ผลิตภัณฑ์หัวม้าลาย ไม่หวั่นนโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาท เผยกระทบต้นทุนพียง 4% เท่านั้น แต่กลับส่งผลดีต่อจำนวนแรงงานที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจนี้ จากเดิมประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานมาโดยตลอด มั่นใจปีหน้าตลาดต่างประเทศโตต่อเนื่อง หลังตลาดเอเชียตอบรับดี
นายเอกชัย ยังวาณิช รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เสถียรสเตนเลส สตีล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องครัวสเตนเลสสตีล ตราหัวม้าลาย เปิดเผยถึง นโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการขึ้นค่าแรง 300 บาท แก่พนักงานว่า ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งทางทางหัวม้าลาย ยืนยันว่าไม่น่าที่จะส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก โดยจะกระทบต่อต้นทุนเพียง 4-5% เท่านั้น เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ที่แรงงาน แต่อยู่ที่วัตถุดิบ ในทางกลับกันจะเป็นประโยชน์ในเรื่องของแรงงาน เพราะขณะนี้บริษัทกำลังขาดแคลนแรงงานอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาแรงงานเฉลี่ยในการจ้างแรงงานของบริษัทก็ใกล้เคียงกับค่าแรงขั้นต่ำตามนโยบายของรัฐอยู่แล้ว
ทั้งนี้บริษัทต้องปรับตัวบ้างเล็กน้อย เช่น การคัดแรงงานที่มีฝีมือมากขึ้นรวมถึงการนำหุ่นยนต์เข้ามาเพื่อทดแทนปัญหาการขาดแคลนแรงงานบริษัทฯ ได้มีการลงทุนขยายโรงงานเพิ่มอีก 3 อาคารขนาดพื้นที่ประมาณ 5,400 ต.ร.ม. โดยได้รับการสนับสนุนจาก BOI ด้วยงบลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 200 ล้านบาทเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดส่งออกที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และในปี 2554 เครื่องจักรที่สั่งซื้อได้ทยอยเข้ามาหลังจากติดตั้งเรียบร้อยแล้ว จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 10-15% ครึ่งปีแรกของปี 2554 บริษัทฯ มียอดขายที่เติบโตขึ้นประมาณ 15% คาดว่าจะปิดยอดขายในปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 15%
สำหรับสัดส่วนการส่งออกของบริษัทฯ ที่มีอยู่ประมาณ 30% คาดน่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนจากปัญหาวิกฤติในสหรัฐฯและยุโรป โดยในส่วนของหัวม้าลายเองไม่ได้เน้นการส่งออกไปยังสองภูมิภาคดังกล่าวมากนัก แต่เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากตลาดภายในประเทศ และตลาดภูมิภาคอย่างในเอเชีย และอาเซียนยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
นายเอกชัย ยังวาณิช รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เสถียรสเตนเลส สตีล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องครัวสเตนเลสสตีล ตราหัวม้าลาย เปิดเผยถึง นโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการขึ้นค่าแรง 300 บาท แก่พนักงานว่า ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งทางทางหัวม้าลาย ยืนยันว่าไม่น่าที่จะส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก โดยจะกระทบต่อต้นทุนเพียง 4-5% เท่านั้น เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ที่แรงงาน แต่อยู่ที่วัตถุดิบ ในทางกลับกันจะเป็นประโยชน์ในเรื่องของแรงงาน เพราะขณะนี้บริษัทกำลังขาดแคลนแรงงานอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาแรงงานเฉลี่ยในการจ้างแรงงานของบริษัทก็ใกล้เคียงกับค่าแรงขั้นต่ำตามนโยบายของรัฐอยู่แล้ว
ทั้งนี้บริษัทต้องปรับตัวบ้างเล็กน้อย เช่น การคัดแรงงานที่มีฝีมือมากขึ้นรวมถึงการนำหุ่นยนต์เข้ามาเพื่อทดแทนปัญหาการขาดแคลนแรงงานบริษัทฯ ได้มีการลงทุนขยายโรงงานเพิ่มอีก 3 อาคารขนาดพื้นที่ประมาณ 5,400 ต.ร.ม. โดยได้รับการสนับสนุนจาก BOI ด้วยงบลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 200 ล้านบาทเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดส่งออกที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และในปี 2554 เครื่องจักรที่สั่งซื้อได้ทยอยเข้ามาหลังจากติดตั้งเรียบร้อยแล้ว จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 10-15% ครึ่งปีแรกของปี 2554 บริษัทฯ มียอดขายที่เติบโตขึ้นประมาณ 15% คาดว่าจะปิดยอดขายในปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 15%
สำหรับสัดส่วนการส่งออกของบริษัทฯ ที่มีอยู่ประมาณ 30% คาดน่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนจากปัญหาวิกฤติในสหรัฐฯและยุโรป โดยในส่วนของหัวม้าลายเองไม่ได้เน้นการส่งออกไปยังสองภูมิภาคดังกล่าวมากนัก แต่เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากตลาดภายในประเทศ และตลาดภูมิภาคอย่างในเอเชีย และอาเซียนยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
