“เอสเอ็มอีแบงก์” คิกออฟสินเชื่อโอทอปใหม่ ปรับเกณฑ์ไม่ยึดติดดาว

"เอสเอ็มอีแบงก์”เปิดตัวสินเชื่อโอทอปใหม่ ปรับเกณฑ์ปล่อยกู้ไม่อิงดาว ระบุวัดจากศักยภาพธุรกิจเป็นหลักสำคัญ พร้อมพัฒนาทั้งด้านมาตรฐาน การบริหาร และการตลาดควบคู่ให้เงินทุน ดันโอทอปแข็งแรงอุดช่องโหว่หนี้เน่า คาดไม่เกิน 10%

นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เผยภายหลังเป็นประธานเปิดตัวโครงการสินเชื่อโอทอปอย่างเป็นทางการว่า แนวทางการพิจารณาการปล่อยกู้แก่ผู้ประกอบการโอทอปในโครงการใหม่นี้ จะแตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา ซึ่งจะเน้นต้องอ้างอิงกับการจัดอันดับดาวที่ผู้ประกอบการโอทอปจะได้รับระดับ 4-5 ดาวเป็นสำคัญ ซึ่งในความเป็นจริงไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงทางธุรกิจของผู้ประกอบการทั้งหมด ดังนั้น แนวทางใหม่ทางเอสเอ็มอีแบงก์จะเน้นดูจากศักยภาพทางธุรกิจ ออเดอร์ และผลประกอบการ เป็นต้น

ส่วนในรายที่มีความต้องการสินเชื่อ แต่ยังมีศักยภาพธุรกิจไม่มากพอ ทางเอสเอ็มอีแบงก์จะเข้าไปช่วยเหลือด้านการพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้สามารถผ่านการพิจารณาปล่อยกู้ได้ในอนาคต

กก.ผจก.เอสเอ็มอีแบงก์ เผยด้วยว่า ในโครงการสินเชื่อโอทอปใหม่นี้ นอกจากสนับสนุนด้านเงินทุนแล้ว ทางเอสเอ็มอีแบงก์จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปช่วยเหลือผู้ประกอบการโอทอปอย่างใกล้ชิดควบคู่ไปด้วย เพื่อให้เกิดการความยั่งยืน ใน 3 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านมาตรฐานการผลิต ให้มีมาตรฐานระดับประเทศ รวมถึง พัฒนาด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น ช่วยทำโลโก้ บรรจุภัณฑ์ เป็นต้น เพื่อเพิ่มมูลค่าแก่ผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดกว้างยิ่งขึ้น รวมถึง ยังเป็นรองรับออเดอร์จากต่างชาติที่จะมากขึ้นหลังเปิดเสรีอาเซียนในอีก 4 ปีข้างหน้า 2. ด้านบริหารจัดการการเงิน และการบริหารงาน และ 3.พัฒนาด้านการตลาด เช่น จัดทำเว็บไซต์ และหาช่องทางตลาดใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการโอทอปด้วย

“ในอดีตโครงการสินเชื่อโอทอปจะเน้นให้เงินทุน ซึ่งปัญหาที่ตามมา ผู้ประกอบการโอทอปมักไม่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ จนทำให้สินเชื่อโอทอปของเอสเอ็มอีแบงก์เป็นหนี้เสียกว่า 40% แต่แนวทางในโครงการใหม่ครั้งนี้ ที่เราจะให้เงินทุนควบคู่กับการพัฒนา เชื่อว่าจะมาอุดช่องโหว่ในอดีตได้ คาดจะเกิดหนี้เสียไม่เกิน 10%” นายโสฬส อธิบายเสริม

สำหรับสินเชื่อโอทอปใหม่ เริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งจากการสำรวจมีผู้ประกอบการมากที่สุดในประเทศ รวมกว่า 900 กลุ่ม และผู้ประกอบการมีความตื่นตัวอย่างสูง โดยวงเงินในโครงการ รวม 5,000 ล้านบาท วงเงินกู้ 50,000-1,000,000 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนนาน 7 ปี ผ่อนเฉพาะดอกเบี้ย 1 ปีแรก อัตราดอกเบี้ย MLR 7% ต่อปี นับเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในระบบ