xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลยันตั้งกองทุนช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
รัฐบาลยืนยันพร้อมตั้งกองทุนค้ำประกันช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น แก้ปัญหาขาดสภาพคล่อง หอการค้าชี้แนวโน้มจีดีพี ภาคเอสเอ็มอีขยายแค่ร้อยละ 0.45 ด้าน “โฆสิต” แนะลดพึ่งพาต่างชาติ หันมามุ่งตลาดภายในมากยิ่งขึ้น

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายในงานสัมมนา "หนุนธุรกิจไทย สู้ภัยวิกฤตโลก” ว่า รัฐบาลวางนโยบายส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยผลักดันธุรกิจระดับเอสเอ็มอีขยับเป็นระดับใหญ่ขึ้นตามลำดับ หรือเอสเอ็มแอล ทว่า ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจขณะนี้ มาตรการเร่งด่วนจะเน้นกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค และสร้างความเชื่อมั่นของทุกฝ่าย รวมถึง แก้ปัญหาเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก ทำให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง เพราะยอดขายในประเทศและต่างประเทศชะลอตัว ดังนั้น รัฐบาลจะเร่งผลักดันการตั้งกองทุนเพื่อเอสเอ็มอี โดยรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

ผศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้า เผยว่า จากการวิเคราะห์ของหอการค้าไทย เศรษฐกิจของเอสเอ็มอี ในปีนี้ (2552) กรณีที่เลวร้ายที่สุด การส่งออกจะหดตัวลงร้อยละ 10.3 การนำเข้าหดตัวลงร้อยละ 13.5 การจ้างงานจะลดลงประมาณ 300,000 คน จากปี 2551 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของเอสเอ็มอี ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.45

กรณีที่มองในแง่ดี การส่งออกของเอสเอ็มอี ขยายตัวร้อยละ 0.4 นำเข้าขยายตัวร้อยละ 5.8 ส่งผลให้การค้าสุทธิเกินดุล 3,844 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 13,000 คน คาดว่า จีดีพี เอสเอ็มอี ขยายตัวร้อยละ 2.37

สำหรับเม็ดเงินที่รัฐบาลอัดฉีดเข้าไปตามโครงการต่างๆ เพื่อกระตุ้นธุรกิจเอสเอ็มอี ควรกระจายเข้ามาสู่ระบบอย่างรวดเร็ว ไม่ติดค้างในระบบ ขณะที่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ควรผ่อนคลายการปล่อยกู้ให้ง่ายขึ้น โดยคิดอัตรการดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งเอสเอ็มอีสามารถรับได้

อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายต้องยอมรับว่า ต้องพบภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในทุกส่วนแน่นอน ทั้งภาคการบริการ การค้า และการผลิต โดยธุรกิจที่มองว่ายังมีโอกาส คือ กลุ่ม อาหาร เฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอ ส่วนที่ยากลำบาก ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ เคมีภัณฑ์ และยางพารา เป็นต้น

ด้านนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฏ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ระบุว่า วิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ อาจจะต้องใช้เวลานานถึง 2 ปี ดังนั้น เอสเอ็มอีต้องทำต้องจับมือและรวมกลุ่มกันทำงาน รวมถึง พยายามปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และปรับแผนตลาดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ นอกจากนั้น ต้องหวังพึ่งพาการค้าการลงทุนกับต่างประเทศน้อยลง หันมาพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก ขณะที่รัฐบาลต้องกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย การบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น