องจากพื้นที่ในจังหวัด “นครสวรรค์” และใกล้เคียงมีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติสูง จึงเป็นแหล่งทำการเกษตรโดยเฉพาะปลูกข้าวคุณภาพเยี่ยมของประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรง อย่าง “โรงสีข้าว” ใน จ.นครสวรรค์ ผุดขึ้นจำนวนมากตามไปด้วย

เป็นธรรมดาว่า เมื่อมีการแข่งขันสูง รายที่จะยืนหยัดอยู่ได้ จำเป็นต้องมีศักยภาพพร้อมในหลายๆ ด้าน อย่างเช่น “หจก.สุวิทย์ไรค์มิลล์” โดย “สุวิทย์ สุภคณา” ที่โลดแล่นอยู่ในวงการค้าข้าวมากว่า 30 ปี ได้ผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมควบคู่กับปรับตัว นำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยพัฒนาการผลิต นอกจากนั้น ยังได้เตรียมความพร้อมให้แก่ทายาทธุรกิจ เพื่อเป็นตัวตายตัวแทนสานต่อและต่อยอดธุรกิจ จากทำธุรกิจโรงสีข้าว สู่การเป็นผู้ผลิตข้าวสารบรรจุถุงเพื่อส่งออก ภายใต้แบรนด์ “เพชรเก้ากะรัต”
สุวิทย์  (ซ้าย) และปฐมพงศ์ สุภคณา
“ผมเริ่มจากทำงานเป็นลูกจ้างในโรงสีข้าวของญาติตั้งแต่ พ.ศ.2519 โดยทำมาแล้วทุกหน้าที่ ตั้งแต่แบกข้าวสารจนถึงผู้จัดการโรงสี ทำให้มีประสบการณ์ รู้ทุกขั้นตอนและทุกกระบวนการในแวดวงค้าข้าว ตลอดจน เราก็มีช่องทางตลาด มีฐานลูกค้ารองรับทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก ดังนั้น หลังจากที่พร้อมทุกด้านแล้ว เมื่อปี พ.ศ.2549 ผมใช้เงินทุนที่สะสมมา ซื้อกิจการโรงสีข้าวแห่งหนึ่ง นำมาปรับปรุงเพื่อสร้างโรงสีข้าวของตัวเอง” เจ้าของธุรกิจ เผย

โรงสีข้าวที่ซื้อมา มีเนื้อที่กว่า 7 ไร่ ราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท จัดตั้งภายใต้ชื่อ “หจก.สุวิทย์ไรค์มิลล์” อย่างไรก็ตาม โรงสีข้าวแห่งนี้ เดิมจะสีข้าวในรูปแบบโบราณ เครื่องจักรเก่าทรุดโทรม ดังนั้น ได้ลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรอีกว่า 5-6 ล้านบาท รวมถึง สั่งซื้อเครื่องจักรชุดปรับปรุงคุณภาพข้าวอีกว่า 18 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นใช้เงินลงทุนกับธุรกิจโรงสีข้าวนี้กว่า 50-60 ล้านบาท

