กรมโรงงานอุตสาหกรรมจับมือสามภาคส่วน ทั้งผู้แทนภาคประชาชน ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ จัดโครงการ สามสามัคคีการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนและอุตสาหกรรม หารือแผนกลยุทธ์การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม และจัดตั้งศูนย์ประสานงานผู้แทนเครือข่ายสามสามัคคีในพื้นที่
นายปรีชา รุ่งรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การประกอบกิจการอุตสาหกรรมจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนต้องคำนึงถึงและให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของชุมชนควบคู่ไปด้วย จึงจะทำให้อุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนและสังคมได้ หรือในแนวทางที่ว่า “ชุมชนอยู่ได้ โรงงานอยู่ได้” โดยภาครัฐต้องเน้นทำงานในเชิงรุก เข้าถึงประชาชน เพื่อรับฟัง พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ร่วมกันเฝ้าระวัง ป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมก็ต้องนำหลักธรรมาภิบาล หลักความสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมไปใช้เพื่อให้สามารถประกอบกิจการอยู่ร่วมกับชุมชน ช่วยลดปัญหาข้อขัดแย้ง ลดข้อร้องเรียนที่เกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน
โดยแนวทางหนึ่งที่สามารถก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพได้ ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของสามภาคส่วนสำคัญ คือ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ประชาชน และผู้ประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องร่วมมือกันทำงานอย่างบูรณาการ
ดังนั้นทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงได้จัดทำโครงการ “สามสามัคคีการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนและอุตสาหกรรม” ขึ้นเพื่อจะได้นำแนวนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมมาปฏิบัติให้เห็นชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมีขอบเขตของการดำเนินโครงการประกอบด้วยการกำหนดเกณฑ์และคัดเลือกพื้นที่นำร่อง การจัดทำแผนกลยุทธ์การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชน การสร้างเครือข่ายและศูนย์ประสานงานความร่วมมือสามสามัคคีการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนและอุตสาหกรรม การจัดกิจกรรมและการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ รวมเป็นระยะเวลา 8 เดือน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึงตุลาคม 2555 โดยในปี 2555 นี้ได้กำหนดให้จัดทำในพื้นที่นำร่อง พื้นที่ที่มีความเปราะบางทางด้านสิ่งแวดล้อม 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดลำพูน