หอการค้าญี่ปุ่นประจำประเทศไทยสำรวจแนวโน้มเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย จำนวน 1,285 บริษัท และมีการตอบกลับ 341 บริษัท เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2551 และต่อเนื่องครึ่งแรกปี 2552 อยู่ในทิศทางแย่ลง ชี้ธุรกิจเอสเอ็มอีด้านชิ้นส่วนยานยนต์ ป้อนโรงงานยักษ์ใหญ่กระทบสุด วอนรัฐบาลไทยแก้ไขพร้อมวางกรอบการพัฒนาเศรษฐกิจรอบด้าน
นายมุเนโนริ ยามาดะ ประธานคณะกรรมการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ เปิดเผยว่าสาเหตุปัญหาเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐและปัญหาการเมืองในประเทศไทย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มองว่าปรับตัวลดลง ได้แก่ อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมเครื่องจักรไฟฟ้า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมการผลิตมองว่าผลประกอบการปรับตัวลดลง สะท้อนให้เห็นว่าสภาวะทางธุรกิจครึ่งแรกปี 2552 ยังไม่ดี ส่งผลต่อภาคการบริหารงาน ต้องแข่งขันกับบริษัทอื่นอย่างรุนแรง
สำหรับผลกระทบภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งที่ต้องปรับตัว คือ ลดต้นทุน และหากสถานการณ์เศรษฐกิจในไทยรุนแรงก็อาจจะส่งทีมงานญี่ปุ่นที่อยู่ในไทยกลับประเทศญี่ปุ่น และการลดกำลังการผลิต การปรับลดโอที การปรับเวลาทำงาน ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ กลุ่มเอสเอ็มอี เช่น ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ป้อนให้บริษัทแม่ในญี่ปุ่นและบริษัทในไทย ซึ่งคงต้องฝากความหวังรัฐบาลไทยให้มีการวางกรอบการพัฒนาเศรษฐกิจด้านต่างๆ
สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยใน 1-2 ปีข้างหน้า ได้แก่ ความสับสนทางการเมือง การชะลอตัวเศรษฐกิจญี่ปุ่น สหรัฐ ยุโรป การบริโภคและการลงทุนไม่ขยายตัวจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งผู้ประกอบการญี่ปุ่นคาดหวังต่อรัฐบาลไทยเป็นการกำหนดนโยบายที่เหมาะสม และบริหาร พัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่มีคุณภาพสูงภายในประเทศ การปรับปรุงสภาพจราจรใจกลางและรอบกรุงเทพฯ ทั้งทางถนน รถไฟ การพัฒนา ความรู้ ฝึกอบรม การส่งเสริมนโยบายปฏิบัติที่ดีต่อต่างชาติให้สอดคล้องและต่อเนื่อง ความร่วมมือจากหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (เจเทปปา) ที่ผ่านมาค่อนข้างน้อยมาก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมองว่าการใช้สิทธิตามกรอบเจเทปปายังมีขั้นตอนยุ่งยาก ขาดความรู้เพียงพอในเรื่องระบบ จึงต้องเร่งสร้างความมั่นใจ เพื่อให้กรอบดังกล่าวสามารถเดินหน้าต่อไป
นายมุเนโนริ ยามาดะ ประธานคณะกรรมการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ เปิดเผยว่าสาเหตุปัญหาเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐและปัญหาการเมืองในประเทศไทย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มองว่าปรับตัวลดลง ได้แก่ อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมเครื่องจักรไฟฟ้า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมการผลิตมองว่าผลประกอบการปรับตัวลดลง สะท้อนให้เห็นว่าสภาวะทางธุรกิจครึ่งแรกปี 2552 ยังไม่ดี ส่งผลต่อภาคการบริหารงาน ต้องแข่งขันกับบริษัทอื่นอย่างรุนแรง
สำหรับผลกระทบภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งที่ต้องปรับตัว คือ ลดต้นทุน และหากสถานการณ์เศรษฐกิจในไทยรุนแรงก็อาจจะส่งทีมงานญี่ปุ่นที่อยู่ในไทยกลับประเทศญี่ปุ่น และการลดกำลังการผลิต การปรับลดโอที การปรับเวลาทำงาน ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ กลุ่มเอสเอ็มอี เช่น ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ป้อนให้บริษัทแม่ในญี่ปุ่นและบริษัทในไทย ซึ่งคงต้องฝากความหวังรัฐบาลไทยให้มีการวางกรอบการพัฒนาเศรษฐกิจด้านต่างๆ
สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยใน 1-2 ปีข้างหน้า ได้แก่ ความสับสนทางการเมือง การชะลอตัวเศรษฐกิจญี่ปุ่น สหรัฐ ยุโรป การบริโภคและการลงทุนไม่ขยายตัวจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งผู้ประกอบการญี่ปุ่นคาดหวังต่อรัฐบาลไทยเป็นการกำหนดนโยบายที่เหมาะสม และบริหาร พัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่มีคุณภาพสูงภายในประเทศ การปรับปรุงสภาพจราจรใจกลางและรอบกรุงเทพฯ ทั้งทางถนน รถไฟ การพัฒนา ความรู้ ฝึกอบรม การส่งเสริมนโยบายปฏิบัติที่ดีต่อต่างชาติให้สอดคล้องและต่อเนื่อง ความร่วมมือจากหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (เจเทปปา) ที่ผ่านมาค่อนข้างน้อยมาก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมองว่าการใช้สิทธิตามกรอบเจเทปปายังมีขั้นตอนยุ่งยาก ขาดความรู้เพียงพอในเรื่องระบบ จึงต้องเร่งสร้างความมั่นใจ เพื่อให้กรอบดังกล่าวสามารถเดินหน้าต่อไป