“สาเหตุที่ผมลงทุนปรับปรุงเครื่องจักร รวมถึง ลงเครื่องจักรใหม่ เพราะรู้ดีว่า การแข่งขันเรื่องข้าวเราต้องให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพข้าวมาเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าสีข้าวแล้วออกมาไม่ได้เรื่อง ไม่มีทางจะไปแข่งกับใครได้เลย ดังนั้น ผมจึงปรับปรุงให้โรงสีของเราได้มาตรฐานครบถ้วน ทั้ง GMP , HACCP รวมถึง ยังได้เชิญอาจารย์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นมาเป็นที่ปรึกษา เพื่อให้ข้าวของเรามีคุณภาพดีที่สุด” สุวิทย์ อธิบาย
ภายในโรงสีข้าว “หจก.สุวิทย์ไรค์มิลล์”  ที่ จ.นครสวรรค์
เขายังระบุด้วยว่า นอกเหนือจากเรื่องเทคโนโลยีแล้ว สิ่งสำคัญของผู้ประกอบการธุรกิจโรงสีข้าว คือ ประสบการณ์ในการสีข้าวให้ถูกปากผู้บริโภค ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคแต่ละตลาด แต่ละพื้นที่ จะมีความชอบแตกต่างกันไป เช่น ชาวเมืองจะนิยมกินข้าวที่เม็ดเรียวค่อนข้างแข็ง อย่างข้าวหอมมะลิ แต่คนต่างจังหวัดจะชอบข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 มากกว่า ขณะที่คนต่างชาติจะชอบกินข้าวนิ่ม ดังนั้น การคัดเลือกพันธุ์ข้าวแต่ละชนิด การเก็บรักษาเม็ดข้าวให้มีอายุเหมาะสมต่อการสี เพื่อได้คุณสมบัติแตกต่างกันไป รวมถึง วิธีการสีข้าวแต่ละชนิด เหล่านี้ล้วนไม่สามารถบอกกล่าวหรือสั่งสอนแค่ปากเปล่าได้ ต้องอาศัยระยะเวลาเพื่อสะสมประสบการณ์ที่จะซึมซับเรียนรู้ด้วยตนเอง

คุณสุวิทย์ เผยด้วยว่า สำหรับข้าวจากโรงสีของเขาจะมีคุณสมบัติเด่น คือ เม็ดเรียวใสสวย จมูกข้าวไม่หัก ส่วนมากจะเน้นข้าวชนิด ข้าวขาวชัยนาท1 ข้าวหอมมะลิ กข105 และข้าวปทุมธานี 1 ซึ่งเป็นข้าวที่ตลาดให้ความนิยมสูงที่สุด โดยแหล่งข้าวเปลือกมาจากเกษตรกรใน จ.นครสวรรค์ และใกล้เคียง ขณะที่ช่องทางขายกว่า 80% จะส่งขายในประเทศ ส่วนอีก 20% จะส่งออกไปต่างประเทศ ตลาดใหญ่อยู่ที่ประเทศจีน

อีกสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจโรงสี เขาระบุไปที่ความซื่อสัตย์และจริงใจต่อเกษตรกรที่มาขายข้าวเปลือกให้ ซึ่งตลอดชีวิตในแวดวงค้าขาย จะยึดมั่นเสมอว่า ห้ามเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรโดยเด็ดขาด ราคาที่ซื้อขายต้องยุติธรรม และจ่ายให้เป็นเงินสดทันที นอกจากนั้น จะอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้น เกษตรกรที่มาขายข้าวจะเกิดความประทับใจ และอยากจะเป็นคู่ค้ากันตลอดไป

@@@ ปูพื้นทายาทสานต่อกิจการครอบครัว @@@

เพราะรู้ดีว่า ในยุทธจักรค้าข้าว คู่แข่งล้วนแต่เขี้ยวลากดิน จำเป็นต้องเชี่ยวชาญทั้งบู๊และบุ๋น จึงจะยืนหยัดอยู่ได้ ดังนั้น สิ่งที่เจ้าของโรงสีรายนี้ ได้เตรียมมาเป็นเวลานาน คือ สร้างความพร้อมให้แก่ลูกชาย ปฐมพงศ์ สุภคณา” เพื่อเป็นทายาทสานต่อกิจการครอบครัว ตั้งแต่ให้เข้ามาเรียนรู้งานจากการทำงานจริงตั้งแต่วัยเยาว์ รวมถึง ส่งไปเรียนต่อยังประเทศจีน เพราะปูทางธุรกิจส่งออกข้าวสารบรรจุถุง สำหรับขายยังแผ่นดินใหญ่
ข้าวสารบรรจุถุง
ปัจจุบัน ลูกชายอายุ 28 ปี ได้เข้ามาช่วยงานอย่างจริงจัง โดยมีผู้เป็นพ่อคอยทำหน้าที่พี่เลี้ยง ซึ่งสิ่งสำคัญที่พ่อลูกคู่นี้ กำลังช่วยกันปลุกปั้น คือ ผลิตข้าวถุงภายใต้แบรนด์ของตัวเองว่า “เพชรเก้ากะรัต” เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์จากแค่สีข้าวสู่การแปรรูป แล้วส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานธุรกิจให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

“สิ่งที่คุณพ่อทำมา มันแทบจะสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ผมเพียงแค่เข้ามาช่วยงาน ซึ่งสิ่งที่เราเห็นตรงกัน คือ เราควรจะเสริมตลาดด้วยการบรรจุถุงข้าวสารขายเอง เพราะข้าวของเรามีคุณภาพดีอยู่แล้ว จากข้อได้เปรียบเรื่องที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ได้ระดับมาตรฐาน ทำให้พร้อมที่จะผลิตเป็นข้าวถุง ซึ่งจะขายได้มูลค่าสูงขึ้น” ปฐมพงศ์ กล่าว
สต๊อกข้าวสาร รอส่งขายต่อ
ทายาทธุรกิจ เสริมด้วยว่า เริ่มส่งข้าว “เพชรเก้ากะรัต” บรรจุถุงขายไปยังพื้นที่ภายใน จ.นครสวรรค์ และใกล้เคียง รวมถึงกรุงเทพฯ โดยเน้นเป็นพันธุ์ข้าวเก่าชัยนาท ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคาถุงละ 100 บาท และกระสอบ 49 กิโลกรัม ราคา 490 บาท โดยช่องทางขายจะส่งตามแหล่งกระจายวัตถุดิบของสดต่างๆ

ไม่เท่านั้น จากที่คุณพ่อได้ไปบุกเบิกตลาดในต่างประเทศไว้แล้ว ขณะนี้ ได้ส่งออกข้าวบรรจุถุงไปยังตลาดต่างประเทศ ทั้งจีน ฮ่องกง ไต้หวัน เป็นต้น นอกจากนั้น มีแผนจะขยายตลาดส่งออกให้กว้างยิ่งขึ้นอีกด้วย

ปัจจุบัน โรงสี “หจก.สุวิทย์ไรค์มิลล์” มีปริมาณการสีข้าวกว่า 1,000 ตันต่อเดือน ซึ่งจำเป็นต้องมีเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรเพื่อสีแล้วนำไปขายต่อ กว่า 30 ล้านบาทต่อเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งเกษตรกรจะนำข้าวเปลือกมาขายพร้อมๆ กัน จำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก เพื่อซื้อข้าวเปลือกสต๊อกไว้ ซึ่งได้ขอรับความช่วยเหลือด้านสินเชื่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ไว้เป็นทุนหมุนเวียนธุรกิจ


ย้อนกลับมาผู้เป็นพ่อ ได้กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า สำหรับผู้ประกอบธุรกิจใดๆ ก็ตาม หัวใจสำคัญควรจะทำในสิ่งที่ตัวเองชำนาญหรือถนัดเพียงอย่างเดียว ไม่ควรนำเงินไปลงทุนหรือทำธุรกิจในสิ่งที่ตัวเองไม่เชี่ยวชาญ แต่หวังเพียงแค่ผลกำไรงามเท่านั้น นอกจากนั้น เมื่อมีกำไรกลับเข้ามาแล้ว ควรนำไปใช้ลงทุนหรือต่อยอดในธุรกิจเดิมของตัวเอง ห้ามนำเงินไปใช้ผิดประเภท ซึ่งจะเป็นหนทางสู่การล้มสลายของกิจการ

“ส่วนตัวผมมีคติประจำใจ ที่จะบอกตัวเอง บอกลูกๆ และผู้ประกอบการการค้าทุกคน อยู่ 3 ประการ ได้แก่ ขยัน ซื่อสัตย์ และกตัญญู ถ้าเราสามารถทำทั้ง 3 ข้อนี้ได้ ผมกล้ายืนยันได้ว่า ไม่วันใดวันหนึ่ง คุณจะต้องประสบความสำเร็จในธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน” เจ้าของโรงสีข้าว เจ้าดัง จ.นครสวรรค์ ทิ้งท้าย

@@@@@@@@@@@@@@@@@@
กำลังโหลดความคิดเห็น