“ปู” เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนเอสเอ็มอีเข้าประชุมหารือ เพื่อวางแนวทางช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง 300 บาท ด้าน “โต้ง” เผยนายกฯ ให้การบ้านเร่งจัดทำแผนพัฒนามาเสนอภายใน 2 สัปดาห์ แจงขึ้นค่าแรงไม่กระทบเอสเอ็มอี ระบุปัญหาแท้จริงมาจากเข้าไม่ถึงแหล่งทุน
วันนี้ (22 พ.ค.) ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ประกอบด้วยกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เข้าร่วมประชุมเชิงวิชาการ หรือเวิร์กชอป เป็นครั้งแรก เพื่อระดมสมองหาแนวทางช่วยเหลือเอสเอ็มอีในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาแนวทางบรรเทาผลกระทบที่เอสเอ็มอีได้รับจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวภายหลังการหารือว่า นายกฯ ได้สั่งการให้ทั้ง 4 กระทรวงดังกล่าวไปจัดทำรายละเอียดร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางช่วยเหลือและพัฒนาเอสเอ็มอีเพิ่มเติม แม้ปัจจุบันจะมีแผนพัฒนาเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวก็ตาม โดยกำหนดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงสถานการณ์เอสเอ็มอี จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงแรงงานไม่พบสัญญาณที่ผิดปกติแต่อย่างใด โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท โดยเอสเอ็มอีมีทั้งกลุ่มที่มีผลประกอบการที่ดีและไม่ดี มีทั้งปิดกิจการและเปิดกิจการใหม่ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของเอสเอ็มอีในขณะนี้คือการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะการให้เงินทุนแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีโดยตรง ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างปรับปรุงกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจเพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เช่น การใช้สัญญาเช่า หรือการใช้สินค้าคงคลัง เป็นหลักประกันการกู้เงินได้ รวมถึงการเพิ่มบทบาทของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้เข้ามาค้ำประกันสินเชื่อให้เอสเอ็มอีได้ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
