DPURC เผยผลสำรวจผลกระทบจากราคาเชื้อเพลิงพุ่งสูง เอสเอ็มอีธุรกิจขนส่งเกือบ 90% เตรียมปรับค่าบริการเพิ่ม 11.8% ระบุต้องการระดับราคาน้ำมันดีเซล ลิตรละ 36.16 บาท ก๊าซ LPG กิโลกรัมละ 23.22 บาท และก๊าซ NGV กิโลกรัมล ะ10.36 บาท ฝากภาครัฐเร่งเพิ่มสถานีบริการ และควบคุมค่าครองชีพ
ศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPURC) เผยผลการสำรวจผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันดีเซล ก๊าซ LPG และ NGV ที่มีผลต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภาคขนส่ง จำนวน 218 ราย ใน 18 จังหวัด พบว่า ต้นทุนด้านเชื้อเพลิงคิดเป็นต้นทุนธุรกิจ 47.6%
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ 89.7% ระบุว่าต้องปรับค่าบริการขึ้นภายใน 3 เดือนข้างหน้า ส่วนจำนวน 10.3% ระบุว่ายังไม่ปรับขึ้น ซึ่งในกล่มที่จะปรับขึ้น จะปรับขึ้นเฉลี่ยที่ประมาณ 11.8%
สำหรับราคาเชื้อเพลิงสูงสุดที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอียอมรับได้ และคิดว่าจะไม่ขาดทุน คือ น้ำมันดีเซล ลิตรละ 36.16 บาท ก๊าซ LPG กิโลกรัมละ 23.22 บาท และก๊าซ NGV กิโลกรัมล ะ10.36 บาท
ด้านความช่วยเหลือที่ต้องการจากรัฐบาล 72.3% ต้องการให้มีสถานีบริการ ก๊าซ LPG และ NGV มากยิ่งขึ้น จำนวน 66.4% ต้องการให้ควบคุมค่าครองชีพไม่ให้ถีบตัวสูงขึ้น จำนวน 55.4% ให้เลื่อนนโยบายค่าแรง 300 บาทออกไป จำนวน 35% อยากให้เลื่อนการปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิงในครั้งต่อไปอีก 6 เดือนเป็นอย่างน้อย จำนวน 19.2% ต้องการให้จัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อติดตั้งก๊าซ LPG/NGV และอีก 10.1% ช่วยเหลือด้านอื่นๆ เช่น ตรวจสภาพรถ จัดอบรม วางแผนการขนส่ง เป็นต้น
ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการ DPURC อธิบายเสริมว่า ธุรกิจขนส่งมีการแข่งขันสูง กำไรส่วนต่างต่ำ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5% และสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ส่วนต่างกำไรยิ่งน้อยลงไปอีก
สำหรับข้อแนะนำ รัฐบาลควรมีความชัดเจนในนโยบายเรื่องพลังงานระยะยาว เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถวางแผนรับมือได้ รวมถึง แก้ปัญหาระยะสั้น เช่น เพิ่มสถานีบริการ ก๊าซ LPG และ NGV มากยิ่งขึ้น ควบคุมค่าครองชีพ เป็นต้น
