xs
xsm
sm
md
lg

วังทองดึงพรีแฟ็บสร้างบ้าน แก้ปัญหาแรงงานระยะยาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “วังทอง” เชื่อครึ่งปีหลังตลาดอสังหาฯ สดใส ระบุบ้านแนวราบยังเป็นที่ต้องการของตลาด พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง เน้นโซนเหนือ กทม. เตรียมเปิดทาวน์เฮาส์ย่านวังน้อย บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ เล็งใช้พรีแฟ็บทั้งหลัง หวังลดปัญหาขาดแคลนแรงงานฝีมือ-ค่าแรงขึ้น ช่วยร่นเวลาก่อสร้างทาวน์เฮาส์เหลือ 25-30 วัน

นายปราโมทย์ เจษฏาวรางกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วังทองกรุ๊ป จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาและเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ระดับราคาตั้งแต่ 2-8 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4 จะเปิดตัวโครงการใหม่ย่านวังน้อย อยุธยา ทาวน์เฮาส์สไตล์อิตาลี บนพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ ราคาประมาณ 2 ล้านกว่าบาท โดยจะแบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 เฟส จำนวนประมาณ 1,000 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาท จับลูกค้าทำงานในย่านวังน้อย และลูกค้าที่ทำงานสระบุรี อยุธยา หรือในนิคมอุตสาหกรรมบริเวณใกล้เคียง ระดับหัวหน้างาน ซึ่งสาเหตุที่เน้นลงทุนในแถบชานเมือง โซนเหนือของกรุงเทพเนื่องจากบริษัทมีความเชี่ยวชาญตลาดในโซนนี้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 9 โครงการ ได้แก่ โครงการทาวน์เฮาส์ แบรนด์ไอดีไซน์-รามอินทรา, ไอดีไซน์-ลำลูกกา, ไอดีไซน์-วิภาวดี โครงการบ้านแบรนด์วราบดินทร์ ปทุมธานี, ลำลูกกา, โรจนะ, โครงการบ้านเจษฎา10 และคอนโดมิเนียมเดอะเซ็นเตอร์ แหลมฉบัง

“สำหรับการลงทุนโครงการคอนโดมิเนียม เดอะ เซ็นเตอร์ แหลมฉบังนั้น ถือเป็นการลงทุนเฉพาะกิจ เพราะมีที่ดินอยู่แล้ว หากเสร็จโครงการนี้แล้วอาจไม่มีโครงการต่อเนื่องอีก เพราะวังทองไม่ถนัดตลาดนี้” นายปราโมทย์ กล่าว

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการหาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อที่ดินในทำเลสายไหม ขนาดประมาณ 100 ไร่ โดยคาดว่าจะได้ขอสรุปในเร็วๆ นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ซื้อที่ดินขนาด 20 ไร่เข้ามาเพื่อรอพัฒนาแล้ว ส่วนการลงทุนนั้นคาดว่าจะลงทุนพัฒนาโครงการในย่านวังน้อยก่อน เพราะที่ดินมีศักยภาพสามารถพัฒนาได้เลย อีกทั้งที่ดินยังมีขนาดใหญ่พัฒนาบ้านได้ประมาณ 100-200 ยูนิต

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเน้นการพัฒนาโครงการในขนาดที่ไม่ใหญ่มาก แต่กระจายในหลายทำเล เปิดและปิดการขายในเวลารวดเร็ว ซึ่งการดำเนินนโยบายนี้ถือว่าใช้ได้ผลดี และง่ายต่อการบริหารจัดการ เพราะการดูแลลูกบ้านจำนวนมากเป็นเรื่องยุ่งยาก ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก มีปัญหามากโดยเฉพาะการไม่ให้ความร่วมมือของลูกบ้านบางส่วน แต่หากเป็นโครงการขนาดเล็กจะทำให้ดูแลได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม CSR ร่วมกับลูกบ้าน ทำให้ปัจจุบันบริษัทมียอดขายจากการที่ลูกค้าบอกต่อ 15-17%

นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า จากปัญหาขาดแคลนแรงงานคุณภาพในภาคการก่อสร้าง เนื่องจากแรงงานส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือ อีกทั้งยังต้องปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทตามนโยบายรัฐบาลใหม่ บริษัทจึงแก้ปัญหาด้วยการนำระบบก่อสร้างสำเร็จรูป หรือ พรีแฟ็บมาใช้ในการก่อสร้างบ้าน และพัฒนาให้สามารถใช้ในการก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลังภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยร่นระยะเวลาก่อสร้างทาวน์เฮาส์จาก 2 เดือนเหลือเพียง 25-30 วัน

“สำหรับยอดขายของวังทองในช่วง 6 เดือนแรกเป็นที่พอใจโดยมียอดขาย 600-700 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 1,500 ล้านบาท โดยเชื่อว่าครึ่งปีหลัง ตลาดจะโตขึ้นโดยกำลังซื้อของที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงมีอยู่ตลอดเวลา แต่บางช่วงกำลังซื้อเคลื่อนย้ายไปบ้านเดี่ยวบ้าง ทาวน์เฮาส์บ้าง หรือบางปีดีทั้งคู่ หรือสลับกัน อย่างในครึ่งปีแรกนี้บ้านเดี่ยวระดับราคา 3-6 ล้านบาทของราขายดีมีเท่าไหร่ก็ไม่พอ” นายปราโมทย์กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น