สมัยนี้พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกมีหลาน ต่างให้ความสำคัญกับการศึกษาตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล ซึ่งส่วนใหญ่หวังให้ได้รับความรู้ทางด้านวิชาการ (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) หวังให้เติบโตเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ดำเนินชีวิตให้อยู่รอดในสังคมที่มีการแข่งขันสูงอย่างในปัจจุบันให้ได้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่สถาบันการศึกษาของไทยจะต้องปรับตัว ไม่เว้นแม้แต่ระดับเตรียมอนุบาล ที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้ปกครองอยู่ในขณะนี้
ครูปลา หรือ ‘อรพิน เจียมพิรุฬห์กิจ’ เป็นชื่อที่ลูกศิษย์ตัวน้อย แห่ง “โรงเรียนอนุบาลหลานรัก” เรียกขานกันจนติดปาก ที่แม้จะไม่ได้เรียนจบมาเพื่อเป็นครูโรงเรียนอนุบาล แต่ด้วยใจรักในเด็ก ประกอบกับพ่อแม่ก็รักเด็กเช่นกัน ถึงกับถวายที่ดินให้กับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อสร้างโรงเรียนเตรียมระยองขึ้น แต่ในช่วงระหว่างการก่อสร้างก็มีเด็กนักเรียนเริ่มมาเรียนทั้งๆ ยังไม่มีสถานที่ ดังนั้นทางพ่อแม่ของครูปลา จึงใช้พื้นที่ของตัวบ้านตนเองให้เป็นสถานที่เรียนไปก่อนเบื้องต้น จนกว่าโรงเรียนเตรียมระยองจะสร้างเสร็จ แต่เมื่อโรงเรียนสร้างเสร็จความเงียบเหงาก็เกิดขึ้นกับครอบครัวของครูปลา เพราะเสียงหัวเราะของเด็กๆ หายไป ทำให้คิดที่จะเปิดโรงเรียนอนุบาลขึ้นเอง
และแล้ว “โรงเรียนอนุบาลหลานรัก” ก็ถือกำเนิดขึ้น จากเงินทุนของผู้เป็นพ่อแม่ ที่หลงใหลในเสียงเด็กๆ และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ในการสร้างโรงเรียนจำนวน 5 ล้านบาท เพื่อนำมาเพิ่มจำนวนห้องเรียน และซื้อคอมพิวเตอร์ สร้างสนามเด็กเด็กเล่นที่สมบูรณ์แบบ บนเนื้อที่ 4 ไร่เศษ ซึ่งขณะนี้เหลือภาระหนี้อีกประมาณ 1.7 ล้านบาท เท่านั้น
ส่งผลให้ครูปลาที่ในช่วงนั้น อายุเพียง 25 ปี ต้องสวมหมวกเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลหลานรักไปโดยปริยาย ทั้งๆ ที่ไม่ได้เรียนจบมาทางด้านครุศาสตร์ แต่เป็นด้านการบริหาร ดังนั้นในช่วงแรก ครูปลา บอกว่า การบริหารโรงเรียนค่อนข้างยาก รวมถึงจะทำอย่างไรในการวางคอนเซ็ปต์การสอนให้เด็กที่เรียนแล้วมีความสุขนั้นจะเริ่มต้นอย่างไร ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากสำหรับเรือจ้างมือใหม่อย่างครูปลา
แต่การค้นคว้าหาข้อมูล และศึกษาความต้องการของเด็กในการเรียนนั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการตอบโจทย์ที่ในช่วงแรกยังแก้ไม่ได้ สุดท้ายจึงมาลงตัวที่หลักสูตร “มอนเตสเซอรี่ (Montessori)” ที่เน้นการให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง เอาความสนใจของเด็กที่จะเรียนนรู้เรื่องใดก็นำมาสอน เช่น สอนการทำอาหารอย่างง่ายๆ อย่าง แกงจืด และการปลูกต้นไม้ เป็นต้น ในขณะที่ได้มีการนำการทำโครงงานมาผสมผสานด้วย (Project Approach) เช่น หากในเด็กเรียนรู้เรื่องไข่ ก็จะสอนให้ทำไข่เค็ม เป็นต้น ซึ่งการเรียนการสอนดังกล่าวทำให้เด็กได้พัฒนาในเรื่องของ IQ และ EQไปพร้อมๆ กัน รวมถึงเด็กยังมีความสุขในการเรียนอีกด้วย
“ในการเรียนการสอนของอนุบาลหลานรัก เราเน้นไปที่ความสุขในการเรียนของเด็ก ที่จะแทรกการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ ทำให้เด็กกล้าคิด กล้าแสดงออก ซึ่งก็ได้ผลเพราะหลังจากที่เด็กไปเรียนต่อในระดับชั้นประถม ผู้ปกครองและครูจะเห็นความแตกต่าง ที่ลูกหลานของตนเองจะกล้าคิด กล้าถาม และมีพัฒนาการเร็วกว่าเด็กคนอื่น ซึ่งตรงจุดนี้เอง ทำให้โรงเรียนของเราได้รับความไว้วางใจจาก ผู้ปกครองที่เป็นแพทย์ พยาบาล ข้าราชการ พ่อค้า ต่างส่งลูกหลานมาเรียน รวมถึงชนชั้นกลางในจังหวัดระยองด้วย เพราะค่าเทอมไม่สูงมากนัก อยู่ที่เทอมละ 7,000-8,000 บาทเท่านั้น ซึ่งทางเรามีระบบการผ่อนค่าเทอมด้วย ทำให้ผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกหลานมีพัฒนาการที่ดี ต่างส่งมาเรียนชั้นอนุบาลที่นี่เป็นจำนวนมาก”
โรงเรียนอนุบาลหลานรักเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ปัจจุบันรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3-6 ปี มีครู 15 คน ในขณะที่มีจำนวนนักเรียน 240 คน (สัดส่วนจำนวนนักเรียน : ครู 16 : 1) ทำการสอนวิชาสามัญตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการพร้อมกับมีการสอนวิชาเสริมต่างๆ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ ดนตรี และว่ายน้ำ
ส่วนแผนการพัฒนาโรงเรียนอนุบาลหลานรัก คิดที่จะขยายระดับการสึกษาไปถึงระดับประถมศึกษาตามคำเรียกร้องของผู้ปกครอง ที่ต้องการให้ลูกหลานได้รับการพัฒนาทั้ง IQ และ EQ ไปจนถึงประดับประถม โดยหวังให้ลูกหลานสามารถใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันได้อย่างมีความสุข
***สนใจติดต่อ 0-3867-1613***
