นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ กรรมการ และโฆษกการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการวานนี้ (21 เม.ย.) ได้อนุมัติการจัดซื้อหัวรถจักร 20 คัน มูลค่า 3,300 ล้านบาท และโบกี้รถโดยสารและรถขนส่งสินค้า 308 โบกี้ มูลค่า 770 ล้านบาท เพื่อรองรับการขาดแคลนขบวนรถ โดยเฉพาะรถขนส่งสินค้าเพื่อรองรับการพัฒนาเส้นทางรถไฟรางคู่ที่จะดำเนินการในอนาคต ซึ่งหลังคณะกรรมการอนุมัติจะมีการส่งเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคม
เพื่อนำเข้าขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ ในการจัดซื้อที่จะมีขึ้นในอนาคตนั้น คาดว่าจะใช้วิธีประมูลแบบเปิดกว้างระดับนานาชาติ หรือ International bid คณะกรรมการ รฟท. ได้กำชับให้ฝ่ายบริหารจัดทำสัญญาเงื่อนไขการประมูลให้มีความโปร่งใสมากที่สุด
นอกจากนี้ คณะกรรมการ รฟท.ยังได้พิจารณาวาระการทบทวนเรื่องของรายได้จากที่ดินเช่าของรถไฟ ซึ่งที่ผ่านมา พบว่ามีปัญหาที่ รฟท.นำไปให้เอกชนเช่า แต่ได้รับผลตอบแทนน้อยกว่ามูลค่าทรัพย์สินจริง อย่างไรก็ตาม สัญญาที่ รฟท.ทำกับเอกชนไปแล้ว สัญญาส่วนใหญ่มีอายุยาวนานถึง 30 ปี ซึ่งการเข้าไปแก้ไขคงดำเนินการได้ลำบาก ดังนั้น คณะกรรมการจึงขอให้ฝ่ายบริหารไปพิจารณาว่าสัญญาฉบับใดที่ใกล้หมดอายุลงในการต่อสัญญาใหม่ จะต้องมีรายได้ตอบแทนที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับ รฟท.มากขึ้น
ส่วนปัญหาเรื่องการสรรหาผู้ว่าฯ รฟท.นั้น คณะกรรมการยังไม่ได้หยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพิจารณา เนื่องจากจะรอผลการชี้ขาดจากนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่พยายามไกล่เกลี่ยให้ผู้ผ่านการสรรหาทั้ง 2 คน คือ นายยุทธนา ทัพเจริญ และนายบัญชา คงนคร สามารถตกลงกันให้ได้ ซึ่งหากกระทรวงคมนาคมสรุปผลได้ภายในสิ้นเดือนนี้ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว คณะกรรมการ รฟท.จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณาในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้
เพื่อนำเข้าขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ ในการจัดซื้อที่จะมีขึ้นในอนาคตนั้น คาดว่าจะใช้วิธีประมูลแบบเปิดกว้างระดับนานาชาติ หรือ International bid คณะกรรมการ รฟท. ได้กำชับให้ฝ่ายบริหารจัดทำสัญญาเงื่อนไขการประมูลให้มีความโปร่งใสมากที่สุด
นอกจากนี้ คณะกรรมการ รฟท.ยังได้พิจารณาวาระการทบทวนเรื่องของรายได้จากที่ดินเช่าของรถไฟ ซึ่งที่ผ่านมา พบว่ามีปัญหาที่ รฟท.นำไปให้เอกชนเช่า แต่ได้รับผลตอบแทนน้อยกว่ามูลค่าทรัพย์สินจริง อย่างไรก็ตาม สัญญาที่ รฟท.ทำกับเอกชนไปแล้ว สัญญาส่วนใหญ่มีอายุยาวนานถึง 30 ปี ซึ่งการเข้าไปแก้ไขคงดำเนินการได้ลำบาก ดังนั้น คณะกรรมการจึงขอให้ฝ่ายบริหารไปพิจารณาว่าสัญญาฉบับใดที่ใกล้หมดอายุลงในการต่อสัญญาใหม่ จะต้องมีรายได้ตอบแทนที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับ รฟท.มากขึ้น
ส่วนปัญหาเรื่องการสรรหาผู้ว่าฯ รฟท.นั้น คณะกรรมการยังไม่ได้หยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพิจารณา เนื่องจากจะรอผลการชี้ขาดจากนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่พยายามไกล่เกลี่ยให้ผู้ผ่านการสรรหาทั้ง 2 คน คือ นายยุทธนา ทัพเจริญ และนายบัญชา คงนคร สามารถตกลงกันให้ได้ ซึ่งหากกระทรวงคมนาคมสรุปผลได้ภายในสิ้นเดือนนี้ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว คณะกรรมการ รฟท.จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณาในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้
