‘เอสเอ็มอีแบงก์’ ปัดฝุ่นสินเชื่อโอทอป อ้อนรัฐบาลใหม่หนุนต่อยอด

“เอสเอ็มอีแบงก์” ฟื้นสินเชื่ออุ้มโอทอป ชี้ช่วยสร้าง ศก.ประเทศจากท้องถิ่น ลดปัญหาแรงงานเข้าเมือง ระบุนำบทเรียนพลาดในอดีตปรับแก้ คัดเฉพาะตัวจริง ประกบเสริมความรู้ป้องกันหนี้เน่า อ้อน รบ.ใหม่ เห็นประโยชน์ช่วยหนุนต่อยอด

นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า จากที่ได้ลงสำรวจพื้นที่ต่างจังหวัด ประกอบกับพูดคุยสอบถามข้าราชการท้องถิ่น และผู้นำชุมชนต่างๆ พบว่า ผู้ประกอบการท้องถิ่นรายเล็กๆ มีความต้องการให้ทางเอสเอ็มอีแบงก์ฟื้นโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโอทอป ซึ่งในอดีตก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง ทางเอสเอ็มอีแบงก์เคยมีโครงการเช่นนี้มาก่อน ทว่า ขาดช่วงไปเนื่องจากประสบปัญหาล้มเหลว เพราะผู้ได้รับสินเชื่อส่วนหนึ่งนำเงินไปใช้ผิดประเภท อีกทั้ง เน้นให้เฉพาะตัวเงินทุน ทำให้ที่สุดแล้วธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ กลายเป็นหนี้เสียมากกว่า 50% มูลค่าความเสียหายหลักร้อยล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่า สินเชื่อดังกล่าวมีประโยชน์แก่ประเทศ เพราะจะช่วยสร้างเศรษฐกิจระดับฐานราก กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น รวมถึง ลดปัญหาแรงงานเข้าเมือง ดังนั้น แนวทางของเอสเอ็มอีแบงก์ได้เริ่มเข้าไปช่วยเหลือปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการโอทอป ทว่า จะเพิ่มเติมการคัดกรองผู้รับสินเชื่อมากยิ่งขึ้น โดยเป็นรายที่มีศักยภาพ และมีความตั้งใจจริง รวมถึง หลังจากที่ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว จะส่งเจ้าหน้าที่ของเอสเอ็มอีแบงก์ลงไปดูแลอย่างใกล้ชิด ประกบแบบตัวต่อตัว เพื่อช่วยเหลือพัฒนาทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐานการผลิต และลดต้นทุนการผลิต เป็นต้น เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จ ควบคู่กับเสริมความรู้ในแบบรวมกลุ่มใหญ่ เช่น จัดอบรมสัมมนาผู้ประกอบการโอทอป เป็นต้น

นายโสฬส กล่าวต่อว่า แนวทางดังกล่าว เอสเอ็มอีแบงก์ได้เริ่มต้นทำในขอบเขตหน้าที่ของตัวเองไปแล้ว และจะสานต่อในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งหากทางรัฐบาลใหม่ที่กำลังเข้ามารับหน้าที่ เห็นประโยชน์กับแนวทางดังกล่าว จะเข้ามาสานต่อ หรือต่อยอด จะช่วยให้เอสเอ็มอีแบงก์สามารถขับเคลื่อนได้ในวงกว้างยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ยอดปล่อยสินเชื่อของเอสเอ็มอีแบงก์ ระยะ 6 เดือนของปีนี้ (2554) ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิ้นเดือนมิถุนายน มียอดสินเชื่อใหม่ประมาณ 9,000 ล้านบาท รวมสินเชื่อคงค้างทั้งหมดกว่า 90,000 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตตามเป้า เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการให้ความเชื่อถือเอสเอ็มอีแบงก์อย่างมาก ในฐานะสถาบันการเงินของภาครัฐที่มีความมั่นคง อีกทั้ง อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ และให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาควบคู่ไปด้วย โดยกลุ่มพลังงานทดแทนมีอัตราการเติบโตของสินเชื่ออย่างสูง ซึ่งจากแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อดังกล่าว มั่นใจว่า ถึงสิ้นปีนี้ ยอดสินเชื่อใหม่จะเพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท ทำให้ยอดสินเชื่อคงค้างถึง 100,000 ล้านบาทตามเป้าที่วางไว้