ปิยสวัสดิ์ แนะมาร์คเร่งสางปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจชาติโดยเร็ว เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติกลับคืน เสนอเร่งใช้จ่ายโครงการภาครัฐฯ โดยเน้นโครงการขนาดเล็กที่จะลงไปสู่รากหญ้า ชี้โครงการขนาดใหญ่ไม่มีผลกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านบีโอไอ เตรียมจับมือกระทรวงแรงงานฯ ช่วยเหลือปัญหาว่างงาน ร้องรัฐฯ เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติกลับมาโดยเร็ว
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การที่ประเทศไทยได้รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือเป็นรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศอย่างแท้จริงในรอบ 11 เดือน เพราะ 2 รัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้เข้ามาบริหารประเทศเต็มที่ ซึ่งรัฐบาลใหม่ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง รวมถึงปัญหาความขัดแย้งให้ผ่อนคลายลง โดยต้องเร่งสะสางคดีที่ค้าง หากไม่สะสางก็จะไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้น รัฐบาลใหม่น่าจะทำให้ความมั่นใจเพิ่มขึ้นได้ในปีหน้า
ทั้งนี้รัฐบาลใหม่จำเป็นต้องเร่งใช้จ่ายโครงการภาครัฐฯ โดยเน้นโครงการขนาดเล็กที่จะลงไปสู่รากหญ้า เพราะโครงการขนาดใหญ่ไม่มีผลกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันต้องแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หลายเรื่องเป็นเรื่องยาก แต่จำเป็นที่รัฐบาลใหม่ต้องยอมรับ เช่น การเช่าที่ดินระยะยาวของต่างชาติที่ยังมีความเห็นแตกต่าง เดินหน้าปรับปรุงรัฐวิสาหกิจ โครงการรถไฟรางคู่ต่างจังหวัด โดยจะต้องพูดคุยกับการรถไฟแห่งประเทศไทยและสหภาพฯ อย่างไรก็ตาม ความโปร่งใสในทุกโครงการถือเป็นเรื่อง
ด้านนางอรรชกา ศรีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า อยากเห็นรัฐบาลใหม่เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เนื่องจากที่ผ่านมาเสถียรภาพทางการเมืองไม่มั่นคงและมีการปิดสนามบิน ปัจจุบันมีการชุมนุมและเรียกร้องโบนัส รวมทั้งค่าแรงเพิ่มขึ้นของแรงงาน สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวบีโอไอ จะปรึกษากับกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม พร้อมประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด และแรงงานจังหวัดให้เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งช่วงนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาต่อรอง หากการเจรจาไม่เป็นผลก็จะนำไปสู่การปิดโรงงานและสูญเสียความเชื่อมั่น ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งเดินหน้าพูดคุยกับนักลงทุนในเรื่องความเชื่อมั่น โดยดูแลความสงบเรียบร้อยและทำตามหลักเกณฑ์และกฎหมายของบ้านเมือง เพื่อให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การที่ประเทศไทยได้รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือเป็นรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศอย่างแท้จริงในรอบ 11 เดือน เพราะ 2 รัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้เข้ามาบริหารประเทศเต็มที่ ซึ่งรัฐบาลใหม่ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง รวมถึงปัญหาความขัดแย้งให้ผ่อนคลายลง โดยต้องเร่งสะสางคดีที่ค้าง หากไม่สะสางก็จะไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้น รัฐบาลใหม่น่าจะทำให้ความมั่นใจเพิ่มขึ้นได้ในปีหน้า
ทั้งนี้รัฐบาลใหม่จำเป็นต้องเร่งใช้จ่ายโครงการภาครัฐฯ โดยเน้นโครงการขนาดเล็กที่จะลงไปสู่รากหญ้า เพราะโครงการขนาดใหญ่ไม่มีผลกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันต้องแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หลายเรื่องเป็นเรื่องยาก แต่จำเป็นที่รัฐบาลใหม่ต้องยอมรับ เช่น การเช่าที่ดินระยะยาวของต่างชาติที่ยังมีความเห็นแตกต่าง เดินหน้าปรับปรุงรัฐวิสาหกิจ โครงการรถไฟรางคู่ต่างจังหวัด โดยจะต้องพูดคุยกับการรถไฟแห่งประเทศไทยและสหภาพฯ อย่างไรก็ตาม ความโปร่งใสในทุกโครงการถือเป็นเรื่อง
ด้านนางอรรชกา ศรีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า อยากเห็นรัฐบาลใหม่เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เนื่องจากที่ผ่านมาเสถียรภาพทางการเมืองไม่มั่นคงและมีการปิดสนามบิน ปัจจุบันมีการชุมนุมและเรียกร้องโบนัส รวมทั้งค่าแรงเพิ่มขึ้นของแรงงาน สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวบีโอไอ จะปรึกษากับกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม พร้อมประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด และแรงงานจังหวัดให้เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งช่วงนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาต่อรอง หากการเจรจาไม่เป็นผลก็จะนำไปสู่การปิดโรงงานและสูญเสียความเชื่อมั่น ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งเดินหน้าพูดคุยกับนักลงทุนในเรื่องความเชื่อมั่น โดยดูแลความสงบเรียบร้อยและทำตามหลักเกณฑ์และกฎหมายของบ้านเมือง เพื่อให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น